สุริยุปราคา 15 มกราคม 2553

บ่ายวันศุกร์ที่ 15 มกราคม 2553 จะเกิดสุริยุปราคาซึ่งปีนี้ประเทศไทยมีโอกาสสังเกตได้เพียงครั้งเดียว สุริยุปราคาวงแหวนครั้งนี้มีเส้นทางคราสวงแหวนผ่านทวีปแอฟริกา มหาสมุทรอินเดีย ทางใต้ของประเทศอินเดีย ศรีลังกา พม่า และจีน ประเทศไทยไม่ได้อยู่ในเส้นทางคราสวงแหวน แต่อยู่ในเขตที่สามารถสังเกตสุริยุปราคาบางส่วนได้โดยภาคเหนือเห็นดวงอาทิตย์แหว่งมากที่สุด



 


วันที่เกิดสุริยุปราคาดวงจันทร์มีขนาดปรากฏเล็กกว่าดวงอาทิตย์มากเนื่องจากเป็นช่วงก่อนที่ดวงจันทร์จะอยู่ห่างโลกที่สุดไม่ถึง 2 วัน และหลังจากวันที่โลกอยู่ใกล้ดวงอาทิตย์ที่สุดไม่ถึง 2 สัปดาห์ ส่งผลให้เกิดสุริยุปราคาวงแหวนยาวนานถึง 11 นาที 8 วินาที ที่กึ่งกลางคราส นับเป็นสุริยุปราคาวงแหวนที่ยาวนานที่สุดในคริสต์สหัสวรรษที่ 3 (ค.ศ. 2001-3000) และเป็นครั้งเดียวที่นานกว่า 11 นาที (ครั้งถัดไปที่นานกว่า 11 นาที เกิดในวันที่ 23 ธันวาคม ค.ศ. 3043)



 


สุริยุปราคา 15 มกราคม 2553 เริ่มต้นในเวลา 11:05 น. ตามเวลาประเทศไทย ซึ่งเร็วกว่าเวลาสากล (UT) 7 ชั่วโมง จังหวะนั้นเงามัวของดวงจันทร์เริ่มแตะผิวโลกในทวีปแอฟริกา เงาคราสวงแหวนเริ่มสัมผัสผิวโลกเวลา 12:14 น. บริเวณตะวันตกของสาธารณรัฐแอฟริกากลาง ศูนย์กลางเงาสัมผัสผิวโลกตรงบริเวณใกล้กันในอีก 4 นาทีถัดมา ที่นั่นเห็นสุริยุปราคาวงแหวนขณะดวงอาทิตย์ขึ้น นาน 7 นาที 9 วินาที เงาเคลื่อนตัวไปทางตะวันออกอย่างรวดเร็ว เข้าสู่สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก แล้วผ่านยูกันดา ซีกด้านเหนือของทะเลสาบวิกตอเรีย เคนยา ส่วนเล็ก ๆ ทางเหนือของแทนซาเนีย และทางใต้ของโซมาเลีย ก่อนลงสู่มหาสมุทรอินเดีย



 


เมืองบังกีในสาธารณรัฐแอฟริกากลางเห็นสุริยุปราคาวงแหวนนาน 3 นาที 57 วินาที โดยดวงอาทิตย์มีมุมเงย 4 องศา กัมปาลาในยูกันดาเห็นสุริยุปราคาวงแหวนนาน 7 นาที 38 วินาที ส่วนที่เมืองไนโรบีของเคนยาเห็นสุริยุปราคาวงแหวนนาน 6 นาที 52 วินาที แนวคราสวงแหวนขณะอยู่ในมหาสมุทรเฉียดห่างขึ้นไปทางเหนือของเมืองวิกตอเรียในสาธารณรัฐเซเชลส์ซึ่งเป็นกลุ่มเกาะในมหาสมุทรอินเดีย



 


เงาคราสวงแหวนเปลี่ยนทิศทางโดยวกขึ้นไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ กึ่งกลางคราสซึ่งเป็นจุดที่เห็นสุริยุปราคาวงแหวนเกือบนานที่สุดอยู่ในมหาสมุทร เกิดขึ้นในเวลา 14:07 น. นาน 11 นาที 8 วินาที จากนั้นพาดผ่านหมู่เกาะมัลดีฟส์ในเวลาประมาณ 14:26 น. เมืองมาเลเห็นสุริยุปราคาวงแหวนนานถึง 10 นาที 46 วินาที



 


เงาคราสวงแหวนแตะทางใต้ของอินเดียและทางตะวันตกเฉียงเหนือของศรีลังกาในเวลา 14:40 - 15:00 น. เมืองจาฟนาของศรีลังกาซึ่งอยู่ใกล้แนวกึ่งกลางคราสเห็นสุริยุปราคาวงแหวนนาน 10 นาที 9 วินาที ดวงอาทิตย์มีมุมเงย 55 องศา



 


