สภ.บึงนารางวุ่น! ตร.ตบเท้าไล่ผกก. อ้างลุแก่อำนาจ ภาค6สั่งย้าย-ตั้งกก.สอบฯ
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 20 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดพิจิตรว่า ได้มีข้าราชการตำรวจ สภ. บึงนาราง กว่า 41 คน
ได้เดินทางมายังบริเวณศาลากลางพิจิตรเพื่อยื่นหนังสือต่อ นายสุรชัย ขันอาสา ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร และ พล.ต.ไสว พลการ ผู้บัญชาการกองกำลังรักษาความสงบจังหวัดทหารบกเพชรบูรณ์ เพื่อขอความเป็นธรรม เนื่องจากถูก ผู้บังคับบัญชา คือ พ.ต.อ.รังสรรค์ กาญจนรัตน์ ผกก.สภ.บึงนาราง อำเภอบึงนาราง อ้างว่าลุแก่อำนาจในการปกครอง ในลักษณะข่มเห่ง รังแก ผู้ใต้บังคับบัญชาซึ่ง เป็นตำรวจตั้งระดับแต่ชั้นประทวนและระดับชั้นสัญญาบัตร
โดยอ้างว่ามีพฤติกรรมฉุนเฉียวบ่อยครั้ง ชอบใช้อาวุธปืนพกสั้นประจำตัวจี้ศีรษะ หน้าอกพร้อมเหนี่ยวไกผู้ใต้บังคับบัญชา
หากใครทำงานไม่ทันใจ อีกทั้งยังอ้างว่ามีผู้ใต้บังคับบัญชาบางราย ถูก ผกก.ใส่กุญแจมือแล้วให้นอนราบกับพื้นแล้วใช้เท้าเหยียบหน้าอก ต่อหน้าผู้คน เป็นต้น นอกจากนี้โรงพักยังเป็นหนี้ค่าไฟกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคอีก 5-6 เดือน หากไม่ย้ายพ.ต.อ.รังสรรค์ ออกนอกพื้นที่ ตำรวจทั้ง สภ. จะขอย้ายตัวเองมาช่วยราชการที่กองบังคับการตำรวจทั้งหมด
ต่อมานายสุรชัย พล.ต.ไสว มารับหนังสือดังกล่าว พร้อมกับรับปากว่าจะเสนอเรื่องดังกล่าวตามลำดับขั้น เรื่องนี้เป็นเรื่องของตำรวจก็คงจะต้องเป็นการตัดสินใจของผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพิจิตร และผู้บัญชาการภาค 6 ต่อไป
ต่อมาตำรวจชุดดังกล่าวได้เดินทางมาที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพิจิตร
เพื่อยื่นหนังสือดังกล่าวต่อผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพิจิตร และ ผู้บัญชาการภาค 6 โดยมี พล.ต.ต. สุรศักดิ์ เย็นเปรม รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 และ พ.ต.อ.ศักดิ์สิทธิ์ นาราพิสุทธิ์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพิจิตร มารับหนังสือ จากนั้น ได้ ให้ตำรวจ สภ. บึงนารางที่มาชุมนุมขับไล่ผกก. บึงนารางมาเข้าห้องประชุม เพื่อสอบถามหาข้อมูลในเรื่องผู้บังคับข่มเหง ซึ่งใช้เวลานานกว่าครึ่งชั่วโมง จึงประชุมเสร็จ
จากนั้นมีคำสั่ง ให้ พ.ต.อ.รังสรรค์ กาญจนรัตน์ ผกก.สภ.บึงนาราง มาช่วยราชการที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพิจิตรภายใน 24 ชั่วโมง เนื่องจากหากไม่ให้มาวันนี้อาจจะเกิด เรื่องบานปลาย พร้อมกับตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง
ด้าน พล.ต.ต.สุรศักดิ์ เย็นเปรม รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 กล่าวว่า โดยสรุปข้าราชการตำรวจ สภ. บึงนาราง
