สนง.พระพุทธแจงประกาศ คนเข้าวัดน้อยจะปลดเจ้าอาวาส ไม่มีการปลดแค่ส่งเสริมคนเข้าวัด

สนง.พระพุทธแจงประกาศ คนเข้าวัดน้อยจะปลดเจ้าอาวาส ไม่มีการปลดแค่ส่งเสริมคนเข้าวัด

จากเหตุการณ์ในโลกออนไลน์ที่มีการเผยแพร่หนังสือประทับตราด่วน เรื่อง "คนเข้าวัดไม่ถึง 50 คน จะมีปลดเจ้าอาวาส" ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหลากหลาย ล่าสุด สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติชี้แจงว่าประกาศนี้ไม่ได้มีความต้องการปลดเจ้าอาวาสจริง แต่เป็นเพียงการสร้างกุศโลบายให้คนเข้าวัดมากขึ้นเท่านั้น


วันนี้ (6 กรกฎาคม) นายชยพล พงษ์สีดา รองผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์มติชนออนไลน์


โดยกล่าวว่า เจ้าคณะจังหวัดเพชรบุรีในฐานะผู้ประกาศคำสั่งดังกล่าวไม่ได้มีความต้องการในการปลดเจ้าอาวาสในกรณีที่มีคนเข้าวัดไม่ถึงเกณฑ์ที่กำหนดแต่ท่านมีเจตนาในการชักชวนให้คนเข้าวัดมากขึ้นเสมือนเป็นการรณรงค์ให้คนทำตามประเพณีอันดีงามมากกว่าหรือจะเรียกว่าเป็น "กุศโลบาย" ก็ได้

นายชยพล ระบุต่อว่า กรณีที่มีการโยงเรื่องชักชวนให้คนมาเข้าวัด ไปเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ทางธุรกิจหรือการทำยอดนั้น

 ขอยืนยันชัดเจนว่าไม่ได้มีความต้องการในลักษณะนั้น เพราะว่าการชักชวนให้คนเข้าวัดไม่ได้เกี่ยวกับเงิน เราไม่ได้ต้องการให้คนมาทำบุญ หรือมาบูชาช่อฟ้า แต่ที่เราต้องการคือมาฟังเทศน์ ฟังธรรม มารับธรรมะ ซึ่งมันก็จะไปสนับสนุนตัวโครงการหมู่บ้านรักษาศีล 5 ด้วย

"และที่มีการพูดถึงกันมากในระยะหลังว่า คนมาเข้าวัดน้อยลง อันนี้ผมไม่เห็นด้วยนะ ผมคิดว่ามากขึ้นด้วยซ้ำไป แต่คือในยุคนี้เรามีการพูดถึง หรือสื่อสารกันอยู่ตลอดว่าน้อยลง ซึ่งในความเป็นจริง ผมว่ามันไม่ได้น้อยลง เราก็ยังอยู่ในระดับเดิมนะ" นายชยพล กล่าว

เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึง "กุศโลบาย" ในการชักชวนคนให้เข้าวัดมีพัฒนาการเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง นายชยพล

เปิดเผยว่า ในอดีตนั้นวัดเป็นศูนย์กลางในการทำกิจกรรมร่วมกันในชุมชน แต่ในปัจจุบันมันมีความเปลี่ยนแปลงไป กล่าวคือ ในสมัยก่อนวัดเป็นศูนย์กลางในหลายๆ ด้าน เช่น ประเพณี วัฒนธรรม การประกอบอาชีพ การจัดการประชุม ฯลฯ แต่ทีนี้เมื่อรูปแบบทางสังคมเปลี่ยนไปการทำกิจกรรมร่วมกันในชุมชนก็เกิดขึ้นในพื้นที่ต่างๆ เช่น การประชุมก็ไปประชุมกันในส่วนของราชการอย่างใน อบต. หรือการจัดงานรื่นเริงในชุมชนช่วงหลังก็เริ่มไม่จัดกันในวัดแล้ว เพราะว่าบางทีก็เป็นวัดเองที่ไม่อยากให้ไปจัด

“จากประกาศนี้จึงเป็นการชักชวนให้ผู้คนกลับเข้ามาหาวัดกลับเข้ามาหาธรรมะมากขึ้นเพื่อความสมานฉันท์ของคนในชาติ พร้อมกันนั้นยังสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล และอีกอย่างทางคณะสงฆ์ก็เห็นว่า หากเรานับถือศีล 5 กันหมด มันก็จะเกิดการปรองดองโดยปกติอยู่แล้ว เพราะศีล 5 บอกชัดเจนว่าไม่ให้เบียดเบียนซึ่งกันและกัน ไม่ให้เบียดเบียนทรัพย์ ไม่ให้เบียดเบียนชีวิต ไม่ให้โกหกมดเท็จอะไรทั้งนั้น มันจึงเป็นการปรองดองโดยรูปแบบของมันอยู่แล้ว” นายชยพล กล่าวทิ้งท้าย

สำหรับหนังสือประทับตราด่วนที่ออกจากสำนักงานเจ้าคณะจังหวัดเพชรบุรีโดยส่งถึงเจ้าคณะอำเภอในเขตปกครองเมื่อวันที่22 มิถุนายน 2558

 ข้อความในหนังสือระบุว่า โครงการหมู่บ้านรักษาศีล 5 ที่เกิดจากความประสงค์ของสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญฺโญ) ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ที่มีความต้องการเสริมสร้างความสมานฉันท์ของคนในชาติให้เกิดความสงบสันติสุขและความสามัคคี โดยให้พุทธศาสนิกชนยึดหลักศีล 5 มาปฏิบัติตามนโยบายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)

ในประกาศระบุต่อว่า การขับเคลื่อนโครงการหมู่บ้านรักษาศีล 5 ยังไม่เป็นที่น่าพอใจ

พร้อมทั้งมีสถิติเปิดเผยด้วยว่า ยังมีคนมาทำบุญที่วัดประจำไม่ถึง 50 คน จึงขอให้เจ้าคณะในแต่ละอำเภอเร่งตรวจสอบว่าในพื้นที่มีวัดไหนที่มีคนเข้าวัดไม่ถึง 50 คน โดยจะออกคำสั่งตำหนิโทษเป็นเวลา 3 เดือน และถ้าพระสังฆาธิการที่ถูกตำหนิโทษยังไม่ดำเนินการตามมติของมหาเถรสมาคมจะให้เจ้าคณะผู้ปกครองทำเรื่องเพื่อปลดพระสังฆาธิการรูปนั้นด้วยเหตุที่ขัดมติของมหาเถรสมาคมรวมถึงไม่สนองงานของคณะสงฆ์จังหวัดในโครงการหมู่บ้านรักษาศีล 5 ด้วย เพราะว่าโครงการหมู่บ้านรักษาศีล 5 เป็นโครงการตามมติของมหาเถรสมาคม พระสงฆ์จะขัดข้องมิได้ เพราะมติของมหาเถรสมาคมเปรียบได้กับกฎหมาย ผู้ใดขัดหรือไม่ปฏิบัติตามถือว่าขัดต่อ พ.ร.บ.คณะสงฆ์

เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์