เจ้าหนูทศกัณฐ์เด็กอัจฉริยะแห่งทศวรรษ!!

เจ้าหนูทศกัณฐ์เด็กอัจฉริยะแห่งทศวรรษ!!

ทึ่งกับความสามารถและหลงเสน่ห์ความเฉลียวฉลาดเกินตัวของ น้องเดียว-พัทธดนย์ เกลี้ยงจันทร์ กันทั้งประเทศ!! ไม่รู้ว่าเลี้ยงด้วยอะไร เด็กอายุแค่ 5 ขวบ 4 เดือน ถึงฉลาดเป็นกรดขนาดนี้ จนต้องยกฉายา เจ้าหนูทศกัณฐ์ ให้ด้วยความเต็มใจ!! ฉายแววชัดซะถึงเพียงนี้ ก็ยังไม่วายถูกเมาท์ว่าเก่งไม่จริง เตี๊ยมกันล่วงหน้า...อยากรู้ว่าเตี๊ยม ไม่เตี๊ยม ต้องฟังจากปาก น้องเดียว เอง!!

ถ้าเตี๊ยม ป่านนี้เขาก็เอาเด็กคนไหนก็ได้ ถ้าเตี๊ยมหนูก็ตอบไปเรื่อยๆ ไม่ต้องให้เวลาเตรียมตัว เขาดูจากความสามารถ หนูไม่รู้ว่าตัวเอง จะเก่งขนาดนี้ มันมาตรงความสามารถ ต้องขยัน ถ้าไม่ขยัน หนูก็ไม่ดังอย่างนี้ร้อก!! เจ้าหนูทศกัณฐ์ยืนยันกับทีมข่าวสตรีไทยรัฐ โดยมีคุณพ่อ พฤหัส เกลี้ยงจันทร์ กับคุณแม่ ศิริพร สิทธิฤทัย นั่งเป็นกำลังใจอยู่ข้างๆ

พอถาม น้องเดียว ว่า ครั้งแรกที่ไปออกรายการ ทศกัณฐ์เด็ก รู้สึกยังไง เจ้าหนูของเราตอบจ๋อยๆๆว่า คิดว่าน่าจะทำได้สัก 20 หน้า แต่พอขึ้นไปหนูขาสั่นเลย...ตื่นเต้นนิดหน่อย!! แข่งเสร็จวันแรกขึ้นรถหนูหลับเลยทั้งชุดแบตแมน คุณพ่อบอกว่า หนูนอนละเมอถูกต้องแล้วครับๆทั้งคืน!! แต่พอไปครั้งที่สอง คราวนี้หนูรู้สึกว่า มันก็สบายดี ได้กี่หน้าก็ไม่ต้อง กลัวแล้ว ก่อนแข่งทุกครั้งหนูจะสวดนะโมฯ เดี๋ยวนี้มีพระพิฆเนศด้วย ทำให้ชนะทุกเทป!! หนูจะเปิดให้ได้ 300 หน้า ลุงปัญญาสัญญาว่า ถ้าได้ 200 หน้า จะให้บ้าน กับทัวร์ยุโรป

เวลาอยู่บนเวที เจ้าหนูทศกัณฐ์ กลัวอะไรที่สุดคะ

หนูกลัวว่าลุงปัญญาจะตกงาน...เพราะหนูแย่งพูดคนเดียว!! (หัวเราะเอิ๊กๆชอบใจ!!)

ตอนตั้งท้อง น้องเดียว คุณแม่ดูแลอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่าคะ?!


คุณแม่แต่งงานตอนอายุ 27 ปี แต่งมาตั้งหลายปี ไม่มีลูกซะที ก็เลยคิดว่าเราทำงานเยอะไปหรือเปล่า ปรึกษาคุณหมอเท่าไหร่ก็ไม่มี หาหมอตั้ง 4 ปี หมอก็บอกว่าสุขภาพดีทั้งคู่ แต่ก็ไม่มีลูก จนเข้าปี ที่ห้า เราเปลี่ยนใจแล้วไม่อยาก มีแล้ว!! วางแผนจะย้ายรกรากไปทำงานที่อังกฤษ แต่พอไม่ตั้งใจกลับมี น้องเดียว!! ท้องเขาตอนอายุ 31 คุณแม่ดูแลตัวเองปกติ จะอ่านหนังสือเยอะ เพราะไม่มีผู้ใหญ่ช่วยสอนเลี้ยงลูก อันไหนอ่านแล้วไม่เข้าใจ ก็จะโทรถามคุณหมอ แรกๆจะวิตกจริต สำออยนิดๆคิดว่าเราแพ้ท้อง ไม่มีแรง แต่คุณหมอแนะนำว่า คุณแม่จะอ่อนแอไม่ได้ เพราะถ้าอ่อนแอหมายถึงลูกในท้องอ่อนแอด้วย!! เราเลยเปลี่ยนความคิดใหม่ เริ่มแอคทีฟตัวเอง รู้สึกว่าคนท้องไม่ใช่คนอ่อนแอ ยังทำงานปกติได้ จะเอาใจใส่เรื่องความปลอดภัย, ความสะอาด และอาหาร...ตอนนั้น แพ้แซนด์วิชทูน่ามาก!! ต้องกินทุกวัน ถ้าไม่ได้กินเหมือนน้ำลายเต็มปาก ทั้งๆที่ปกติไม่ชอบทานเลย!! อีกอย่างตอนคลอดเขา คุณหมอบอกว่า น้องเดียว มีขนาดหัวโอเวอร์ไซส์ต้องผ่าออก!! คลอดออกมาเขาตัวสั้นและเล็กนิดเดียว แต่หัวโตมาก!! เขาคงเอาสมองมาเยอะหน่อย!!

