ศาลออกหมายจับ ล่าวัฒนา หนีคดีคลองด่าน

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 9 ก.ค. ที่ศาลฎีกาแผนก คดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง

ศาลได้นัดฟังคำพิพากษาในคดีที่อัยการสูงสุด เป็นโจทก์ฟ้องนายวัฒนา อัศวเหม ประธานที่ปรึกษาพรรคเพื่อแผ่นดิน อดีต รมช.มหาดไทย เป็นจำเลย ฐานเป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ ข่มขืนใจ จูงใจ เพื่อให้บุคคลใดมอบให้มาซึ่งทรัพย์สินหรือประโยชน์ เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ


อัตราโทษจำคุกไม่เกิน 20 ปี หรือจำคุกตลอดชีวิต ปรับ ไม่เกิน 40,000 บาท หรือประหารชีวิต ตาม ป.อาญา มาตรา 148, 157, 33, 84 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 4 กับมีคำขอให้ริบพระเนื้อผงสุพรรณ ที่ใช้เป็นปัจจัยในการให้ สินบนเจ้าพนักงานที่ดิน ให้ตกเป็นของแผ่นดิน 


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า

หลังจากที่ศาลได้เปิดบัลลังก์ รอให้นายวัฒนามารายตัวต่อเจ้าพนักงานหน้าบัลลังก์ ตั้งแต่เวลา 13.30 น. จนถึงเวลา 14.30 น. นายวัฒนาก็ยังไม่มาศาล องค์คณะผู้พิพากษาทั้ง 9 ท่านจึงออกนั่งบัลลังก์ โดย ม.ล.ไกรฤกษ์ เกษมสันต์ ผู้พิพากษา ได้สอบถามนายไพบูลย์ โพธิ์น้อย ทนายความจำเลย ซึ่งได้แถลงว่า โทร.คุยกับนายวัฒนาเมื่อ 2-3 วันก่อน และบอกว่าจะมาศาล แต่วันนี้ได้ติดต่อทั้งวัน นายวัฒนาก็ไม่ติดต่อมา ไม่ทราบว่าหายไปไหน ม.ล.ไกรฤกษ์จึงมีคำสั่งรายงานกระบวนพิจารณาทันที 


ศาลออกหมายจับพร้อมริบเงินประกัน 


ม.ล.ไกรฤกษ์และองค์คณะ มีคำสั่งรายงานกระบวนพิจารณาว่า

ศาลนัดฟังคำพิพากษาวันนี้ ทนายจำเลยทราบนัดแล้ว จำเลยไม่มาศาล สอบถามทนายจำเลยก็แถลงว่า ได้ติดต่อจำเลยเมื่อ 3 วันก่อน จำเลยยืนยันจะมาศาล แต่วันนี้ได้โทรศัพท์แล้วก็ยังติดต่อไม่ได้ พิเคราะห์แล้วเห็นว่า
จำเลยทราบนัดโดยชอบ แต่ไม่มาศาลโดยไม่มีเหตุอันควร เชื่อว่าจำเลยจงใจไม่มาศาล ให้ออกหมายจับ ปรับนายประกันเต็มตามสัญญาประกัน ให้แจ้งอัยการทราบ และนัดฟังคำพิพากษาอีกครั้งวันที่ 18 ส.ค. 51 เวลา 14.00 น. 

นายไพบูลย์กล่าวว่า

โทรศัพท์ตามตัวนายวัฒนาเมื่อ 2-3 วันก่อน ตกลงจะพบกันที่ศาลฎีกา แต่พอมาวันนี้ก็ติดต่อกันไม่ได้ไม่รู้จะทำอย่างไร จึงต้องแถลงศาลไปตามความนั้น ตอนนี้ก็ต้องปล่อยไปตามกระบวนการ จะพยายามติดต่อนายวัฒนาต่อไปเพื่อมาฟังคำพิพากษา ส่วนเงินประกัน 2 ล้านบาท จำไม่ได้แน่ชัดว่าใครเป็นนายประกัน ส่วนจะส่งผลกระทบต่อคดีอื่นๆ เช่น คดีบุกรุกป่ากะปงหรือไม่ ไม่ขอให้ความเห็น 


ตำรวจพร้อมจับกุมเพื่อนำตัวส่งศาล
 


พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. กล่าวว่า
 
ขณะนี้ยังไม่ได้รับคำสั่งจากศาลฎีกาแผนกคดีอาญานักการเมือง เรื่องหมายจับของนายวัฒนา อัศวเหม ประธาน ที่ปรึกษาพรรคเพื่อแผ่นดิน เมื่อได้รับคำสั่งจากศาลอาญาจะมีคำสั่งมอบหมายให้ พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รอง ผบ.ตร.ปป.2 ที่รับผิดชอบพื้นที่ บช.ภ.1 เป็นผู้ควบคุมดูแลคดีดังกล่าว และคิดว่าเป็นการดำเนินการตามขั้นตอนปกติ เมื่อศาลมีหมายจับบุคคลใดออกมา เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกหน่วยที่รับผิดชอบมีหน้าที่ต้องสืบสวนจับกุม เพื่อนำตัวส่งให้ศาลดำเนินคดี 


