เตือนกินแมลงทอดอันตรายถึงตาย คลื่นไส้ อาเจียน พูดไม่ได้ เผยดักแด้หนอนไหมทอดยอดฮิตอันดับ 1


สธ.เตือนพวกชอบเปิบพิศดาร กินแมลงทอดสุ่มเสี่ยงรับสารฮีสตามีน คนเป็นโรคหืดหอบ อาจแพ้รุนแรงอันตรายถึงขั้นเสียชีวิต พบผู้ป่วยส่วนใหญ่มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน เวียนหัวรุนแรง พูดไม่ได้ เผยดักแด้หนอนไหมทอดยอดฮิตอันดับ 1

นพ.สุพรรณ ศรีธรรมมา โฆษกกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 21 มีนาคม ว่า กระแสความนิยมบริโภคแมลงประเภทต่างๆ ในประเทศไทยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากเดิมที่ชาวชนบทนิยมนำมาปรุงเป็นกับข้าว ด้วยวิธีทอด ปิ้ง ย่าง คั่ว หมก อ่อม แกง ยำ และตำน้ำพริก แต่ขณะนี้กลายเป็นการบริโภคเป็นอาหารว่าง ปริมาณการบริโภคแมลงทุกชนิดปีละประมาณ 2 ตัน แม้อาหารประเภทนี้จะมีคุณค่าทางโภชนาการ เนื่องจากมีโปรตีนสูง แต่ขณะเดียวกันก็มีความเสี่ยงในการปนเปื้อนสารอันตราย เช่น สารกำจัดศัตรูพืช

นพ.สุพรรณกล่าวว่า สธ.ได้จัดระบบเฝ้าระวังติดตามผลกระทบอย่างต่อเนื่อง ในช่วงวันที่ 24 ธันวาคม 2550 ถึงวันที่ 7 มกราคม 2551 ได้รับรายงานผู้ป่วยโรคอาหารเป็นพิษจากการกินแมลงทอด เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล 118 ราย จาก 7 จังหวัด ได้แก่ สิงห์บุรี นครศรีธรรมราช ตรัง สงขลา สุราษฎร์ธานี ชัยนาท และนครราชสีมา ส่วนใหญ่มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน เวียนศีรษะรุนแรง พูดไม่ได้ ตัวสั่น เหงื่อออก ใจสั่น บางรายมีอาการชา ในจำนวนนี้มี 78 ราย หรือร้อยละ 66 จำเป็นต้องนอนรักษาตัวในโรงพยาบาล

นพ.สุพรรณกล่าวอีกว่า ผู้ป่วยจะมีอาการภายหลังกินแมลงทอดเฉลี่ย 4 ชั่วโมง โดยแมลงทอดที่นิยมกินมี 7 ชนิด ได้แก่ ดักแด้หนอนไหม หนอนไม้ไผ่ แมงดานา ตั๊กแตนแคระ แมลงกระชอน จิ้งโกร่ง และจิ้งหรีด แต่ที่กินมากเป็นอันดับ 1 หรือประมาณร้อยละ 90 คือ ดักแด้หนอนไหมทอด รองลงมาคือ ตั๊กแตนทอด ร้อยละ 14 ซึ่งมีแหล่งรับซื้อแมลงมาจากตลาดโรงเกลือ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว โดยผู้ป่วยทุกรายอาการหายอย่างรวดเร็ว หลังจากที่แพทย์ให้การรักษาด้วยยาแก้แพ้ และสารน้ำเกลือแร่และน้ำเกลือ

"กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้ทำการตรวจสอบตัวอย่างดักแด้หนอนไหมทอด จ.สุราษฎร์ธานี พบสารฮีสตามีน (Histamine) ซึ่งเป็นสารก่อให้เกิดภูมิแพ้ตกค้างอยู่ในร่างกาย โดยพบสูงถึง 875 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม อย่างไรก็ตาม มาตรฐานกำหนดปริมาณฮีสตามีนในอาหารระดับสูงสุดของแต่ละประเทศแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับชนิดอาหาร โดยมีได้ตั้งแต่ 100-200 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม แต่ของประเทศไทยกำหนดให้มีได้น้อยกว่า 50 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม"นพ.สุพรรณกล่าว และว่า อาการภายหลังรับสารฮีสตามีนจะรุนแรงมากน้อยขึ้นอยู่กับปริมาณที่กินเข้าไป แต่ในกลุ่มที่มีประวัติภูมิแพ้หรือหอบหืด จะตอบสนองได้เร็วกว่ากลุ่มอื่นๆ ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงกินดักแด้หนอนไหมและหนอนของตัวต่อ เพราะอาจเกิดอาการแพ้รุนแรงขั้นเสียชีวิตได้ 

ด้าน นพ.คำนวณ อึ้งชูศักดิ์ โฆษกกรมควบคุมโรค สธ. กล่าวว่า จากการสอบสวนเส้นทางของแมลงทอดที่มีรายงานผู้ป่วย 7 จังหวัด พบว่ารับดักแด้หนอนไหมมาจากแหล่งเดียวกันคือ ตลาดโรงเกลือ ทั้งนี้ คนไทยและประเทศเพื่อนบ้านนิยมกินแมลงทอด และมีการป่วยอยู่เนืองๆ แต่ไม่ทราบสาเหตุ สำหรับประเทศไทยเริ่มมีรายงานการแพ้สารชนิดนี้ในปี 2550 ในกลุ่มที่ทำงานในโรงงานปลากระป๋อง จ.สมุทรปราการ ซึ่งนำปลาทูน่ามาทิ้งในอุณหภูมิห้อง ก่อนจะนำมาทำเป็นอาหาร โดยอาหารจำพวกปลาจะมีสารฮีสตามีน เมื่ออยู่ในอุณหภูมิระหว่าง 5-60 องศาเซลเซียส แบคทีเรียจะเปลี่ยนกรดอะมิโนฮีสตาดีน (Histadine) เป็นฮีสตามีน และพบในแมลงเกือบทุกชนิดที่คนไทยกิน แต่พบมากในหนอนตัวต่อ มีมากถึง 5,221 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม และดักแด้หนอนไหม 5,197 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม ซึ่งความร้อนไม่สามารถทำลายสารฮีสตามีนได้

เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์