แล้วคุณพ่อละคะ มีส่วนช่วยฟูมฟักลูกคนนี้อย่างไร


จริงๆคุณพ่อใกล้ชิดและเลี้ยงเขามากกว่าคุณแม่!! เพราะช่วงหลังคุณพ่อไม่ได้ทำงานแล้ว เลยรับหน้าที่รับส่งลูกและดูแลลูกเอง ก่อนหน้านี้คุณพ่อ เคยทำงานเป็นหัวหน้าฝ่ายผลิต แล้วลาออกมาเปิดโรงงานทำรองเท้า แต่เศรษฐกิจไม่ดี แถมพี่เลี้ยงลูกยังลาออก แม่ก็ตั้งท้องลูกสาวคนเล็ก (น้องดิว-พิมพ์ลดา) ได้ 6 เดือน เลยคุยกันว่า เอาอย่างนี้ไหม พ่อน่าจะขายโรงงาน เราได้ทุนคืน กลับมานิดหน่อย แล้วมาแบ่งหน้าที่กันเลี้ยงลูก!! เพราะกิจการร้านขายเสื้อผ้า ของแม่ ที่ทรินิตี้ คอมเพล็กซ์ ก็โอเค เปิดมาได้ 9 ปีอยู่ตัวแล้ว ทุกวันนี้คุณพ่อ จะเป็นคนอาบน้ำสระผม เล่นโลดโผนกับลูก อ่านนิทานให้ลูกฟังก่อนนอน เขาคุยกันเยอะพ่อลูก น้องเดียว จะกลัวคุณพ่อมากกว่าคุณแม่ แต่ถ้าเป็นเรื่องคำพูดคำจาน่าจะได้จากแม่ เพราะพ่อเขาไม่ค่อยพูด!!

ในตระกูลมีใครฉลาดหรือเรียนเก่งมากๆไหมคะ

ในครอบครัวเราไม่มีใครจีเนียส!! คุณแม่จบนิเทศศาสตร์จากมหาวิทยาลัยกรุงเทพ ต่อปริญญาโทสาขาเดียวกันที่ธุรกิจบัณฑิตย์ เคยทำงานเป็นครีเอทีฟที่อาร์เอส และเออีที่ชินวัตร ทั้งตัวเราและสามีไม่ใช่คนเรียนเก่ง ผลการเรียนปาน กลาง!! แต่คุณแม่ชอบอ่านหนังสือมาก อ่านได้ทุกประเภท แม้แต่เข้าห้อง น้ำยังต้องอ่าน!! น้องเดียว ก็ติดด้วย ก่อนนอนต้องหยิบหนังสือให้คุณพ่อเล่านิทานให้ฟัง บนรถก็จะรกไปหมด มีแต่หนังสือและซีดีนิทาน เขาจะชอบร้องให้เปิดซีดีนิทานในรถ แล้วชอบสะกดคำ ถ้าสะกดไม่ได้ก็จะถาม

แววฉลาดของ น้องเดียว ฉายชัดตั้งแต่เล็กๆ?!


ทุกวันนี้คุณแม่ยังต้องขอบคุณทีมงานเวิร์คพอยต์ เพราะไม่เคยรู้ว่าลูกตัวเองเก่งขนาดนี้!! รู้แต่ว่าเราเลี้ยงให้ลูกอารมณ์ดี และมีสุขภาพแข็งแรง ก็จบ!! แม่ว่า น้องเดียว จะเด่นด้านอารมณ์และไหวพริบมากกว่า เขาเป็นเด็กอารมณ์ดีตั้งแต่เล็กๆ ถ้าอยู่บ้านจะชอบดูบาร์นีย์ นอนดูได้ทั้งวัน ถ้าเด็ก ได้ดูอะไรที่เกี่ยวกับเพลง เขาจะอารมณ์ดี ไม่ค่อยโยเย คนท้องถ้าอารมณ์ดีจะส่งผลถึงลูกด้วย ถ้าถามคุณแม่ ไม่คิดว่าลูกเราจะเก่งกว่าเด็กคนอื่นๆ และไม่เคยคาดหวังว่าเขาจะมาไกลขนาดนี้!! เวลาลูกขึ้นเวทียังงงเลย ไม่คิดว่าลูกจะทำได้ เพราะเราไม่เคยเห็นศักยภาพของเขาขนาดนี้!! ปกติเขาเป็นเด็กกล้าแสดงออก แต่ก็ไม่เคยทำอะไรต่อหน้าคนเยอะๆเท่านี้

