สท.รับผิด-วิวาห์ล่ม หนุนเมียยื่นฟ้องศาล

ความคืบหน้าในเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 7 ก.ค. ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังบ้านเลขที่ 246 ม.1 ต.ปลวกแดง อ.ปลวกแดง จ.ระยอง ซึ่งเป็นบ้านของนายเขมินทร์ เจ้าบ่าววิวาห์ล่ม แต่ก็ไม่พบ

พบเพียงนายวรยุทธ์ รุ่งจันทร์วงศ์ อายุ 63 ปี บิดาของนายเขมินทร์ โดยนายวรยุทธ์เปิดเผยว่า ได้ทราบเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว ความจริงตนและมารดาของนายเขมินทร์ ทราบเรื่องมาแต่แรกแล้ว และก็ได้บอกห้ามจัดงานแต่งงานอย่างเด็ดขาด และยังเคยไปที่บ้านของฝ่ายเจ้าสาวที่อยู่อ.ปลวกแดงเช่นเดียวกัน บอกความจริงว่าฝ่ายชายมีเมียมีลูกแล้ว ไม่ควรจัดงานแต่ง แต่หากจะขอขมาก็ยินดีเพราะถือว่าอยู่กันมานานแล้ว แต่ทั้งบุตรชายและฝ่ายเจ้าสาวก็ไม่ยอม และยังโกรธตนอีกด้วย ไม่ยอมมาที่บ้าน จนวันนี้ก็มาทราบว่าวิวาห์ล่ม ซึ่งความจริงก็คาดไว้แต่แรกแล้วว่าต้องเกิดเรื่องแน่หากจัดงานแต่ง

ด้านนางขวัญชนกภรรยาหลวงที่เดินทางไปล้มงานแต่ง กล่าวทางโทรศัพท์กับผู้สื่อข่าวว่า การที่ไปงานแต่งงานของสามี เพียงเพื่อต้องการถามทำไมทำกันถึงเพียงนี้

แต่ฝ่ายญาติของตนโวยวายขึ้นมา ญาติของฝ่ายเจ้าสาวจึงโทรศัพท์แจ้งตำรวจ จึงต้องแสดงตัวและแสดงหลักฐานว่าเป็นภรรยาถูกต้องตามกฎหมาย ไม่ได้มีเจตนาที่จะไปแจ้งตำรวจมาที่งาน นางขวัญชนกกล่าวต่อไปว่า ทราบมาประมาณ 3 ปีแล้วที่สามีคบหากับหญิงคนดังกล่าว แต่ก็อดทนมาตลอดเพื่อลูกทั้งสองคน แต่มาจัดงานแต่งงานถือว่าหยามกันมาก ทางญาติเห็นการ์ดงานแต่งงานก็ทนไม่ได้ และก็จะไม่ยอมหย่าเด็ดขาด ทุกวันนี้ตนเองก็ดูแลบุตรทั้งสองคนและไม่เคยทำให้เกิดความเสียหายในครอบครัว จึงต้องการให้ฝ่ายผู้หญิงคิดถึงศีลธรรมบ้าง ส่วนที่ฝ่ายเจ้าสาวใหม่ขู่ว่าจะทำร้ายบุตรของตนทั้งสองคน หากจัดงานแต่งไม่สำเร็จก็ไม่กลัว อยากให้นึกถึงบาปบุญคุณโทษบ้าง สำหรับตนขณะนี้พักอาศัยอยู่ใน อ.ศรีราชา กับบุตรทั้งสองคน เรียนอยู่ชั้น ป.2 และ ป.5 ต้องไปรับส่งอยู่ทุกวัน

ขณะที่นายเขมินทร์ ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ ว่า เรื่องที่เกิดขึ้น ความจริงแล้วต้องการแสดงความรับผิดชอบกับฝ่ายเจ้าสาวที่ตั้งท้อง

และก็ได้คุยกับทางภรรยาแล้วว่า จะแบ่งเวลา บ้านใหญ่ 4 วัน บ้านเล็ก 3 วันในหนึ่งสัปดาห์ และตนเองก็ซื้อรถยนต์และเลี้ยงดูภรรยาหลวงและลูกทั้งสองคนอย่างดี ภรรยาไม่ต้องทำงานมีหน้าที่เป็นแม่บ้านเลี้ยงดูลูก ในวันแต่งงานก็บอกภรรยาว่าขอเวลาเพียง 3 ชั่วโมง ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องขึ้น

"รู้สึกเสียใจ แต่จะขอรับผิดชอบกับเรื่องที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งยังคงอยู่กับภรรยาทั้งสองคนต่อไป ไม่ยอมหย่า อยากให้สังคมเข้าใจ และขออภัยกับพี่น้องชาวเทศบาลตำบลปลวกแดงด้วยที่เกิดเรื่องขึ้น ผมขอรับผิดชอบ และจะเข้าไปแถลงในสภาหลังจากเพิ่งได้รับการรับรองผลการเลือกตั้งจาก กกต.มาวันที่ 7 ก.ค. และจะเข้าประชุมสภาในวันที่ 9 ก.ค.ที่จะถึงนี้" นายเขมินทร์กล่าว


