องค์กรสิทธิ์จี้รัฐบาล คลี่คดีจับตายหนุ่มลาหู่ ทหารป้องลูกน้อง ลั่นเขาทำตามหน้าที่!

องค์กรสิทธิ์จี้รัฐบาล คลี่คดีจับตายหนุ่มลาหู่ ทหารป้องลูกน้อง ลั่นเขาทำตามหน้าที่!


แฟ้มคดี

ไม่จบลงง่ายๆ อย่างแน่นอน สำหรับกรณีที่เจ้าหน้าที่ทหารวิสามัญฯ นายชัยภูมิ ป่าแส นักกิจกรรมชาวลาหู่ คาด่านตรวจถาวรที่อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่

โดยอ้างว่าเป็นการตรวจจับขบวนการค้ายาเสพติดตามแนวชายแดน
และเมื่อเรียกตรวจรถเก๋ง ผู้ต้องสงสัยแสดงอาการขัดขืน ต่อสู้ แล้วเตรียมขว้างระเบิดใส่เจ้าหน้าที่เป็นเหตุให้ต้องใช้อาวุธสงครามเอ็ม 16 ยิงใส่จนถึงแก่ความตาย แต่ก็สร้างความกังขาให้กับสังคม และองค์กรสิทธิมนุษยชนระดับโลก ต้องจี้ให้รัฐบาลสอบสวนข้อเท็จจริงให้เป็นที่ประจักษ์

ขณะที่ผบ.ทบ.มอบหมายให้กองทัพภาคที่ 3 ตั้งกรรมการสอบแต่ในช่วงที่กรรมการยังไม่ได้ทำงาน แม่ทัพภาค 3 ก็ออกมาปกป้องลูกน้อง ชื่นชมว่าทำหน้าที่ได้ดีและบอกว่าหากเป็นตัวเองจะกดออโต้สร้างความตื่นตะลึงให้กับสังคมยิ่งนัก

ย้อนนาทีจับตายหนุ่มลาหู่

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อช่วงสายของวันที่ 17 มี.ค. โดยข้อมูลของเจ้าหน้าที่ระบุว่า เมื่อเวลา 10.00 น. ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารร้อย ม.2 บก. ควบคุมที่ 1 ฉก.ม.5 ประจำจุดตรวจบ้านรินหลวง ตั้งจุดตรวจยาเสพติดบริเวณด่านทหารสามแยกรินหลวง ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ พร้อมเรียกรถเก๋งฮอนด้า แจ๊ซ สีดำ ทะเบียน ขก 3774 เชียงใหม่ เพื่อตรวจค้น

จนกระทั่งพบยาบ้า 2,800 เม็ดอยู่ในกรองอากาศรถ จึงจับกุม นายพงศ์นัย แสงตะล้า อายุ 19 ปี ชาวบ้านแม่ก๊ะ ต.เชียงดาว อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นคนขับรถ โดยขณะนั้น นายชัยภูมิ ป่าแส ชาวลาหู่ อายุ 17 ปี ที่นั่งข้างคนขับ ชักมีดออกมา แล้ววิ่งหนีไปประมาณ 200-300 เมตร

เมื่อเจ้าหน้าที่วิ่งตามไปใกล้ถึงตัว ผู้ตายก็เงื้อระเบิดมือจะขว้างใส่ ทหารจึงยิงเอ็ม 16 เข้าใส่จนเสียชีวิตหลังเหตุการณ์ทางญาติของนายชัยภูมิต่างพากันออกมาเรียกร้องความเป็นธรรม เนื่องจากนายชัยภูมิ ซึ่งเป็นนักกิจกรรมทางสังคม และไม่เคยมีประวัติเกี่ยวข้องกับยาเสพติด

โดยพ.ต.อ.ชลเทพ ใหม่ไชย ผกก.สภ.นาหวาย อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ท้องที่เกิดเหตุ ระบุว่า หลังจากเหตุจับตาย ผู้บังคับบัญชาของทหารที่เป็นคนยิง ได้พาเข้ามอบตัวกับตร.สภ.ป่าหวายแล้ว ซึ่งได้แจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา พร้อมพิมพ์ลายนิ้วมือ ทำประวัติ แล้วปล่อยตัวชั่วคราว ทั้งนี้จากการสอบประวัติผู้ตาย ไม่พบเคยถูกจับกุมหรือเกี่ยวข้องกับยาเสพติดใดๆ