เงาคราสวงแหวนมุ่งหน้าสู่อ่าวเบงกอล ศูนย์กลางเงาแตะชายฝั่งพม่าในเวลาประมาณ 15:33 น. ตรงบริเวณเมืองซิตตเว เมืองหลวงของรัฐยะไข่ ที่นั่นเห็นสุริยุปราคาวงแหวนนาน 8 นาที 39 วินาที ดวงอาทิตย์มีมุมเงย 34 องศา ส่วนเล็ก ๆ ทางตอนล่างของบังกลาเทศกับอินเดียตะวันออกก็อยู่ในเส้นทางคราสวงแหวนด้วย จากนั้นผ่านมัณฑะเลย์ เกิดสุริยุปราคาวงแหวนนาน 7 นาที 37 วินาที ดวงอาทิตย์มีมุมเงย 30 องศา



 


ศูนย์กลางเงาคราสวงแหวนเข้าสู่ประเทศจีนในเวลาประมาณ 15:41 น. เมืองใหญ่ที่เห็นสุริยุปราคาวงแหวน ได้แก่ ฉงชิ่ง เจิ้งโจว และจี่หนาน ฉงชิ่งอยู่กลางคราสพอดี เห็นสุริยุปราคาวงแหวนนาน 7 นาที 50 วินาที ดวงอาทิตย์มีมุมเงย 16 องศา เมืองเจิ้งโจว มณฑลเหอหนาน เห็นสุริยุปราคาวงแหวนนาน 4 นาที 40 วินาที ดวงอาทิตย์มีมุมเงย 7 องศา ส่วนจี่หนาน มณฑลชานตง มีตำแหน่งใกล้ขอบเขตด้านเหนือของเส้นทางคราส ที่นั่นเห็นสุริยุปราคาวงแหวนนาน 1 นาที 9 วินาที (อาจสั้นกว่านี้เนื่องจากผิวที่ไม่เรียบของดวงจันทร์) ดวงอาทิตย์มีมุมเงยเพียง 4 องศา



 


คราสวงแหวนไปสิ้นสุดบริเวณแหลมชานตงที่ยื่นออกสู่ทะเลเหลืองในเวลา 15:59 น. ที่กึ่งกลางเห็นสุริยุปราคาวงแหวนขณะดวงอาทิตย์ตกเป็นระยะเวลานาน 7 นาที 12 วินาที จากนั้นเงามัวของดวงจันทร์จะหลุดออกจากผิวโลกในเวลา 17:08 น. ในประเทศจีน นับเป็นจุดสิ้นสุดของสุริยุปราคาในวันนี้



 


บริเวณที่เห็นสุริยุปราคาบางส่วนครอบคลุมส่วนใหญ่ของทวีปเอเชีย แอฟริกา บางส่วนทางตะวันออกของยุโรป มหาสมุทรอินเดีย สำหรับประเทศไทย บริเวณภูเก็ตเป็นจุดที่เริ่มเห็นสุริยุปราคาเป็นที่แรก ภาคเหนือตอนบนเห็นดวงอาทิตย์แหว่งมากกว่าภาคอื่น ๆ และเป็นจุดสุดท้ายที่เงามัวของดวงจันทร์พาดผ่าน



 


ดวงอาทิตย์ที่มองเห็นได้จากที่ต่าง ๆ ขณะดวงจันทร์เข้าบังเต็มที่
ดวงอาทิตย์ที่มองเห็นได้จากที่ต่าง ๆ ขณะดวงจันทร์เข้าบังเต็มที่






























































































































ขั้นตอนการเกิดสุริยุปราคา 15 มกราคม 2553
สถานที่ เริ่ม บังเต็มที่ สิ้นสุด
เวลา มุมเงย เวลา มุมเงย ขนาด เวลา มุมเงย
กรุงเทพฯ 14:00 น. 48° 15:37 น. 32° 0.673 16:58 น. 15°
ขอนแก่น 14:08 น. 44° 15:42 น. 27° 0.698 17:01 น. 11°
เชียงใหม่ 14:00 น. 45° 15:40 น. 29° 0.816 17:03 น. 13°
นครราชสีมา 14:06 น. 46° 15:40 น. 29° 0.675 17:00 น. 13°
นครศรีธรรมราช 13:56 น. 54° 15:31 น. 37° 0.560 16:50 น. 20°
นราธิวาส 14:02 น. 53° 15:31 น. 36° 0.482 16:46 น. 20°
ประจวบคีรีขันธ์ 13:57 น. 51° 15:35 น. 34° 0.641 16:55 น. 17°
ภูเก็ต 13:51 น. 56° 15:28 น. 39° 0.575 16:49 น. 21°
ระยอง 14:02 น. 49° 15:37 น. 32° 0.635 16:57 น. 15°
สงขลา 13:58 น. 54° 15:30 น. 37° 0.521 16:47 น. 20°
สุโขทัย 14:01 น. 46° 15:40 น. 30° 0.761 17:02 น. 13°
อุบลราชธานี 14:13 น. 43° 15:44 น. 26° 0.637 17:00 น. 10°

หมายเหตุ :