พล.ต.ท.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร ผบช.สตม. กล่าวว่า

ยังไม่ได้ตรวจสอบว่านายวัฒนายังอยู่ในประเทศไทย หรือมีการเดินทางออกไปนอกประเทศหรือไม่ เมื่อศาลมีคำสั่งอนุมัติหมายจับออกมา ขั้นตอนต่อไปจะต้องมีการส่งหมายจับมาที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง จะได้ประกาศแจ้งเตือนไปทุกด่านทั่วประเทศว่า
บุคคลนี้มีหมายจับของศาล และเป็นบุคคลที่อยู่ในบัญชีเฝ้าดูของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง หากปรากฏตัวที่ด่าน ตม.ที่ใด ให้จับกุมตัวเพื่อส่งศาลฎีกาแผนกคดีอาญานักการเมืองทันที 


“มั่น” เผยเหตุที่ “วัฒนา” ไม่ไปศาล
 


นายมั่น พัธโนทัย รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) กล่าวว่า

การที่นายวัฒนาไม่เสี่ยงที่จะไปฟังคำพิพากษาของศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพราะชี้แจงหลายครั้งแล้วไม่มีใครไม่เชื่อ ประกอบอายุก็มากแล้ว ปัจจุบันอายุ 75 ปี มีโรคประจำตัวอีกด้วย เป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่ต้องรับฟังคำพิพากษาของศาลที่ถือเป็นที่สิ้นสุดนั้น   เป็นใครใครก็กลัวเพราะเป็นมนุษย์ปุถุชนคนธรรมดาก็กลัวติดคุกกันทั้งหมดโดยเฉพาะการติดคุกตอนแก่ เชื่อว่าไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นกับตัวเอง นายวัฒนาก็เลยต้องหนีไป ได้คุยกับคุณวัฒนาเมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมา ก่อนที่จะเดินทางไปพม่า
นายวัฒนาก็ยืนยันมาตลอดและเหมือนเดิมทุกครั้งว่าไม่ได้ทำผิดและไม่กล้าเสี่ยงที่จะมา เพราะไม่เชื่อว่าคำชี้แจงและคำยืนยันของท่านจะมีคนเชื่อ เพราะเรื่องการซื้อที่ดินดังกล่าวมานานกว่า 10 ปี ขายให้คนไปทำสนามกอล์ฟแล้ว ถึงจะมีการออกโฉนดที่ดินภายหลัง 


น่าจะมาฟังคำพิพากษา 18 ส.ค.นี้
 


“พวกเราเชื่อในสิ่งที่คุณวัฒนาพูด แต่ไม่รู้ว่าคนอื่นจะเชื่อหรือไม่ เพราะผมรู้จักกันมานานกว่า 30 ปี เป็นมากกว่านอมินี เพราะเป็นทั้งน้องชายเป็นเพื่อนคู่คิดมาตลอด คุณวัฒนาบอกผมว่าเรื่องนี้เป็นวิบากกรรมของชีวิต ใครไม่เจอก็จะไม่มีวันรู้หรอกว่ามันเจ็บปวดแค่ไหน ถึงแม้จะเป็นเรื่องที่เกิดมา 15 ปีแล้ว และนายวัฒนาไม่เสี่ยงที่จะไปรับฟังคำพิพากษา” นายมั่นกล่าวและว่า  โดยส่วนตัวทั้งรัก เห็นใจ และเข้าใจนายวัฒนา เพราะเคยต้องไปฟังคำตัดสินของศาลคดีหนึ่ง ทั้งๆที่ทนายก็ยืนยันให้แล้ว แต่ใจก็หล่นไปอยู่ตาตุ่ม ก็เพราะเป็นมนุษย์ปุถุชนคนธรรมดาก็กลัวติดคุกกันทั้งหมด อย่างไรก็ตามก็ขอให้คุณวัฒนารักษาสุขภาพให้ดี และเชื่อว่านายวัฒนาน่าจะมาฟังคำพิพากษาในวันที่ 18 ส.ค.นี้ อย่างไรก็ตามเรื่องนี้เกิดขึ้นก็คงเป็นอุทาหรณ์ให้กับนักการเมืองรุ่นหลังๆเหมือนกัน การเป็นนักการเมืองต้องคิดให้รอบคอบ ทำในสิ่งที่ถูกต้องและต้องกล้าตัดสินใจในเรื่องที่ถูกต้อง 


“เด็กวัฒนา” ปัดข่าวเจ้านายหนีไป ตปท.
 


นายปาน พึ่งสุจริต รองหัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน คน สนิทของนายวัฒนา อัศวเหม ประธานพรรคเพื่อแผ่นดิน

กล่าวภายหลังที่ศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำสั่งให้ออกหมายจับนายวัฒนาทั่วประเทศ หลังจากที่ไม่ยอมเดินทางไปฟังคำพิพากษาคดีคลองด่านว่า ระยะหลังไม่ได้ติดต่อกับนายวัฒนาเลย เพราะตั้งแต่มาเป็นคณะกรรมาธิการวิสามัญ พิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2552 ก็ทำงานเลิก 22.00 น.เกือบทุกวัน จึงไม่ทราบจริงๆว่าขณะนี้นายวัฒนาอยู่ที่ไหน ส่วนกระแสข่าวเรื่องที่นายวัฒนาได้หนีออกไปอยู่ต่างประเทศแล้วนั้น ข่าวนี้ไม่ทราบข้อเท็จจริงและคิดว่าไม่น่าจะเป็นไปได้  


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์