แต่ พล.ต.ท.พูลทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ ผบช.ภาค 5 ระบุว่านายชัยภูมิเกี่ยวข้องกับยาเสพติดแน่นอน เคยถูกจนท.ล่อซื้อ โอนเงินมัดจำเสร็จสรรพ แต่พอนัดส่งยานายชัยภูมิหนีได้หวุดหวิด แถมยังโทรศัพท์ข่มขู่พยาน โดยตร.กำลังจะขอหมายจับ แต่ก็ถูกทหารวิสามัญฯเสียก่อนพร้อมระบุว่ารถแจ๊ซของนายชัยภูมิ เป็นของเครือข่ายยาเสพติดที่กำลังหลบหนีคดี ทะเบียนที่ใช้ก็ของปลอม และพบเส้นทางการเงินเข้าออกมากผิดปกติ

ด้าน พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกทบ. ก็ระบุว่า อย่าเพิ่งฟันธงว่านักกิจกรรมจะไม่ยุ่งกับยาเสพติด เพราะที่ผ่านมาก็เห็นแล้วว่าข้าราชการ ศิลปิน นักแสดง นักเรียนนักศึกษา เจ้าหน้าที่ก็อาจมีส่วนเกี่ยวข้อง

อย่างไรก็ตามทบ.สนับสนุนให้คลี่คลายข้อสงสัย โดยผบ.ทบ.สั่งการให้ตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงแล้ว

ขณะที่สังคมเฝ้ารอผลการตรวจสอบ

มทภ.3 ลั่นเป็นผมกดออโต้

ในขณะที่คณะกรรมการยังไม่ได้เริ่มดำเนินการสอบสวน พล.ท.วิจักขฐ์ สิริบรรสพ แม่ทัพภาคที่ 3 ก็เปิดแถลง ระบุว่า กองทัพภาคที่ 3 เสียใจต่อการเสียชีวิต แต่ในข้อเท็จจริงเมื่อ วันที่ 22 มี.ค.ที่ผ่านมา พล.ต.ท.พูลทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ ผบช.ภาค 5 ชี้แจงว่านายชัยภูมิเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติดมาตั้งแต่เดือนม.ค.2560 มีการตามจับ มีหลักฐานชัดเจนการโอนเงิน การใช้จ่าย

คิดหลักพื้นฐานเด็กคนหนึ่งที่ไม่ทำอะไรเลย ไม่มีอาชีพเป็นหลักแหล่ง การเคลื่อนไหวด้านสังคม ด้านเชื้อชาติเป็นสิ่งที่ดี แต่พลาดพลั้งเข้าไปในวงจรยาเสพติดได้อย่างไร อาจมีความจำเป็นทางการเงิน ทำให้หลงผิด

การจับกุมที่ด่านในวันเกิดเหตุ จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดเป็นการจับกุมตามปกติ ทหารไม่ถืออาวุธใดๆ เลยในตอนแรก นอกจากชุดหน่วยปฏิบัติการพิเศษ ถืออาวุธเวลาเข้ายามตามปกติ เป็นการตรวจค้นรถกันธรรมดา จนขัดขืนจึงจับอาวุธขึ้นมา เราก็เข้าไปดูแลเยียวยาครอบครัวเขาเท่าที่ทำได้ในฐานะคนไทยด้วยกัน

ส่วนคดีความก็ว่าไปตามหลักฐานข้อเท็จจริง ไม่ให้ร้ายซึ่งกันและกัน ยิ่งช่วงนี้เน้นด้านการปรองดอง ทหารเดินไปสอบถาม เพราะมีรถเข้ามาเพียงคันเดียว เลยเข้าไปสอบถาม แหล่งซ่อนยาเสพติดไม่มาก ถ้าไม่มีการดัดแปลงขั้นเทพ นายพงศ์นัย แสงตะล้า ที่ถูกจับกุม ไม่วิ่ง เพราะเด็กไม่รู้ว่ามียาซุกซ่อน (นายชัยภูมิ) ที่วิ่งหนีถึงต่อสู้ เพราะรู้ว่ามียาเสพติดซุกซ่อนอยู่กระโปรงหลัง ในล้อยางรถยนต์ และซอกลำโพงด้านข้าง

