สุวรรณภูมิติดกระจกรอบอาคารกันฆ่าตัวตาย

ทุ่ม 30 ล้าน ติดผนังกระจกรอบอาคารผู้โดยสารสุวรรณภูมิ ป้องกันคนโดดฆ่าตัวตาย หลังช่วง 5 เดือนตายแล้ว 2 ศพ

นางระวีวรรณ เนตระคเวสนะ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บริษัท ท่าอากาศยานไทย (ทอท.) เปิดเผยว่า เตรียมใช้งบประมาณ 30 ล้านบาท ติดตั้งผนังกระจกรอบบริเวณทางเข้า ด้านหน้าอาคารผู้โดยสารขาออกชั้น 2 และ ชั้น 4 สนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุพลัดตกจากอาคาร รวมถึงการกระโดดฆ่าตัวตาย ซึ่งเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นบ่อย และสร้างภาพลักษณ์ที่ไม่ดีต่อสนามบิน หลังจากช่วง 5 เดือนที่เข้ามารับตำแหน่งผู้อำนวยการสนามบิน มีคนมากระโดดฆ่าตัวตายแล้ว 3 ครั้ง และล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มีอาการเมาสุรา

สำหรับโครงการสร้างผนังกระจกป้องกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ จะทำกระจกความสูงประมาณ 2 เมตร
 
ซึ่งต่างจากเดิมที่เป็นราวเหล็กล้อมรอบเท่านั้น โดยติดตั้งบริเวณทางเข้าอาคารผู้โดยสารชั้น 2 และชั้น 4 ที่มีสะพานเชื่อมออกไปสู่ถนน ในทุกประตู เพราะที่ผ่านมาจากความสูงจากชั้น 4 ลงไปจนถึงพื้นชั้น 1 ทำให้มีผู้ที่กระโดดฆ่าตัวตาย โดยเฉพาะบริเวณประตู 7-10 อยู่ทางทิศตะวันตก ส่วนวิธีการจัดจ้างจะใช้วิธีพิเศษ เพราะไม่สามารถหาผู้รับเหมาด้วยวิธีปกติได้

รายงานข่าวแจ้งว่า  ตั้งแต่เปิดสนามบินสุวรรณภูมิมา 7 ปี เกิดเหตุผู้โดยสารพลัดตกลงมา 5 ราย
 
แต่ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมีชาวต่างชาติพลัดตกเสียชีวิต 2 ราย ดังนั้น ทอท.จึงต้องเร่งติดตั้งผนังกระจก ป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาขึ้นอีก เพราะอาจกระทบต่อภาพลักษณ์และแผนการผลักดันสนามบินสุวรรณภูมิให้เป็น 1 ในสนามบินที่ดีที่สุดในโลกได้ โดยขณะนี้ ทอท.กำลังอยู่ระหว่างจัดจ้าง และคาดใช้เวลาติดตั้งประมาณ 5 เดือน แล้วเสร็จในเดือนมี.ค.2557

ทั้งนี้ สุวรรณภูมิมีแผนผลักดันการให้บริการอย่างเต็มที่ โดยพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อรองรับผู้โดยสารที่สูงกว่า 50 ล้านคนต่อปี 

และในเร็วๆนี้ ได้ปรับปรุงพื้นที่ห้องโถงผู้โดยสารขาออกชั้น 4 ให้กว้างขึ้น โดยย้ายเคาน์เตอร์ขายบัตรโดยสารทั้งหมดไปอยู่ที่ชั้น 6 ของอาคารผู้โดยสาร  ทำให้มีพื้นที่ใช้สอยบริเวณห้องโถงขาออกเพิ่มขึ้นอีก 1,000 ตารางเมตร  รวมทั้งปรับปรุงห้องน้ำ 124 จุด รวม 1,498 ห้อง ซึ่งเป็นปัญหาในช่วงเปิดใช้สนามบิน แต่ปัจจุบันได้รับการยอมรับและได้รางวัลสุดยอดส้วมประจำปี 2555 ตามมาตรฐาน กระทรวงสาธารณสุขด้วย

นอกจากนี้อยู่ระหว่างก่อสร้างอาคารและระบบลำเลียงกระเป๋าสัมภาระผู้โดยสารเปลี่ยนเที่ยวบิน  ซึ่งเป็นอาคาร 2 ชั้น เหนืออุโมงค์ด้านใต้

ซึ่งอยู่ระหว่างอาคารเทียบเครื่องบิน ซี  ดี และ อี ทำให้มีพื้นที่ใช้สอยประมาณ 12,079 ตารางเมตร  จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความรวดเร็วในการขนส่งสัมภาระผู้โดยสารเปลี่ยนลำได้ 66 ใบต่อนาที และลดระยะเวลาในการขนกระเป๋าสัมภาระจาก 75 นาทีเหลือ 60 นาที