น.ส.สุเพ็ญศรี พึ่งโคกสูง หัวหน้าศูนย์พิทักษ์สิทธิสตรี มูลนิธิเพื่อนหญิง ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องดังกล่าวว่า ที่ควรตำหนิคือฝ่ายชายที่อ้างว่าเคลียร์กับภรรยาแล้ว

ถามว่าตกลงอย่างไรจึงเกิดปัญหา ถือเป็นตัวอย่างของผู้หญิงที่กล้ามาบอกเรื่องราว ซึ่งมีอีกหลายราย แต่ไม่กล้าพูด โดยเฉพาะแวดวงข้าราชการการเมืองและข้าราชการในท้องถิ่นมีเยอะ เช่น ผู้บริหารกับเลขาฯ หรือกับคนในสำนักงาน โดยอ้างความสัมพันธ์ใกล้ชิดต้องไปทำงานด้วยกันสองต่อสอง ซึ่งคนเจ้าชู้ก็ทำได้หมด ส่วนกรณียกย่องหญิงอื่นเป็นภรรยาทั้งที่มีภรรยาอยู่แล้ว สามารถเอาผิดทางแพ่ง เรียกค่าชดเชยได้ซึ่งต้องใช้เวลาฟ้องร้องนานแต่ไม่มีโทษจำคุก

"ที่ผ่านมาเคยเสนอแก้ระเบียบทั้งของข้าราชการประจำ ข้าราชการการเมือง ข้าราชการท้องถิ่น ใครมีพฤติกรรมชู้สาวไม่เหมาะสม ให้ถือเป็นความผิดวินัยร้ายแรง เพราะเฒ่าหัวงูมีเยอะ จะอ้างว่าเป็นเรื่องส่วนตัวให้เมียมาฟ้องเองไม่ได้ เพราะคนทำงานการเมือง ไม่ว่าท้องถิ่นหรือระดับชาติต้องมีเกณฑ์สูงกว่าคนปกติ ปัญหาคือคนร่างระเบียบเป็นผู้ชายหมด และร่างกฎเกณฑ์เข้าข้างตัวเอง ดังนั้นการเลือกตั้งใครเข้ามาต้องดูพฤติกรรมทางเพศด้วยว่าเหมาะสมหรือไม่ ขาดมาตรฐานทางจริยธรรมคุณธรรมหรือไม่ กรณีนี้เท่ากับเป็นการเชือดไก่ให้ลิงดู ทางนายกเทศมนตรีหรือผู้บังคับบัญชาต้นสังกัด ต้องพิจารณาว่าเกิดผลกระทบในการบริหารงานการเมืองหรือไม่ ต้องดำเนินการให้ชัดเจน ส่วนผู้หญิงที่คิดจะแต่งงานกับใคร ขอให้ตรวจสอบกับฝ่ายทะเบียนราษฎรให้ดีก่อนว่าผู้ชายจดทะเบียนสมรสหรือยัง อย่าไปฟังคำพูดที่บอกว่าเคลียร์แล้วเพราะไม่มีน้ำหนักพอ"
น.ส.สุเพ็ญศรีกล่าว

หัวหน้าศูนย์พิทักษ์สิทธิสตรี กล่าวด้วยว่า ต้องยอมรับว่าข้อบกพร่องอยู่ที่ผู้ชาย กรณีนี้เข้าข่ายพ.ร.บ. คุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว

โดยสามีมีชู้ทารุณจิตใจภรรยา สามารถฟ้องร้องสามีได้ ซึ่งพฤติกรรมสามีแม้จะผิดวินัยทางการเมืองไม่ชัดเจน แต่วินัยสังคมต้องตำหนิติติงว่าไม่สง่างามในการทำหน้าที่การเมืองต่อไปแล้ว อย่างไรก็ตามเหตุการณ์นี้สามีภรรยาต้องรีบแก้ปัญหาโดยเร็ว เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นกระทบจิตใจของลูกๆ มาก

นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กล่าวว่า หากมีภรรยาอยู่แล้วไปแต่งงานซ้ำซ้อน

โดยหลักถือว่าไม่ถูกต้อง และยิ่งเป็นผู้ที่มีตำแหน่งในสังคมหรือเป็นนักการเมืองท้องถิ่นยิ่งไม่สมควรอย่างยิ่ง โดยส่วนตัวคิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนายกเทศมนตรีซึ่งถือเป็นผู้บังคับบัญชา คงต้องพิจารณาถึงความเหมาะสม และยึดระเบียบวินัยที่จะต้องดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งกับผู้ที่ประพฤติไม่ถูกต้องด้วย

"กฎหมายไทยเราถือหลักผัวเดียวเมียเดียว การที่มีภรรยาอยู่แล้วแต่ไปแต่งงานใหม่ได้อย่างไร ยังไม่ได้เซ็นข้อตกลงทำความเข้าใจเลย" นายชวรัตน์กล่าว

เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์