ส่วนระเบิดที่ใช้หาง่ายทางแนวชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน ข้ามแดนได้ทุกช่องทาง หน่วยนี้ระมัดระวังในการทำงาน มีการติวเข้ม หัวหน้าหน่วยฝึกอบรมทบทวน ทำงานดี เขาฝึกลูกน้องดีมาก

ปกติการตัดสินใจของน้องพลทหารเขายิงเพียงนัดเดียว ขณะที่เขาทำท่าขว้างระเบิด ถ้าเป็นผม ณ เวลานั้นอาจกดออโต้ได้

เขาตั้งใจทำงาน เขามาช่วยทำงานในพื้นที่ ต้องให้กำลังใจเขา เขาทำงานดี ทำงานตามหน้าที่ แต่กลับตกเป็นคนร้าย ต่อไปทหารจะไม่กล้าปะทะ การยิงนัดเดียวก็สมเหตุสมผลในการป้องกันตนเอง ยิงตรงแขน แต่กระสุนชิ่งไปโดนจุดสำคัญ อันนี้ก็เป็นที่บุญของน้องเขามีแค่นั้น เป็นมุมมองของบิ๊กทหารผู้บังคับบัญชา

องค์กรสิทธิ์จี้หาความจริง

ขณะที่องค์กรต่างๆ พากันออกมาเรียกร้องให้เปิดการสอบสวนอย่างเป็นธรรม โดยกลุ่มประชาธิปไตยใหม่ระบุว่าเหตุการณ์ดังกล่าวน่าเคลือบแคลงอย่างยิ่ง เนื่องจากนายชัยภูมิเป็นเยาวชนนักกิจกรรมที่มีชื่อเสียงในพื้นที่ และเป็นตัวแทนเครือข่ายเยาวชนต้นกล้าประจำจังหวัดเชียงราย

เคยร่วมกิจกรรมต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมและคนในพื้นที่ รวมถึงรณรงค์ให้คนในพื้นที่ห่างไกลยาเสพติด จึงไม่มีเหตุควรเชื่อได้ว่าจะก่อการตามคำกล่าวอ้างของเจ้าพนักงาน

อีกทั้งข้อเท็จจริงที่ปรากฏในสื่อมีเพียงคำให้การของเจ้าพนักงาน ขณะที่นายพงศ์นัย ที่เป็นพยานรู้เห็นเพียงคนเดียวก็ยังถูกควบคุมตัว

จึงขอเรียกร้องให้เปิดเผยข้อเท็จจริงการ วิสามัญฯ นายชัยภูมิ ให้ชันสูตรพลิกศพอย่างละเอียด

ฮิวแมนไรต์ วอชต์ แถลงเรียกร้องให้สอบสวนการเสียชีวิตของนายชัยภูมิอย่างโปร่งใส โดยขอให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) สอบสวนการเสียชีวิต และขอให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ตรวจสอบข้อเท็จจริงคู่ขนานกัน

รวมทั้งขอให้รัฐบาลดูแลความปลอดภัยของพยาน นั่นคือ คนขับรถ ซึ่งเวลานี้ถูกควบคุมตัวที่เรือนจำแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่

1.แถลงจี้คดี 2.ลั่นกดออโต้ 3.อ้างเจอยาบ้า 4.บ้านซอมซ่อ

ด้านแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล องค์การนิรโทษกรรมสากล แถลงการณ์เรียกร้องทางการไทยสอบสวนอย่างเป็นอิสระ และเห็นผลต่อกรณีวิสามัญฯนายชัยภูมิ หากพบว่ามีการละเมิดสิทธิมนุษยชนใดๆ อันเป็นเหตุให้เสียชีวิต ผู้ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดจะต้องถูกนำตัวเข้าสู่กระบวนการพิจารณาในศาลพลเรือน ซึ่งได้มาตรฐานระหว่างประเทศและเป็นธรรม

