สันหลังหวะ !! พุทธะฯ รัวกระหน่ำ เจ้าคุณประสาร ป้อง ธัมมชโย

ล่าสุด "หลวงปู่พุทธะอิสระ" ได้โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊คเพจ "หลวงปู่พุทธะอิสระ (Buddha Isara)" เพื่อตอบโต้กรณีดังกล่าว โดยระบุข้อความว่า

มีคนนำจดหมายของเฮียประสาน จันทสาโร ที่ปรึกษาสมาคมนักวิชาการเพื่อพระพุทธศาสนาและรองอธิบดีฝ่ายกิจการพิเศษ ออกมาเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เลือกข้าง

ได้ส่งหนังสือเวียนแจ้งแก่เจ้าอาวาสไปทุกวัดทั่วประเทศ โดยมีเนื้อความยั่วยุปลุกปั่นให้พระภิกษุสงฆ์พากันออกมาปกป้องธรรมกายและขัดขวางขบวนการปฏิรูปสังฆมณฑลและกิจการพระพุทธศาสนา ทั้งที่ยังไม่รู้แน่ชัดว่าสภาปฏิรูปจะมีบทสรุปออกมาอย่างไร รัฐบาลจะเห็นด้วยหรือไม่ พวกวัวสันหลังหวะพวกนี้ก็ออกมาตีไข่ใส่สี ปลุกระดมให้นักบวชและคนออกมาต่อต้าน

ตัวอย่างเช่นกรณีโกหกว่าจะมีการเรียกเก็บภาษีพระทั้งที่ยังไม่มีใครในสภาปฏิรูปเขาเห็นด้วย แต่เฮียประสานผู้ชอบโกหกยุแหย่ให้คนแตกแยกก็ทำได้อย่างไม่รู้สึกละอาย

ไอ้ที่เลวร้ายก็คือมีข้อความยั่วยุปลุกปั่นให้ภิกษุสงฆ์จงเกลียดจงชังต่อผู้ตรวจการแผ่นดินรัฐสภา โดยอ้างว่าเป็นพวกเดียวกันกับสภาปฏิรูปของคุณไพบูลย์

เพื่อทำลายความชอบธรรมของผู้ตรวจการแผ่นดินรัฐสภาในการชี้มูลความผิดของคดีธัมมชโย เป็นที่น่าเสียดายว่าในคำแถลงการณ์นี้ไม่กล้ากล่าวถึงชื่อพุทธะอิสระ ไม่งั้นจะได้จัดให้อีกซักข้อหาหนึ่ง

อีกทั้งช่วงนี้ยังมีการะดมรายชื่อประชาชนทั้งประเทศให้ได้จังหวัดละ ๑ แสนคน ด้วยข้ออ้างว่าเป็นประชาชนที่เข้าร่วมโครงการรักษาศีล ๕ แล้วให้นำรายชื่อของประชาชนที่วัดแต่ละวัดรวบรวมส่งให้วัดปากน้ำ ซึ่งบางคนก็ติดยา ติดเหล้า ติดการพนัน แต่โดนเจ้าอาวาสทุกวัดนำรายชื่อส่งให้เพื่อให้ได้ยอดครบตามที่กองเลขาวัดปากน้ำกำหนดมา สงสัยจะนำมาช่วยเหลือลูกพี่และศาสดาเจ้าลัทธิธรรมกาย

เอาเป็นว่างานนี้ดูท่าจะทุรนทุรายเดือดร้อนกันน่าดู ก็ดีเหมือนกัน จะได้รู้กันไปทั่วแผ่นดินว่านักบวชพวกเดียวกับธรรมกายจะมีกันซักกี่รูป ฝ่ายความมั่นคงเขาจะได้ประเมินสถานการณ์ได้

พยายามแสดงตัวตนกันออกมาปกป้องเจ้าลัทธิธรรมกายกันให้มากๆ อะไรๆ มันจะได้ง่ายขึ้นในการที่จะให้ท่านผู้นำและรัฐบาลจะได้ตัดสินใจว่าควรจะใช้อำนาจพิเศษตามมาตรา ๔๔ จัดการกับวงการคณะสงฆ์อย่างไรและรัฐบาลควรจะอยู่ยาวไปจนกว่าจะแก้ปัญหามิจฉาทิฐิของวงการคณะสงฆ์บางกลุ่มได้

*ภาพเอกสารคำร้องถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาจากเฟซบุ๊ค "พระเมธีธรรมาจารย์ พระเมธีธรรมาจารย์"

ขอบคุณข่าวสารดีๆจาก :: tnews.co.th