เขามีพรสวรรค์เรื่องความจำเป็นพิเศษหรือเปล่าคะ


เขาเป็นเด็กความจำดี ถ้าเล่านิทานให้ฟัง 2-3 รอบ จะเล่ากลับให้เราฟังได้ แต่ถ้าเป็นเรื่องของการจำหน้าคน เพิ่งได้ตอนมาเล่นเกมทศกัณฐ์เด็ก เริ่มมาเล่นตอนเรียนชั้นอนุบาล 2 เมื่อปลายเดือน ม.ค. ถึงต้นเดือน ก.พ. 2549 คุณแม่ว่าพอเด็กเขาอารมณ์ดี ก็จะรับได้เยอะ เราจะป้อนอะไรเขาก็รับหมด!! สังเกตดูเวลาสอนลูก ต้องสอนตอนเขาอารมณ์ดี ถ้าอารมณ์ไม่ดี สอนยังไงเขาก็ไม่รับ อารมณ์มาก่อนแล้วสุขภาพร่างกายค่อยตามมา เขาต้องพร้อมต้องแข็งแรง คุณแม่ให้เขาเรียนว่ายน้ำตั้งแต่ 2 ขวบครึ่ง เป็นลูกศิษย์เล็กที่สุด ทุกวันนี้เขาก็ว่ายน้ำเก่ง เป็นนักกีฬาโรงเรียน

ก่อนไปแข่งทศกัณฐ์เด็ก พ่อแม่ช่วยเตรียมตัวอย่างไรบ้าง

ตอนผ่านคัดตัวรอบแรก ทีมงานให้เวลาเตรียมตัว 3 อาทิตย์ โดยไกด์ไลน์ว่า ให้หารูปจากเว็บไซต์ แล้วทำการบ้านเยอะๆ ฝึกน้องดูรูปและท่องชื่อ คุณแม่พรินต์รูปจากอินเตอร์เน็ต, ตัดจากหนังสือ, แผ่นซีดี แล้วค่อยมาจัดหมวดหมู่แบ่งว่าเป็นอะไร เพราะเขายังเล็กบางทีก็สับสน เราจะให้เขาท่องชื่อก่อน และจับจุดได้ว่าเขาชอบฟังนิทาน ก็จะให้คุณพ่อเล่าเรื่องโยงเป็นนิทานว่า คนนี้ทำอะไรบ้าง เขาก็จะจำได้ดี!! วันหนึ่งก็ให้เขาทำการบ้านสัก 10-15 หน้า กว่าจะถึงวันแข่ง ก็มีตุนในหัวเยอะ!!

...คุณแม่จะสอนทริคเขาด้วยว่า เวลาขึ้นไปหนูต้องตั้งสติ!! แล้วนึกให้ดีว่าตรงกับรูปที่เราทำการบ้านมาไหม ถ้าตรงหนูก็ตอบด้วยความมั่นใจ!! แต่ถ้าไม่ตรง มีแค่สองภาพนะลูก หนูต้องฝึกสังเกต ถ้าลุงปัญญาพูดชื่อฝรั่ง หนูต้องสังเกตว่าหน้าฝรั่งควรเป็นแบบไหน เราต้องทำการบ้านให้มากที่สุดและฝึกสังเกต ต้องมีหลักในการเดา อย่าเดาแบบมั่วๆ!! ซึ่งเขาก็เอากลับไปใช้ได้ดี แต่ต้องยอมรับว่าลุงปัญญาเก่ง ดึงศักยภาพจากตัวเด็กได้