ที่ผ่านมานายชัยภูมิเป็นนักกิจกรรมที่มีชื่อเสียง โดยทำงานเรียกร้องสิทธิของชาวลาหู่และกลุ่มชนพื้นเมืองอื่นๆ ในไทย อีกทั้งยังเป็นผู้สร้างภาพยนตร์และนักดนตรีมือสมัครเล่น มีผลงานในประเด็นเกี่ยวกับสิทธิชนพื้นเมือง และกลุ่มคนไร้สัญชาติ รวมทั้งทำงานรณรงค์ต่อต้านการใช้ยาเสพติดในกลุ่มชุมชนลาหู่

เป็นความกังวลจากองค์กรต่างๆ

แฉจนท.เคยวิฯชาวเขาพร้อมบึ้ม

เช่นเดียวกับมูลนิธิอาสาสมัครเพื่อสังคม พร้อมด้วยเครือข่ายองค์กรเด็ก รวม 58 องค์กร ออกแถลงการณ์กรณีทหารวิสามัญฯ นายชัยภูมิว่า เป็นการกระทำที่โหดร้าย ป่าเถื่อน และไร้มนุษยธรรม ขอเรียกร้องต่อนายกฯ และองค์กรด้านสิทธิมนุษยชน โดยเฉพาะคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ลงพื้นที่ตรวจสอบ ข้อเท็จจริงโดยเร่งด่วน

ขอให้หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องด้านความปลอดภัยในชีวิตของผู้ที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ มีมาตรการและกลไกตรวจสอบข้อเท็จจริง และคืนความเป็นธรรมให้กับผู้เสียชีวิต ญาติผู้เสียชีวิต และเพื่อนผู้เสียชีวิตที่ถูกจับกุมคุมขังในขณะนี้อย่างเร่งด่วน

โดยกรณีนายชัยภูมิต้องแยกเป็น 2 กรณีคือ 1.ที่ถูกกล่าวหาว่าเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ไม่สืบจากข้อมูลเพียงด้านเดียว 2.การกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐกระทำเกินกว่าเหตุหรือไม่ ต้องเอาหลักฐานมาแสดง มีการถอดสลักระเบิดหรือไม่ และนายชัยภูมิถูกยิงจากด้านหลังจะปาระเบิดใส่เจ้าหน้าที่ได้จริงหรือไม่

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสร้างความสะเทือนใจ และความหวาดกลัวให้กับชาวลาหู่เป็นอย่างมาก คนในพื้นที่รู้สึกว่าไม่ปลอดภัย หวังว่าจะมีความร่วมมือจากหลายหน่วยงานทั้งในและต่างประเทศ เพื่อให้เป็นตัวอย่างของเยาวชนที่ลุกขึ้นมาต่อสู้ จะไม่ถูกกระทำในลักษณะเช่นนี้อีก

นอกจากนี้ตัวแทนองค์กรภาคีและเครือข่ายที่ทำงานด้านการปกป้องคุ้มครองสิทธิมนุษยชน วิถีชีวิต ประเพณี และวัฒนธรรมชนเผ่าพื้นเมือง รวมทั้งเครือข่ายด้านเด็กเยาวชนและสตรี รวม 33 องค์กร ร่วมออกแถลงการณ์ พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า น่าเชื่อว่ามีเหตุการณ์ลักษณะคล้ายกันเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 15 ก.พ. 2560 เกิดเหตุวิสามัญฯ นายอาเบ แซ่หมู่ อายุ 32 ปี โดยทหารในเขตพื้นที่รับผิดชอบของร้อย ม.2 บก.ควบคุมที่ 1 ฉก.ม.5 เช่นกัน

โดยเจ้าหน้าที่อ้างว่าตรวจยาเสพติด ระหว่างนั้น นายอาเบขัดขวางการจับกุม และพยายามฆ่าเจ้าหน้าที่ ด้วยการขว้างระเบิดใส่

จึงขอให้คลี่คลายกรณีนี้ให้กระจ่างด้วย 26


องค์กรสิทธิ์จี้รัฐบาล คลี่คดีจับตายหนุ่มลาหู่ ทหารป้องลูกน้อง ลั่นเขาทำตามหน้าที่!


เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์