เด็กเตรียมฯคว้าที่หนึ่ง“แอดมิชชั่น”

2นร.พิการคนเก่งชาย-หญิงติดครุศาสตร์ เด็กพลาดหวังยังมีโอกาสศึกษาต่อในสถาบันอุดมศึกษาที่เปิดรับอยู่

เมื่อวันที่ 4พ.ค. ที่สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา(สกอ.)  ศ.ดร.ประสาท สืบค้า นายกสมาคมอธิการบดีแห่งประเทศไทย(สอท.) แถลงประกาศผลการคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษาด้วยระบบกลาง  หรือ แอดมิชชั่นกลาง ประจำปีการศึกษา 2554 โดยศ.ดร.ประสาท  กล่าวว่า สอท.ได้ประกาศผลการคัดเลือกอย่างเป็นทางการตั้งแต่เวลา 18.00 น. วันที่ 4 พ.ค.เป็นต้นไป ทางเว็บไซต์ www.cuas.or.th และหน่วยงานที่ร่วมประกาศผลรวม 20 แห่ง โดยสรุปในปีนี้มีผู้สมัครทั้งสิ้น 123,260 คน ในสถาบันอุดมศึกษา 94 แห่ง รวม 912 คณะ/สาขาวิชา  แต่มีผู้ผ่านการคัดเลือกเข้าสอบสัมภาษณ์และตรวจร่างกายทั้งสิ้น 78,096 คน จากจำนวนที่เปิดรับทั้งหมด  122,762 คน

ศ.ดร.ประสาท กล่าวต่อว่า เมื่อนักเรียนทราบผลแล้วจะต้องตรวจสอบสถานที่ วัน และเวลาสอบสัมภาษณ์ทางเว็บไซต์
 
ซึ่งกำหนดสัมภาษณ์วันที่ 11-13 พ.ค.นี้ ส่วนนักเรียนที่พลาดหวังก็ยังมีโอกาสศึกษาต่อในสถาบันอุดมศึกษาอื่นๆ สำหรับคณะ/สาขาวิชาที่มีผู้สมัครมากที่สุด 3 อันดับแรกได้คณะรัฐศาสตร์  สาขาวิชาการเมืองการปกครอง พื้นฐานวิทยาศาสตร์ มธ.   สมัคร 3,032 คน  รับ 50 คน คิดเป็น 1 ต่อ 61  คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมไฟฟ้า อุตสาหกรรม เคมี เครื่องกล คอมพิวเตอร์ มธ. สมัคร 2,449  คน รับ 280 คน คิดเป็น 1ต่อ 9 และ คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมศาสตร์  จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย  สมัคร 1,975 คน  รับ 450 คน คิดเป็น 1 ต่อ 4

สำหรับนักเรียน ที่ได้คะแนนสูงสุดได้แก่ นายรัตน์  ปทุมวัฒน์   รร.เตรียมอุดมศึกษา ได้คะแนนร้อยละ 93.21 คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ , น.ส.บุลพร  แซ่ลิ่ม  รร.หาดใหญ่วิทยาลัย ร้อยละ 89.53 คณะนิเทศศาสตร์   จุฬาฯ , น.ส.ชนิษฐา ปุณณวัฒน์ รร.นวมินทราชูทิศ กรุงเทพ  ร้อยละ  87.46  คณะมนุษยศาสตร์ มก.,  นายนพพล  สิระนาท    รร.เตรียมอุดมศึกษา ร้อยละ  87.04 คณะเศรษฐศาสตร์   จุฬาฯ ,  น.ส.กานตา  ทิพย์ธาร  รร.เตรียมอุดมศึกษา  ร้อยละ  86.98  คณะนิติศาสตร์   จุฬาฯ , น.ส.ตะวันรัตน์  รุ่งปัญญารัตน์  รร.สตรีวัดระฆัง ร้อยละ  84.69  คณะจิตวิทยา จุฬาฯ
 