น้องเดียว ให้ความร่วมมือดีไหมคะ


เขาขยันทำการบ้านทุกวัน กระตือรือร้นเรื่องนี้มาก เราจะบอกเขาว่าถ้าลูกขยันก็มีสิทธิกลับไปเจอลุงปัญญาอีก แต่ถ้าขี้เกียจ ขึ้นไปบนเวทีตอบผิด ก็ต้องให้เพื่อนคนอื่นขึ้นไปบ้าง!! เขาก็จะเข้าใจบอกว่า หนูจะขยัน เพราะหนูอยากแข่งกับลุงปัญญา อยากชนะ อยากไปเจอ...อะไรก็ได้ที่ชนะลุงปัญญา!! เหมือนเขามีเป้าหมายของตัวเอง ทุกวันหลังจากกินข้าวอาบน้ำเสร็จ เขาจะบอกเองว่า คุณพ่อทำการบ้านกันก่อน แต่จะต่อรองว่าถ้าชนะขอดูการ์ตูน ช่วงหลังๆพอเล่นไปหลายเทปจะบอกลูกว่า หนูต้องหัดดูเทปที่ออกอากาศแล้ว จะได้รู้ว่าอันไหนที่หนูติดขัด ต้องสอนให้เขาแก้ปัญหาเฉพาะหน้า...พูดถึงตรงนี้ เจ้าหนูคนเก่งแทรกว่า ก็ค่อยๆแก้ตรงจุดนั้น ถ้าเก่งแล้วหยุด ไม่พัฒนาตัวเอง ก็ไม่เก่งต่อไปร้อก!!

เวลาอยู่บ้านจะซนเหมือนออกทีวีหรือเปล่า


ซนมากตามประสาเด็กผู้ชาย แต่เป็นเด็กมีเหตุผล เขาจะรู้ว่า ถ้ามาทำงานต้องระวังตัวนิดหนึ่ง แต่ถ้าอยู่บ้านไปเที่ยวเล่นก็จะเต็มที่ของเขา!! เรื่องการพูดการจา แม่ต้องสอนเขาอีกเยอะ เด็กวัย 5 ขวบกว่า ยังอยู่ในวัยจดจำ!! เขาจะเป็นผู้ใหญ่เกินตัว ถ้าบอกเขาด้วยเหตุผลจะรับฟัง เป็นอย่างนี้มาตั้งแต่เล็ก น้อยครั้งมากที่อารมณ์มาก่อนเหตุผล!! เราต้องให้เขาเรียนรู้ว่า ถ้าหนูเอาอารมณ์มาก่อน คุณพ่อคุณแม่ก็ไม่ยอมเหมือนกัน ถ้าทำผิดจะลงโทษ ครั้งแรกๆดุก่อน แต่ถ้าไม่ฟังก็ตี!! เขาชอบคนพูดดีๆด้วย เพราะขี้ใจน้อย!! เวลาโดนดุจะเสียใจแอบนั่งร้องไห้ ข้างนอกดูเหมือนแข็ง แต่มุมลึกๆของเขาเป็นเด็กเซนซิทีฟ ต้องสอนให้เข้มแข็งกว่านี้!!

ตอนนี้ดังใหญ่แล้ว เวลามีคนทักทาย น้องเดียว มีปฏิกิริยายังไง

น้องเดียว ตอบเองเสร็จว่า หนูชอบเจอคน แปลกหน้า แต่ถ้าหนูดูแล้วไว้ใจไม่ได้ หนูก็จะระวัง...โอ๊ย!! ขนาดไปทำงาน คนมารุมๆๆ หนูจะบอกทุกคนว่า จับมือกับถ่ายรูปได้นะครับ แต่ไม่ให้หอมแก้ม เดี๋ยวไม่หล่อ!!

ถ้าครั้งหน้าเกิดแพ้ตอบไม่ได้!! เจ้าหนูทศกัณฐ์ จะร้องไห้ไหม?!

น้องเดียว คิดแป๊บใหญ่... ตอบไม่ได้ก็ตอบไม่ได้ เสียใจตรงไม่ได้เจอลุงปัญญา ลุงเป็นคนเก่งคนดี แต่หนูไม่ร้องไห้ร้อก!! หนูอยากเล่นหนังมากกว่า จะได้หาเงินเยอะๆเอาไปสร้างโรงแรมให้พ่อ

คุณแม่จะค่อยๆสอนเขาว่า การเล่นเกมมีอยู่สองอย่างนะลูก คือแพ้กับชนะ เหมือนแข่งว่ายน้ำ เขาบอกว่าหนูเข้าใจ แต่หนูจะเสียใจเพราะไม่ได้เจอลุงปัญญาอีก!! ทุกครั้งก่อนขึ้นเวทีจะบอกเขาว่า น้องเดียว ทำให้เต็มที่นะลูก ถ้าตอบผิดก็ให้เพื่อนคนอื่นได้แสดงความสามารถบ้าง เพราะหนูทำเต็มที่แล้ว ไม่ต้องเสียใจ!!

เก่งอย่างเดียวไม่พอ...ต้องมีน้ำใจนักกีฬาด้วย และนี่คือเจ้าหนูทศกัณฐ์ แบบอย่างสุดเจ๋งของเด็กไทยยุคใหม่!!


ทีมข่าวหน้าสตรี

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์