  1. มุมเงย คือ มุมที่วัดจากขอบฟ้า ขึ้นไปหาตำแหน่งดวงอาทิตย์บนท้องฟ้า
  2. ขนาด คือ ขนาดความลึกของสุริยุปราคา แสดงสัดส่วนที่ดวงจันทร์บังดวงอาทิตย์โดยวัดตามแนวเส้นผ่านศูนย์กลางของดวงอาทิตย์ ยิ่งมีค่ามากแสดงว่าดวงอาทิตย์ยิ่งแหว่งเว้ามาก (0.5 หมายถึงดวงอาทิตย์ถูกบังครึ่งดวง เป็นต้น)
  3. อำเภอเมืองของจังหวัดอื่น ๆ และรายละเอียดเพิ่มเติม ดูได้จากตารางเวลาสำหรับทุกจังหวัดทั่วประเทศ

การสังเกตดวงอาทิตย์ต้องใช้แผ่นกรองแสงหรือสังเกตการณ์ทางอ้อม ห้ามมองดูด้วยตาเปล่าเพราะเป็นอันตรายต่อดวงตา แผ่นกรองแสงควรเป็นชนิดที่ใช้สำหรับดูดวงอาทิตย์โดยเฉพาะ หากไม่มีสามารถใช้หน้ากากสำหรับช่างเชื่อมเหล็กได้ ไม่แนะนำให้ใช้กระจกรมควันและฟิล์มเอกซ์เรย์เนื่องจากความเข้มไม่สม่ำเสมอ มีผู้นำแผ่นซีดีมาใช้ดูดวงอาทิตย์เช่นกัน แต่ต้องเลือกที่ทึบแสงมากพอ (ทดสอบดูกับหลอดไฟในบ้านแล้วไม่เห็นไส้หลอด) อย่างไรก็ตาม ภาพที่เห็นผ่านแผ่นซีดีไม่คมชัดนัก วัสดุอื่นนอกเหนือจากนี้ เช่น แว่นกันแดด กระดาษห่อลูกอม ฟิล์มสี ฟิล์มขาว-ดำที่ไม่มีโลหะเงิน ฯลฯ ไม่ปลอดภัยเพียงพอกับการดูดวงอาทิตย์


แว่นสุริยะของสมาคมดาราศาสตร์ไทย
แว่นสุริยะของสมาคมดาราศาสตร์ไทย ใช้สำหรับดูดวงอาทิตย์

วิธีสังเกตสุริยุปราคาบางส่วนที่ปลอดภัยที่สุดคือการสังเกตทางอ้อม โดยให้แสงอาทิตย์ผ่านกล้องโทรทรรศน์หรือกล้องสองตาลงไปปรากฏบนฉากรับภาพ อีกวิธีซึ่งทำได้ง่ายคือใช้หลักการของกล้องรูเข็ม นำกระดาษมาเจาะรูขนาดประมาณ 1 เซนติเมตร ไปปิดที่กระจกเงา แล้วนำกระจกเงาบานนั้นไปรับแสงอาทิตย์ ให้แสงสะท้อนลงบนผนังสีอ่อนหรือฉากรับภาพสีขาวที่อยู่ไกลจากกระจกตั้งแต่ 3 เมตรขึ้นไป และอยู่ในที่ซึ่งแสงอาทิตย์ส่องไม่ถึง ภาพดวงอาทิตย์บนฉากจะแหว่งตามลักษณะดวงอาทิตย์ขณะเกิดสุริยุปราคาบนท้องฟ้า หากมีต้นไม้อยู่ใกล้ ๆ อาจสังเกตเห็นว่าแสงอาทิตย์ที่ส่องผ่านช่องระหว่างใบไม้แล้วไปตกบนพื้นหรือผนัง ก็มีลักษณะแหว่งเว้าตามดวงอาทิตย์


สุริยุปราคาครั้งถัดไปเป็นสุริยุปราคาเต็มดวง เกิดขึ้นในคืนวันที่ 11/12 กรกฎาคม 2553 ตามเวลาประเทศไทย จึงไม่สามารถสังเกตเห็นได้ในประเทศไทย สุริยุปราคาในประเทศไทยครั้งถัดไปจะเกิดขณะดวงอาทิตย์ขึ้นในเช้าวันที่ 21 พฤษภาคม 2555 แต่ดวงอาทิตย์แหว่งเพียงเล็กน้อยเท่านั้นและอาจมีอุปสรรคจากเมฆ หลังจากนั้นจะว่างเว้นไปนานถึง 4 ปี กว่าจะเกิดสุริยุปราคาในประเทศไทยอีกครั้งในวันที่ 9 มีนาคม 2559 ดังนั้นสุริยุปราคา 15 มกราคม 2553 จึงเป็นโอกาสสำหรับการสังเกตสุริยุปราคาที่ดีที่สุดสำหรับคนไทยตลอดระยะเวลา 6 ปีข้างหน้า

----------------------------------------
ที่มา - จาก http://thaiastro.nectec.or.th/skyevnt/eclipses/201001ase.html


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์