น.ส.ปริณดา   วงศ์เบญจรัตน์   รร.มหิดลวิทยานุสรณ์  ร้อยละ 84.46 คณะวิศวกรรมศาสตร์  จุฬาฯ , น.ส.เบญญดา ถาวรเศรษฐ  รร.สตรีวิทยา 2 ร้อยละ   83.87 คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์  จุฬาฯ , นายปรัชญ์วรกิตติ์  แก้วศิริรัตน์  รร.พระปฐมวิทยาลัย ร้อยละ   83.59 คณะทันตแพทยศาสตร์ จุฬาฯ , มหาวิทยาลัย และน.ส.ลออรัตน์  จงฐิตินนท์  รร.หาดใหญ่วิทยาลัย ร้อยละ  82.21 คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี  มธ.  นอกจากนี้ยังมีนักเรียนที่พิการทางสายตาผ่านการคัดเลือก 2 ราย ได้แก่ น.ส.ณิชกานต์  กวีวรญาณ รร.เซนต์ฟรังซีสซาเวียร์คอนแวนต์  เข้าคณะครุศาสตร์ จุฬาฯ  และ นายดำเกิง  มุ่งธัญญา  รร.เซนต์คาเบรียล เข้าคณะครุศาสตร์ จุฬาฯ เช่นกัน

นายรัตน์ ปทุมวัฒน์ อายุ 17 ปี ผู้ผ่านการคัดเลือกในระบบกลางแอดมิชชั่นสูงสุด ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ระหว่างอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกากับครอบครัวว่า
 
หลังจากทราบข่าวว่ามีชื่อติดคณะรัฐศาสตร์ รู้สึกดีใจมาก เพราะตอนสอบนั้นมีความตั้งใจเต็มที่ที่จะทำให้ดีที่สุด และรู้สึกเหนือความคาดหมายที่ได้คะแนนสูงสุดด้วยเพราะตอนนั้นไม่ได้คาดหวังเนื่องจากข้อสอบค่อนข้างยากและมีบางวิชาที่ไม่ถนัดด้วย ขณะเดียวกันได้สอบชิงทุนเล่าเรียนหลวงได้ด้วย เมื่อปรึกษากับนายศิริพงษ์ ปทุมวัฒน์ และนางดวงใจ ปทุมวัฒน์ พ่อและแม่ แล้วตัดสินใจเลือกทุนเล่าเรียนหลวง โดยตอนนี้มาดูมหาวิทยาลัยที่แคลิฟอร์เนีย คาดว่าน่าจะเลือกเรียนทางด้านรัฐศาสตร์ ที่  University of California Berkeley หรือยูซี เบิร์กเลย์ หนึ่งในมหาวิทยาลัยชื่อดังเนื่องจากในอนาคตอยากเป็นนักการทูตหรือทำงานในกระทรวงการต่างประเทศ

นายรัตน์ กล่าวต่อว่า จำเป็นจะต้องสละสิทธิ์ที่คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ โดยจะเดินทางกลับมาประเทศไทยในวันที่ 6 พ.ค.นี้
 
และจะเร่งดำเนินเรื่องสละสิทธิ์เพราะจะได้เปิดโอกาสให้เพื่อนที่ติดสำรองอยู่ได้เข้ามาเรียนได้ ทั้งนี้ตามปกติแล้วตนไม่ค่อยได้เรียนพิเศษเท่าไหร่หนักจะเน้นเรียนที่โรงเรียนแล้วกลับมาอ่านหนังสือด้วยตัวเอง เพราะเป็นชอบอ่านหนังสือ หากเรียนพิเศษจะเลือกเรียนเสริมเกี่ยวกับเพลง เล่นเปียโนมากกว่าวิชาการ  เนื่องจากคิดว่าคนเราควรที่จะหาประสบการณ์ให้รอบด้านอย่างเคร่งเครียดกับการเรียนมากเกินไป ควรจะหาประสบการณ์ต่างๆ อย่างไรก็ตามอยากฝากเคล็ดลับถึงเพื่อนๆน้องๆว่าเราควรที่จะเชื่อมั่น พยายามให้เต็มที่กับสิ่งที่เราทำ สิ่งเหล่านั้นจะนำเราไปประสบความสำเร็จได้ตามที่ต้องการ และตนต้องขอขอบคุณพ่อแม่ ครูอาจารย์ เพื่อนๆที่มีส่วนช่วยทำให้ตนประสบความสำเร็จเช่นนี้

