เนื้อหมูลดราคากิโลละ10บาท

“เจ๊วา” โชว์ฟอร์มกล่อม เขียงหมู ลดกิโลละ 10 บาท เหลือ 105-110 บาท เริ่ม 1 ต.ค.นี้


เมื่อวันที่ 22 ก.ย. นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า

การประชุมร่วมกับสมาคมผู้ค้าสุกรชำแหละไทย สมาคมตลาดสดไทย ตลาดสด ผู้ค้าปลีกเนื้อสุกรในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล  ได้ให้ความร่วมมือปรับลดราคาขายปลีกหมูเนื้อแดงกก.ละ 10 บาท ให้สอดคล้องกับราคาหมูเป็นที่ลดลง ส่งผลให้ราคาแนะนำเนื้อหมูขายปลีกในตลาดสดเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลลดจากเดิมเฉลี่ย กก.ละ 115-120 บาท เหลือ 105-110 บาท มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.นี้เป็นต้นไป 

“ตอนนี้ราคาหมูเป็นลดลงมาก จากก่อนหน้านี้เคยขึ้นไปถึง กก.ละ 61-62 บาท ก็เหลือ 55-56 บาท ทำให้ราคาขายปลีกต้องลดตามจากเฉลี่ย กก.ละ 115-120 บาท เหลือ 105-110 บาท ซึ่งเป็นราคาตามสูตรคำนวณที่กระทรวงพาณิชย์กำหนดไว้ คือ หมูเป็นลด 1 บาท เท่ากับหมูชำแหละลด 2 บาท  ซึ่งครั้งนี้หมูเป็นลดถึง 5 บาท หมูชำแหละก็ต้องลด 10 บาท ทำให้ตอนนี้ราคาเนื้อส่วนสะโพก และไหล่ จะอยู่ที่ กก.ละ 105 บาท ขณะที่เนื้อสันที่มีคุณภาพดีอยู่ที่ 110 บาท”

ส่วนพื้นที่นอกเหนือกรุงเทพฯ และปริมณฑล อาจมีราคาขายปลีกสูงกว่าราคาแนะนำที่กระทรวงฯ กำหนด

เนื่องจากมีต้นทุนค่าขนส่ง และบริหารจัดการเพิ่มเติม เพราะผลผลิตหมูส่วนใหญ่กว่า 50% อยู่ภาคกลางใน จ.ราชบุรี นครปฐม ฉะเชิงเทรา อย่างไรก็ตามราคาขายปลีกที่เหมาะสม ทั่วประเทศ ภาคใต้ไม่ควรเพิ่มเกิน กก.ละ 5-10 บาท หรือตก 115-120 บาท ขณะที่ภาคเหนือ และอีสาน เพิ่มไม่เกิน กก.ละ 5 บาท หรือ 110-115 บาท

นางพรทิวากล่าวว่า หากพ้นวันที่ 1 ต.ค.ไป กระทรวงฯ จะส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่สำรวจราคาเนื้อหมูตามตลาดสดอย่างใกล้ชิด

หากพบร้านใดขายเกินราคา จะขอความร่วมมือเจ้าของตลาดสดเพื่อนำหมูธงฟ้าราคาประหยัด กก.ละ 100 บาทไปจำหน่าย เป็นทางเลือกลดภาระค่าครองชีพแก่ผู้บริโภค และประชาชนหากพบการขายเกินราคาสามารถร้องเรียนได้ที่โทร 1569 เพื่อจะเร่งประสานเจ้าหน้าที่ดูแลและนำเนื้อหมูธงฟ้าไปจำหน่ายให้


สำหรับราคาเนื้อหมูที่ปรับลดลง เนื่องจากตอนนี้เข้าสู่ฤดูฝนอากาศเย็น ทำให้หมูกินอาหารได้มาก เจริญเติบโตไว

มีปริมาณเนื้อเยอะประกอบกับผู้ประกอบการไม่สามารถส่งออกหมูไปประเทศกัมพูชาได้ จากปกติที่ต้องส่งออกไปประมาณเดือนละ2,000 ตัว จึงทำให้หมูมีอยู่ในตลาดมากกว่าปกติ ขณะที่แนวโน้มราคาเนื้อหมูคาดว่า เดือนหน้าอาจลดลงได้อีก เพราะเข้าช่วงเทศกาลถือศีลกินเจ และโรงเรียนปิดเทอม ทำให้ปริมาณการบริโภคลดลง อย่างไรก็ตามกระทรวงพาณิชย์จะเร่งสร้างเสถียรภาพราคาเนื้อหมูให้เกิดขึ้น เพราะหากให้ราคาตกไปมาก เกษตกรผู้เลี้ยงจะได้รับความเดือดร้อน และตอนนี้ราคาจำหน่ายก็ต่ำกว่าต้นทุนการเลี้ยงอยู่ถึง กก.ละ 2 บาท

นางพรทิวากล่าวต่อว่า ยังกำชับให้กรมการค้าภายใน ตรวจเข้มผู้ค้าปุ๋ยเคมีไม่ให้ขายเกินราคาที่กำหนดที่จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.นี้

โดยราคาปุ๋ยเคมีที่ลดลงมี 4 สูตร ประกอบด้วย  สูตร 46-0-0  ราคาปัจจุบันตันละ 12,000 บาท ลดลงเหลือ 11,000 บาท  สูตร 15-15-15 ปัจจุบัน 15,000-16,000 บาท เหลือ 14,000 บาท สูตร 16-20-0 ปัจจุบัน 14,000-15,000 บาท ลดลงเหลือ 11,500  บาท และสูตร 21-0-0  ปัจจุบัน  6,500 - 7,000 บาท ลดลงเหลือ  6,000  บาท

“มาตรการนี้ช่วยลดต้นทุนการผลิตแก่เกษตรกร หลังจากราคาต้นทุนปุ๋ยเคมีลดลง จากผลดีของค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ดังนั้นหากร้านใดจำหน่ายเกินราคา จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยเกษตรกรสามารถแจ้งเบาะแสได้ หากพบว่าร้านค้าใดจำหน่ายปุ๋ยเคมีเกินราคาที่กำหนดไว้”

นายมงคล  พิพัฒสัตยานุวงศ์ นายกสมาคมผู้ผลิตผู้ค้าและส่งออกไข่ไก่ กล่าวว่า แนวโน้มการบริโภคไข่ไก่ในประเทศไทยยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

และหลังจากนี้จะจัดกิจกรรม สัมมนาวิชาการเกี่ยวกับไข่ไก่ โดยเชิญนักวิชาการผู้ชำนาญการด้านโภชนาการเป็นพิเศษ มาร่วมให้ความรู้ เผยแพร่ผลวิจัยใหม่ๆ ที่น่าสนใจ และจัดกิจกรรมไปสู่กลุ่มเป้าหมาย คณาจารย์ นิสิต-นักศึกษา แม่บ้าน ตัวแทนองค์กรต่างๆ เพื่อส่งเสริมใหผู้บริโภครับรู้ถึงประโยชน์ของไข่ไก่ และเพิ่มปริมาณการบริโภคจากปัจจุบันคนละ 160 ฟองต่อปี เป็นคนละ 200 ฟองต่อปี ตามแผนยุทธศาสตร์ไก่ไข่ปี 52-55

เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์