มีความรู้สึกไม่สบายใจในการบริหารจัดการของ พ.ต.อ.สังสรรค์ ผกก. สภ. บึงนาราง ซึ่งตนเองก็ให้กำลังใจและทำความเข้าใจ ซึ่งขณะนี้ตนเองได้รายงานให้กับ พล.ต.ท.รุ่งโรจน์ แสงคล้าย ผู้บัญชาการตำรวจภาค 6 ซึ่งท่านก็สั่งให้มีการตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง และ ให้หาข้อเท็จจริง อีกทั้ง ให้ย้าย พ.ต.อ.รังสรรค์มาช่วยราชการที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพิจิตร จนกว่าจะสอบสวนข้อเท็จจริงแล้วเสร็จ ซึ่งคงอยู่ด้วยกันไม่ได้แล้วระหว่าง ผู้บังคับบัญชากับ กับลูกน้อง
ด้านพ.ต.อ.รังสรรค์ กล่าวว่า สาเหตุที่ตนทำโทษลูกน้อง ซึ่งเป็นผู้ใต้บังคับบัญชานั้น เกิดจากมีตำรวจบางคนไปเรียกรับเงินจาก ชาวบ้าน ซึ่งตนเองก็ทำโทษไป ซึ่งตนมีทั้งพยานหลักฐาน ซึ่งอาจจะทำให้เขาไม่พอใจ
ต่อมาเวลา 17.00 น. วันเดียวกัน พ.ต.อ.รังสรรค์ เปิดเผยว่า สาเหตุที่เกิดขึ้น มาจากเมื่อวันอังคารที่ 14 ต.ค. ที่ผ่านมา
ตนพร้อมด้วยปลัดอำเภอบึงนาราง เจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร พนักงานสอบสวน หัวหน้าสายตรวจ สภ.บึงนาราง และเจ้าหน้าที่อส. ร่วมกันนำกำลังเข้าจับกุมผู้ลักลอบค้าน้ำมันเถื่อน หรือที่เรียกว่าคอกหมูในพื้นที่ได้ผู้ต้องหา 4 คน ระหว่างนั้นปรากฎว่ามีหมวดแก ซึ่งเป็นตำรวจฝ่ายสืบสวนสภ.บึงนาราง ทำหน้าที่หัวหน้าชุดสืบสวน ขับรถยนต์เข้ามาที่เกิดเหตุ แล้วเดินลงมาบอกว่าไปจับมันทำไม ผมเก็บเงินให้ผู้กำกับแล้วเดือนละ 15,000 บาท ตนจึงตอบกลับไปว่า ไม่เคยให้ไปเก็บเงินกับใคร
ซึ่งผู้ต้องหาก็ให้การว่าไม่เคยส่งเงินให้ตน แต่ยอมรับว่าส่งเงินให้หมวดแกจริง ตนในฐานะเป็นผู้บังคับบัญชา
เมื่อเห็นลูกน้องกระทำความผิด จึงเดินเข้าไปหาเขา เพื่อจับกุมและปลดอาวุธปืนประจำกาย แต่หมวดแกไม่ยอมสะบัดมือตนแล้วดึงชายเสื้อให้เห็นอาวุธปืน ซึ่งเป็นการกระทำต่อหน้าพยานหลายคน ตนจึงกลับไปหยิบอาวุธปืนที่รถยนต์ แล้วเดินเข้าไปใช้ปืนจ่อที่ศีรษะหมวดแก บอกให้วางอาวุธนอนลงกับพื้น หมวดแกเห็นตนเอาจริงเลยยอมวางอาวุธ และนอนคว่ำหน้า จากนั้นตนจึงใช้เท้าเหยียบหลังจับใส่กุญแจมือ นี่คือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
พ.ต.อ.รังสรรค์ กล่าวต่อว่า แต่หลังจากที่ได้พูดคุยปรึกษากับเจ้าหน้าที่หลายฝ่ายในวันนั้นแล้ว เห็นว่าควรปล่อยหมวดแกกลับไปก่อน แล้วจึงจะดำเนินคดีภายหลัง
ตนจึงยอมปล่อยตัวหมวดแกกลับไป แต่ควบคุมตัวผู้ต้องหาส่งดำเนินคดีในข้อหาค้าน้ำมันเถื่อน จนกระทั่งวันนี้ตนเห็น สว.สส.สภ.บึงนาราง นำลูกน้องตัวเองและหมวดแก รวมทั้งตำรวจสภ.บึงนาราง ที่ไม่รู้เรื่องและไม่เข้าใจ ไปร้องเรียนตนกับผู้บังคับบัญชา ซึ่งเรื่องที่เขาไปร้องเรียนมันไม่เป็นความจริงเลย ตนคิดว่ามีสาเหตุมาจาก พวกเขากลัวเรื่องถูกดำเนินคดีจากกรณีรับเงินมากกว่า จึงหาเรื่องย้ายตนให้ออกนอกพื้นที่ เพราะขณะนี้พนักงานสอบสวนส่งสำนวนฟ้องศาลไปแล้ว ซึ่งตนมีพยานหลักฐานเป็นรูปถ่าย เทปบันทึกเสียง และตัวพยานบุคคลที่อยู่ในที่เกิดเหตุ คือปลัดอำเภอบึงนาราง เจ้าหน้าที่ทหาร เจ้าหน้าที่อส. รวมทั้งผู้กองประภาส และหมวดเลิศ ที่ไปจับกุมด้วยกันในวันนั้น ใครอยากรู้ข้อเท็จจริงไปสอบถามที่อำเภอบึงนารางได้เลย ตนไม่ได้กระทำอะไรเกินเลย
กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
กระทู้ล่าสุด
รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