นายศิริพงษ์ กล่าวว่า รู้สึกภูมิใจที่ลูกทำคะแนนได้ดี ตามปกติแล้วจะเปิดโอกาสให้ลูกได้ทำในสิ่งที่ต้องการทำเพื่อหาประสบการณ์ในด้านต่างๆ โดยลูกชายมีนิสัยชอบอ่านหนังสือ เก็บเกี่ยวประสบการณ์จากการเดินทางอยู่ตลอดเวลาจนขณะนี้สามารถเรียนภาษาได้หลายภาษาแล้ว ทั้งจีน ฝรั่งเศส และสเปน


น.ส.บุลพร แซ่ลิ่ม อายุ 17 ปี นักเรียนโรงเรียนหาดใหญ่วิทยาลัย (ญ.ว.) จ.สงขลา กล่าวว่า ดีใจมากเนื่องจากได้ทุ่มเทเวลาในการเตรียมตัวสอบครั้งนี้มากว่า 6 เดือน

และอ่านหนังสือวันละ 4-5 ชั่วโมง และไม่คิดว่าจะได้คะแนนสูงเพียงแต่จะทำให้ดีที่สุด โดยเคล็ดลับคือตั้งใจเรียนทั้งในห้องเรียนและเรียนพิเศษ จะมีหนังสือเล่มเล็กๆติดตัวตลอดเวลา เมื่อมีเวลาว่างจะหยิบมาอ่านและทบทวนกับเพื่อนๆ ในอนาคตต้องการทำรายการทีวีหรือละครเวที เพราะชอบมาตั้งแต่เด็ก

ด้านนางศิริลักษณ์  แซ่ลิ่ม อายุ 48 ปี แม่น้องซิม กล่าวว่า  ในช่วงการสอบได้ย้ำให้ลูกอย่าประมาทโดยคอยบอกเสมอว่าทุกคนมีเวลาเท่ากัน แต่ขึ้นอยู่กับว่าใครจะใช้เวลาให้มีค่ากว่ากัน

นพ.ประพันธ์ วงศ์เบญจรัตน์ ผู้บริหารบริษัท นครชัยขนส่ง จำกัด อ.เมือง จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นพ่อ น.ส.ปริณดา วงศ์เบญจรัตน์ หรือน้องป่าน

นักเรียนเก่งที่สอบได้คะแนนแอดมิชชั่น ติดคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า น้องป่าน เดินทางไปเรียนที่ประเทศญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 14 เม.ย.ที่ผ่านมา หลังจากสอบได้ทุนจากรัฐบาลญี่ปุ่นเรียนทางด้านวิศวกรรมโทรคมนาคม ที่ Kagawa National Colledge of Technology เมืองคากาว่า ซึ่งต้องใช้เวลาเรียน 5 ปี แต่ในปีแรกต้องเรียนด้านภาษาก่อนที่ Tokyo Japanese Language Education Centre เมืองโตเกียว เบื้องต้นได้คุยกับลูกสาวแล้วเรื่องผลการสอบ ลูกสาวรู้สึกดีใจมาก แต่ยืนยันที่จะเรียนต่อที่ประเทศญี่ปุ่น เพราะมีเพื่อนโรงเรียนเดียวกันได้ทุนไปเรียนด้วยกันรวม 5 คนและมีรุ่นพี่เรียนอยู่ที่นั่น

“ที่จริงน้องป่านสอบได้ทุนไปเรียนที่ญี่ปุ่นตั้งนานแล้ว แต่ช่วงนั้นญี่ปุ่นมีปัญหาแผ่นดินไหวจึงไม่ค่อยมั่นใจว่าจะไปเรียนหรือไม่ ระหว่างนั้นก็สอบแอดมิชั่น พอสถานการณ์ที่ญี่ปุ่นเริ่มคลี่คลาย และลองไปใช้ชีวิตอยู่ในญี่ปุ่นมา 2 สัปดาห์ สุดท้ายก็ตัดสินใจเลือกเรียนต่อที่ญี่ปุ่น เพราะว่าน้องป่านชอบและถนัดทางด้านวิศวกรรมโทรคมนาคม ผมเป็นพ่อก็พร้อมสนับสนุนการตัดสินใจของลูก ทั้ง ๆ ที่เป็นห่วงเกี่ยวกับสถานการณ์แผ่นดินไหวเหมือนกัน” นพ.ประพันธ์ กล่าว
   

