ว.วชิรเมธี แนะชาวพุทธถอดรหัสวันวิสาขบูชาใช้ดำเนินชีวิต

สำนักข่าวไทย 8 พ.ค.- “ว.วชิรเมธี” แนะชาวพุทธถอดรหัสวันวิสาขบูชาประยุกต์ใช้ในการดำเนินชีวิตจาก 3 เหตุการณ์ ประสูติ-ดำรงชีวิตมีเป้าหมายไม่ปล่อยตามยถากรรม ตรัสรู้-พัฒนาตนเองให้ถึงสัจจธรรมเป็นผู้รู้ผู้ตื่นผู้เบิกบาน ปรินิพพาน-ชีวิตไม่เที่ยงต้องดำรงตนไม่ประมาท

พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี หรือ “ว.วชิรเมธี” พระนักคิด นักเขียน นักเทศน์ ผู้อำนวยการสถาบันวิมุตตยาลัย ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวไทย ถึงวันวิสาขบูชา

ว่าเป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา เป็นวันที่พระพุทธเจ้าประสูติ  ตรัสรู้และปรินิพพาน ถ้าเรียนรู้เฉพาะเท่านั้นจะกลายเป็นว่าวันนี้เกี่ยวกับพระพุทธเจ้าล้วนๆ แต่อาตมาอยากจะแนะนำว่าเราสามารถเปลี่ยนวันของพระพุทธเจ้าให้เป็นวันของเราได้ โดยการถอดรหัสจาก 3 เหตุการณ์คือ “วันประสูติ” มีคติธรรมว่า เจ้าชายสิทธัตถะ ประสูติแล้วทรงดำเนินไป 7 ก้าว แล้วทรงชี้พระดรรชนีขึ้นบนฟ้าเปล่งวาจาประกาศปณิธานในการดำเนินชีวิตว่าเราจะเป็นยอดคนของโลก ชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายการเกิดใหม่จะไม่มีอีกแล้ว คติดังกล่าวชาวพุทธนำมาประยุกต์ใช้ในการดำเนินชีวิตประจำวันได้คือ การที่พระพุทธเจ้าทรงประสบความสำเร็จในชีวิตได้เพราะทรงตั้งปณิธานในการดำเนินชีวิต ดังนั้น มนุษย์ทุกคนถ้าปรารถนาประสบความสำเร็จในการดำเนินชีวิต ต้องตั้งปณิธานในการดำเนินชีวิต  ไม่ใช่ปล่อยให้กิเลสพาไปหรืออยู่ไปตามยถาธรรมให้ชีวิตหมดวันต่อวัน หมดไปกับการหายใจทิ้งไปวันๆ


“เราจะต้องเอาอย่างพระพุทธองค์ บอกตัวเองว่าเราเกิดมาชาตินี้จะทำอะไรบ้าง ฟันธงลงไปชัดๆ ชีวิตทั้งชีวิตในชาตินี้ก็จะชัดเจนไม่พร่ามัว แต่ถ้าเราปล่อยชีวิตไปตามยถากรรมจนแก่จนเฒ่าจนจะเข้าโลง บางทีไปถามว่าคุณทำอะไรบ้าง ปรากฏว่าความชั่วไม่มี ความดีไม่ปรากฏ ถ้าเป็นอย่างนี้ก็น่าเสียดายที่ได้โควตาเกิดมาเป็นคน ฉะนั้น เราต้องบอกตัวเองว่าชีวิตต้องดำเนินไปอย่างมีเป้าหมายที่ชัดเจนเหมือนพระพุทธองค์ ถ้าตั้งเป้าหมายแล้วชีวิตเราจะไม่ใช่กอสวะ ชีวิตเราจะเหมือนเรือพอแล่นออกจากท่าก็มุ่งสู่ฝั่งอย่างมีเป้าหมายที่เป็นรูปธรรม”พระมหาวุฒิชัย กล่าว


พระมหาวุฒิชัย กล่าวอีกว่าวันตรัสรู้ เป็นวันที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้อริยสัจ 4 ประการ สาระสำคัญคือก่อนตรัสรู้พระพุทธองค์เป็นมนุษย์เหมือนกัน

