เตือนโรค! นักท่องป่า หน้าหนาว

สธ.เตือนนักเที่ยวป่ากางเต็นท์นอนช่วงหน้าหนาว ให้ระวังตัว"ไรอ่อน"กัด ต้นเหตุโรค"ไข้รากสาดใหญ่"

ผู้ป่วยจะมีอาการปวดหัวรุนแรง ตัวร้อน ไข้สูง หนาวสั่น ไอแห้งๆ บางรายมีแผลคล้ายถูกบุหรี่จี้ ถ้าอาการหนักอาจถึงขั้นช็อกเสียชีวิต ระยะฟักตัวโรค 1-3 สัปดาห์ ไม่มีวัคซีนป้องกัน แต่มียารักษาให้หายได้ พบผู้ป่วยมากในภาคเหนือและอีสาน ช่วงฤดูฝนและต้นฤดูหนาว ตั้งแต่ต้นปีถึงเดือนก.ย.พบผู้ป่วยทั่วประเทศแล้วกว่า 2.4 พันราย

เมื่อวันที่ 2 ธ.ค. น.พ.ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า

ขณะนี้สภาพอากาศในประเทศไทยเริ่มหนาวเย็นลง ประชาชนมักเดินทางไปท่องเที่ยวในพื้นที่ที่มีอากาศหนาวเย็น จึงอยากเตือนให้ระมัดระวังตัวไรอ่อน (chigger) กัดโดยบังเอิญและทำให้เกิดโรคไข้รากสาดใหญ่ หรือสครับไทฟัส (Scrub typhus) ไรอ่อนนี้จะอาศัยอยู่ในสัตว์รังโรค คือสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดเล็ก เช่น หนู กระแต กระจ้อน เป็นต้น เมื่อกัดคนจะปล่อยเชื้อที่เรียกว่าริกเก็ตเซีย (Rickettsia) โรคไข้รากสาดใหญ่ มีระยะฟักตัวประมาณ 6-21 วัน แต่โดยทั่วไปประมาณ 10-12 วัน โดยไรอ่อนมักจะเข้าไปกัดบริเวณร่มผ้า เช่น อวัยวะสืบพันธุ์ ขาหนีบ เอว ลำตัวบริเวณใต้ราวนม รักแร้ และคอ




ปลัดกระทรวงสาธารณสุขกล่าวเตือนด้วยว่า โรคนี้จะพบมากในช่วงฤดูฝนและต้นฤดูหนาว อาการที่สำคัญ

ได้แก่ ปวดศีรษะอย่างรุนแรงบริเวณขมับและหน้าผาก ตัวร้อนจัด มีไข้สูง 40-40.5 องศาเซลเซียส หนาวสั่น เพลีย ปวดเมื่อยตัว ปวดกระบอกตา มีอาการไอแห้งๆ ไต ตับ ม้ามโต และผู้ป่วยร้อยละ 30-40 จะพบแผลคล้ายบุหรี่จี้ (eschar) ตรงที่บริเวณที่ถูกไรอ่อนกัด มีสีแดงคล้ำเป็นรอยบุ๋ม ไม่คัน ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของโรค ผู้ป่วยประมาณร้อยละ 20-50 อาจจะมีอาการแทรกซ้อน ได้แก่ การอักเสบที่ปอด สมอง ในรายที่อาการรุนแรงอาจทำให้หัวใจเต้นเร็วมาก ความดันโลหิตต่ำ อาจถึงขั้นช็อก เสียชีวิตได้

น.พ.ปราชญ์กล่าวต่อว่า พื้นที่ที่พบผู้ป่วยโรค สครับไทฟัสมากที่สุด ได้แก่

ภาคเหนือ รองลงมาคือภาคตะวันออกเฉียงเหนือ บริเวณที่มีตัวไรชุกชุม ได้แก่ บริเวณป่าโปร่ง ป่าละเมาะ บริเวณที่มีการปลูกป่าใหม่หรือตั้งรกรากใหม่ พื้นที่ทุ่งหญ้าชายป่า หรือบริเวณมีต้นไม้ใหญ่ที่แสงแดดส่องไม่ถึง ขณะนี้ยังไม่มีวัคซีนป้องกันแต่มียารักษาให้หายได้

"จึงขอให้ประชาชนที่จะไปท่องเที่ยว ตั้งแคมป์ไฟกางเต็นท์นอนในป่า ควรทำบริเวณค่ายพักให้โล่งเตียน หลีกเลี่ยงการนั่งและนอนบนพื้นหญ้า บริเวณพุ่มไม้ ป่าละเมาะ หรือหญ้าขึ้นรก ควรใส่รองเท้า ถุงเท้า ที่หุ้มปลายขากางเกงไว้ และเหน็บชายเสื้อเข้าในกางเกง ใส่เสื้อแขนยาวปิดคอ ใช้ยาทากันแมลงกัด ตามแขนขา แต่ไม่แนะนำให้ใช้ในรายที่ผิวหนังมีรอยถลอกหรือมีแผล และไม่ควรใช้ในเด็กอายุต่ำกว่า 4 ขวบ เพราะเด็กอาจเผลอขยี้ตา หรือหยิบจับอาหารและสิ่งของใส่ปาก ทำให้รับสารเคมีเข้าสู่ร่างกาย เป็นอันตรายได้ การทาครั้งหนึ่งจะออกฤทธิ์นาน 4 ชั่วโมง หลังออกจากป่า ให้อาบน้ำให้สะอาดพร้อมนำเสื้อผ้าที่สวมใส่มาซักให้สะอาดทันที เพราะตัวไรอาจติดมากับเสื้อผ้าได้"
ปลัดสาธา รณสุข กล่าว

ด้านน.พ.ธวัช สุนทราจารย์ อธิบดีกรมควบ คุมโรค กล่าวว่า

ตัวไรอ่อนมีขนาดเท่าปลายเข็มหมุด มีสีส้มอมแดง มองเห็นด้วยตาเปล่า อาศัยอยู่ตามพื้นดินบริเวณที่ชุ่มชื้นมีใบไม้ใบหญ้าปกคลุม ไรอ่อนจะต้องกินน้ำเลี้ยงเซลล์ของสัตว์หรือคนจึงจะเจริญเติบโตเป็นไรแก่ ในปี 2550 นี้ ตั้งเดือนม.ค.จนถึงสิ้นเดือนก.ย. ทั่วประเทศมีรายงานผู้ป่วยโรคสครับไทฟัส จำนวน 2,449 ราย ไม่มีเสียชีวิต อย่างไรก็ตาม ขอแนะนำประชาชนหลังกลับออกจากเที่ยวป่าหรือกางเต็นท์นอนตามพื้นหญ้าในช่วงฤดูหนาว หากป่วย มีไข้ขึ้นสูง มีอาการปวดศีรษะภายใน 2 สัปดาห์ ควรรีบไปพบแพทย์ และแจ้งประวัติ การเข้าไปในป่าให้แพทย์ทราบทันทีด้วย เพื่อรับการรักษาโดยเร็ว เพราะหากรักษาไม่ทันอาจเสียชีวิตได้

เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์