นพ.ประพันธ์  กล่าวต่อว่า สำหรับน้องป่าน มีนิสัยรักการเรียน เอาใจใส่และมีความรับผิดชอบกับการเรียนมาตั้งแต่เด็ก เก่งด้านคณิตศาสตร์

ได้รางวัลด้านคณิตศาสตร์ระดับประเทศมาแล้ว ตลอดเวลาไม่ได้เรียนแบบเอาเป็นเอาตาย ตั้งใจเรียนในห้องเรียน กลับบ้านก็ทำการบ้าน ดูหนังสือ มีเวลาว่างก็เล่นอินเทอร์เน็ต ดูหนัง ออกกำลังกาย เป็นเด็กร่าเริง ไม่เครียดกับการเรียน ที่สำคัญน้องป่านเป็นเด็กมีสมาธิ ตอนเด็ก ๆ จะชอบเล่นต่อจิ๊กซอร์ ทำให้เกิดสมาธิ ส่วนเรื่องการเสริมสร้างพัฒนาการทางสมอง ให้ทานอาหารครบ 5 หมู่ ส่วนการสละสิทธิ์นั้นคงจะปล่อยให้เป็นไปตามระเบียบต่อไป

น.ส.ณิชกานต์  กวีวรญาณ หรือน้องขิม อายุ 19 ปี ซึ่งพิการตาบอดทั้ง 2 ข้าง กล่าวด้วยอาการปลาบปลื้มใจว่า

ทราบข่าวว่าสอบติดคณะครุศาสตร์ จากทางเดลินิวส์ที่โทรศัพท์มาบอก รู้สึกดีใจมากถึงตอนนี้ยังตื่นเต้นไม่หาย โดยตนเลือกคณะนี้เป็นอันดับที่ 2 ส่วนอันดับ 1 นั้นตนเลือกคณะอักษรศาสตร์ จุฬา ฯ ตนพิการตาบอดตั้งแต่เกิด มองเห็นเพียงแสงเท่านั้น ตอนเรียนก็มีปัญหาบ้างแต่มีครอบครัวคือคุณพ่อ คุณแม่ พี่สาวและน้องชาย ตลอดจนคุณครูและเพื่อนๆในห้องคอยให้กำลังใจ ส่วนการเตรียมตัวในการสอบครั้งนี้เทคนิคคือ ตอนเรียนก็พยายามฟังให้เข้าใจมากที่สุด และมีการเรียนพิเศษภาษาอังกฤษกับภาษาจีนเพิ่มเติม ที่สอบติดเพราะมีทุกคนให้กำลังใจ ช่วยเหลือในทุกด้าน โดยเฉพาะคุณแม่และครอบครัว การสอบติดถือเป็นความสำเร็จขั้นต้น ส่วนอนาคตหนูก็อยากเป็นครู เพราะเชื่อว่าครูคือคนที่จะทำให้เราเป็นคนดีได้

นางพิศมัย กวีวรญาณ อายุ 51 ปี กล่าวว่า ตนดีใจกับน้องขิมด้วยที่สอบได้เพราะลูกสาวขยันและมีความพยายามอย่างมาก

ที่ผ่านมาลูกสาวตั้งใจและมุ่งมั่นอย่างเต็มที่ที่จะสอบให้ได้ ตนโชคดีที่มีลูก ๆ เป็นเด็กดี โดยลูกสาวคนโตก็กำลังเรียนอยู่ปี 3 คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาฯ ลูกชายคนเล็กอยู่ชั้นปี 2 คณะแพทย์ศาสตร์ จุฬาฯ ส่วนน้องขิมเป็นลูกคนกลางก็เพิ่งสอบได้ จากนี้ก็ต้องให้ลูกสาวเตรียมปรับตัวเพื่อที่จะออกไปเจอกับโลกข้างนอกในระดับมหาวิทยาลัยต่อไป
 


เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์