เตือนร้อนตับแลบ อุตุฯจับตา3-7เม.ย. มีสิทธิ์ทะลุ40องศา

เตือนร้อนตับแลบ อุตุฯจับตา3-7เม.ย. มีสิทธิ์ทะลุ40องศา

กรมอุตุนิยมวิทยาได้พยากรณ์อากาศ 7 วันล่วงหน้า 1-7 เมษายน 

โดยคาดหมายว่า ในช่วงวันที่ 1-2 เมษายน จะมีคลื่นกระแสลมตะวันตกอีกระลอกจากประเทศพม่าเคลื่อนเข้าปกคลุมภาคเหนือตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองกับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง หลังจากนั้นในช่วงวันที่ 3-7 เมษายน ความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอุณหภูมิสูงขึ้นโดยทั่วไป

อนึ่งพายุไต้ฝุ่น “ไมสัก” บริเวณมหาสมุทรแปซิฟิกมีแนวโน้มจะเคลื่อนผ่านประเทศฟิลิปปินส์ลงสู่ทะเลจีนใต้ในช่วงวันที่ 5-7 เมษายน และจะสลายตัวบริเวณชายฝั่งประเทศจีนตอนใต้ต่อไป

ข้อควรระวังในช่วงวันที่ 3-7 เมษายน ขอให้ประชาชนดูแลสุขภาพด้วยเนื่องจากมีอากาศร้อนถึงร้อนจัด และควรหลีกเลี่ยงการอยู่บริเวณที่โล่งแจ้งนานๆ โดยเฉพาะในภาคเหนือและอีสาน ที่คาดหมายอุณหภูมิ อาจพุ่ง 35-40 องศาเซลเซียส

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับสถานการณ์ภัยแล้วและอุณภูมิพุ่งสูงขึ้นได้ส่งผลกระทบต่อ ต่อเกษตรกรหลายพื้นที่ 

โดยเฉพาะ เกษตรกรบ้านหนองไผ่น้อย ต.ชุมเห็ด อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ที่มีอาชีพเลี้ยงวัว ควายกว่า 30 หลังคาเรือน เริ่มประสบปัญหาขาดแคลนแหล่งน้ำและอาหาร ซึ่งขณะนี้หญ้าสดที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติก็มีสภาพเหี่ยวแห้งตาย ส่วนแหล่งน้ำตามธรรมชาติก็เหือดแห้งเหลือเพียงสภาพพื้นดินที่แตกระแหง ทำให้เกษตรกรต้องจูงวัวควายออกไปหาแทะเล็มตอซังข้าว หรือหญ้าแห้งที่ยังหลงเหลืออยู่ตามทุ่งนา และแหล่งน้ำที่อยู่ห่างจากหมู่บ้าน 3 - 4 กิโลเมตร

ส่วนบางรายที่เลี้ยงวัว ควายปริมาณมากก็ต้องลงทุนควักเงินในกระเป๋าซื้อฟางฟ่อน กักตุนไว้ให้วัว ควายกินในช่วงหน้าแล้งนี้ เพราะเกรงว่าหากในเดือนเมษายน นี้จะประสบปัญหาแล้งอย่างหนัก ขณะที่หลายรายก็ตัดสินใจขายทิ้งแม้จะได้ราคาถูกก็ตาม ปัจจุบันเหลือชาวบ้านที่ยังเลี้ยงอยู่ไม่ถึง 10 ราย หลังต้องประสบปัญหาภัยแล้งซ้ำซากต่อเนื่องมาหลายปี แต่หากยังฝืนเลี้ยงต่อไปก็เกรงจะทำให้ขาดทุน

ด้าน นายไชยา สินปรุ อายุ 50 ปี เกษตรกรบ้านหนองไผ่น้อย ต.ชุมเห็ด อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเลี้ยงวัวอยู่เกือบ 100 ตัว 

บอกว่า ช่วงนี้ต้องประสบปัญหาเดือดร้อน เนื่องจากไม่มีแหล่งน้ำและสถานที่เลี้ยงวัวควายในหมู่บ้านเลย แต่ก็คาดว่าในเดือนเมษายนนี้ จะประสบปัญหาแห้งแล้งมากกว่านี้ จึงยอมลงทุนซื้อฟางฟ่อนกักตุนไว้ นอกจากนี้ จากสภาพอากาศที่ร้อนจัดในช่วงนี้ ยังส่งผลให้วัว ควาย กินอาหารน้อยลง ทำให้บางตัวมีสภาพซูบผอมไม่สมบูรณ์ ทำให้ขายไม่ได้ราคาอีกด้วย

นายเพชรชัย ภูพานา อายุ 50 ปี เกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งก้ามกราม หมู่ 19 ต.บัวบาน อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า

 สภาพอากาศในช่วงนี้ถือเป็นช่วงวิกฤติของกลุ่มผู้เลี้ยงกุ้งเป็นอย่างมาก เนื่องจากเวลากลางวันอากาศร้อนจัด อุณหภูมิน้ำในบ่อกุ้งก็จึงร้อนตามไปด้วย ส่งผลกระทบต่อกุ้งในบ่อ ที่เริ่มตายลงเพราะทนกับสภาพน้ำร้อนไม่ได้ แต่หากบ่อใดที่น้ำลึกก็พอจะบรรเทาความเสียหายได้บ้าง แต่ก็ยังมีอัตราเสี่ยงน็อคตายสูง หากมีฝนตกลงมาก็จะเกิดปัญหาน็อคตายเพราะปรับสภาพไม่ทัน

สำหรับทางแก้เบื้องต้น คือ ย้ายกุ้งไปเลี้ยงบ่ออื่นที่มีทำเลดีกว่ามีน้ำมากใกล้คลองชนประทาน เพราะหากช้าไปกว่านี้กุ้งอาจน็อคตาย เหมือนทุกปีที่ผ่านมา และไม่มีกุ้งจำหน่ายในช่วงเทศกาลสงกรานต์


เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์แนวหน้า


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์