แต่ได้พัฒนาตัวเองจนในที่สุดเข้าถึงสัจจธรรมสูงสุดได้  ดังนั้นเราเป็นมนุษย์เหมือนกัน ก็ต้องบรรลุสัจธรรมให้ได้  เราจึงอย่ามัวแต่ชื่นชมพระพุทธองค์ แต่ต้องบอกตัวเองด้วยว่านอกจากชื่นชมแล้วเราต้องปฏิบัติให้เป็นพุทธะขึ้นมาในตัวด้วย เราทุกคนมีศักยภาพที่จะเป็นพุทธะ คือ เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน เพราะพระพุทธองค์ทรงทำให้ดูแล้วว่ามนุษย์เช่นพระองค์ทรงทำได้ แล้วทำไมเราจะทำเช่นนั้นบ้างไม่ได้ 


ส่วนเหตุการณ์เสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน พระพุทธองค์ทรงตรัสเตือนชาวพุทธว่า เมื่อพระองค์ได้ล่วงลับไปแล้ว พระธรรมวินัยจะเป็นศาสดาของชาวพุทธ หมายความว่า เราจะต้องไม่ยึดติดถือมั่นในตัวบุคคล 

แต่เราจะต้องอยู่กับธรรมและวินัยให้ได้ ซึ่งก็คือพระพุทธศาสนา ดังนั้น เมื่อเราเห็นพระประพฤติตนเสื่อมเสีย จะไปบอกว่าพระพุทธศาสนาเสื่อมแล้วไม่ใช่ แต่ที่เสื่อมคือคนที่เข้าในศาสนาต่างหากที่เสื่อม แต่พระธรรมวินัยยังอยู่ และก่อนพระพุทธเจ้าจะเสด็จดับขันธ์ปรินิพพานทรงฝากปัจฉิมโอวาทสาระสำคัญว่า สังขารทั้งหลายไม่เที่ยง เกิดขึ้นมาแล้วก็แตกดับไป เพราะฉะนั้นเธอทั้งหลายจงดำรงชีวิตด้วยความไม่ประมาท ดังนั้น ต้องอยู่ทำวันนี้ให้ดีที่สุด เพราะไม่มีใครรู้ว่าพรุ่งนี้ความตายจะมาถึง ถ้าเราคิดอยู่เสมอว่าวันนี้คือวันสุดท้ายของชีวิต เราจะคิดเลือกพูดเลือกทำแต่กิจกรรมที่มีสาระประโยชน์ให้มากที่สุด


“เหล่านี้คือคติธรรมที่เราชาวพุทธจะต้องประยุกต์เอามาใช้ในชีวิตประจำวันให้ได้ ย้ำอีกครั้งว่าเหตุการณ์วันประสูติ เราต้องบอกตัวเองว่าพระพุทธองค์ดำรงชีวิตอย่างมีเป้าหมายฉันใด เราก็ต้องดำรงชีวิตอย่างมีเป้าหมายฉันนั้น เหตุการณ์วันตรัสรู้เราต้องน้อมมาสู่ตัวเองว่าพระพุทธองค์บรรลุตรัสรู้สัจธรรมฉันใด เราก็ต้องมีศักยภาพบรรลุสัจธรรมฉันนั้น  เพราะความเป็นผู้รู้ผู้ตื่นผู้เบิกบานไม่ได้ถูกผูกขาดไว้กับพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่เป็นเรื่องที่เราทุกคนเข้าถึงได้ เหตุการณ์ปรินิพพานให้เราเตือนตัวเองว่า ชีวิตนี้ไม่เที่ยง ต้องดำรงตัวเองด้วยความไม่ประมาท ใครทำได้อย่างนี้คือ เปลี่ยนวันของพระพุทธเจ้าให้เป็นวันของเราได้สำเร็จ” พระมหาวุฒิชัย กล่าว


พระมหาวุฒิชัย  กล่าวด้วยถึงการเรียนวิชาพุทธศาสนาของไทยด้วยว่า เป็นการเรียนท่องจำเพื่อสอบซึ่งเป็นความผิดพลาดของการสอนพุทธศาสนาในสถาบันการศึกษา แท้จริงแล้วต้องเรียนพุทธศาสนาเพื่อการเปลี่ยนแปลงชีวิต ให้มีคุณภาพขึ้นมาจึงจะเป็นผลสัมฤทธิ์ที่แท้ของการเรียนพุทธศาสนา.- สำนักข่าวไทย


เครดิต :

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์