ล้างมาเฟียพัทยา!! จับ 14 รัสเซีย-แขกขาว ต้นเหตุอาชญากรรมทำไทยเสียชื่อ!!

ล้างมาเฟียพัทยา!! จับ 14 รัสเซีย-แขกขาว ต้นเหตุอาชญากรรมทำไทยเสียชื่อ!!

สตม.ร่วมตร.ภาค 2 ระดมกวาดล้าง "มาเฟียต่างชาติ" ทั่วเมืองพัทยา ได้ผู้ต้องหาทั้งหมด 14 ราย มีทั้งอาชญากรข้ามชาติ ทั้งชาวรัสเซียและยุโรปตะวันออกที่หลบหนีคดีมาอยู่ในเมืองไทยรวมอยู่ด้วยหลายคน เผยในนั้นมีมาเฟียชาวรัสเซียที่มีหมายจับของทั้งตร.รัสเซียและตำรวจสากล ผบช.สตม.เผย บุคคลเหล่านี้เข้ามาแย่งอาชีพคนไทย และยังทำธุรกิจผิดกฎหมาย ทั้งนำหญิงต่างชาติมาค้าประเวณีและยาเสพติด ทำให้ประเทศเสียชื่อเสียง ซึ่งเป็นต้นเหตุของอาชญากรรมที่เกิดขึ้นตามแหล่งท่องเที่ยวที่ผ่านมา จากนี้จะส่งดำเนินคดีและผลักดันออกนอกประเทศต่อไป

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 20 มี.ค. ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) พล.ต.ท.ณัฐธร เพราะสุนทร ผบช.สตม. พร้อมด้วยพล.ต.ต.ชูฉัตร ธารีฉัตร ผบก.สส.สตม. พ.ต.อ.บรรลือศักดิ์ ขลิบเงิน พ.ต.อ.ภัคพงศ์ สายอุบล รอง ผบก.สส. พ.ต.อ.คธาธร คำเที่ยง ผกก.ตม.ชลบุรี เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธร ภาค 2 และเทศบาลเมืองพัทยา ร่วมกันแถลงผลการระดมกวาดล้างแก๊งมาเฟียและกลุ่มผู้มีอิทธิพลต่างชาติที่มีพฤติกรรมตั้งตัวเป็นขาใหญ่ ข่มขู่ คุกคาม เกี่ยวพันธุรกิจมืดในพื้นที่เมืองพัทยา จ.ชลบุรี โดยสามารถจับกุมชาวรัสเซียและยุโรปตะวันออกได้จำนวนมาก ซึ่งมีอาชญากรข้ามชาติที่หลบหนีคดีรวมอยู่ด้วยหลายคน

พล.ต.ท.ณัฐธรกล่าวว่า ตามนโยบายของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง ในการปราบปรามกลุ่มผู้มีอิทธิพล แก๊งมาเฟียต่างชาติที่เข้ามาสร้างความเดือดร้อนและกระทบความมั่นคงของประเทศ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. จึงได้สั่งการให้ สตม. กวดขันจับกุมอย่างจริงจัง ตนจึงสั่งการให้หน่วยงานในสังกัด สืบสวน หาข่าว และประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งตำรวจภูธรภาค 2 และเมืองพัทยา สนธิกำลังกวาดล้างคนต่างชาติผิดกฎหมายที่ตั้งเป็นกลุ่มแก๊งอิทธิพลและแลกเปลี่ยนข้อมูลกับทูตตำรวจของแต่ละประเทศและตำรวจสากลอย่างใกล้ชิด จนนำไปสู่การจับกุมคนต่างชาติผิดกฎหมายได้เป็น จำนวนมาก ได้แก่ รัสเซีย 6 ราย, ยูเครน 1 ราย, เบลารุส 1 ราย, อุซเบกิสถาน 4 ราย, โมร็อกโก 1 ราย และอิหร่าน 1 ราย รวม 14 ราย ซึ่งในจำนวนนี้มีอาชญากรรัสเซียหนีคดีสำคัญที่มีทั้งหมายจับของตำรวจรัสเซียและหมายจับตำรวจสากลในคดีที่เกี่ยวกับยาเสพติดและคดีการเงินรวมอยู่ด้วย

"บุคคลเหล่านี้เข้ามาตั้งแก๊งลักลอบทำงานและประกอบธุรกิจ แย่งอาชีพคนไทย ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร สถานบันเทิง ธุรกิจให้เช่ารถ นอกจากนี้ยังมีธุรกิจมืด ที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว อาทิ จัดหาหญิงจากยุโรปตะวันออกเพื่อการค้าประเวณีและค้ายาเสพติด กระทบถึงภาพลักษณ์และชื่อเสียงของประเทศ นอกจากนี้ยังตั้งตนเป็นขาใหญ่ ข่มขู่ คุกคาม คนต่างชาติด้วยกันเอง และสร้างความเดือดร้อนให้คนไทยและชาวต่างชาติ ซึ่งเป็น ต้นเหตุของอาชญากรรมที่เกิดขึ้นตามแหล่งท่องเที่ยว ที่ผ่านมา" พล.ต.ท.ณัฐธรกล่าว

ทั้งนี้ อาชญากรข้ามชาติรัสเซียที่มีหมายจับตำรวจรัสเซียและหมายแดงตำรวจสากลรายสำคัญ ประกอบด้วยรายแรก นายอเล็กซานเดอร์ ดานีลอฟ อายุ 43 ปี สัญชาติรัสเซีย ตั้งตัวเป็นมาเฟียในพื้นที่พัทยา มีลูกสมุนในแก๊งหลายคน เกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด พบประวัติ เคยถูกจับกุมและดำเนินคดีข้อหาเกี่ยวกับยาเสพติดมา ก่อน นอกจากนี้ยังพบว่าถูกทางการรัสเซียออกหมายจับ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้เฝ้าติดตามพฤติกรรมจนได้ข้อมูลแน่ชัด จึงเข้าควบคุมตัวได้ในพัทยา จ.ชลบุรี จากการ ซักถามนายอเล็กซานเดอร์ รับว่าตนเคยถูกจับในคดียา เสพติดมาก่อน และหลบหนีคดีมาอยู่ตามแหล่งท่องเที่ยวในพัทยาและภูเก็ต ถือได้ว่าบุคคลดังกล่าวมีพฤติการณ์เป็นภัยสังคม เข้าลักษณะต้องห้าม จากข้อมูลการเดินทางเข้า-ออกพบว่า นายอเล็กซานเดอร์เข้ามาและได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรไทยได้ถึงวันที่ 29 พ.ค.2555 ปัจจุบัน อยู่เกินกำหนด เป็นระยะเวลาถึง 4 ปี 7 เดือน 18 วัน จึงได้ แจ้งข้อหา "เป็นคนต่างด้าวเดินทางเข้ามา และอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด"

รายที่สอง นายมิคาอิล กรีเวนท์ซอฟ สัญชาติรัสเซีย บุคคลตามหมายจับตำรวจสากลในข้อหา "จำหน่ายยา เสพติดให้โทษด้วยผิดกฎหมาย (เฮโรอีน)" คดีนี้สตม. ได้รับการประสานจากสถานทูตรัสเซียประจำประเทศไทย ว่ามีบุคคลที่ทางการรัสเซียต้องการตัวหลบหนีเข้ามาในประเทศ และตั้งตัวเป็นผู้มีอิทธิพลในเมืองพัทยา เมื่อทีมสืบสวน สตม.ร่วมกับตำรวจภูธร ภาค 2 ลงพื้นที่หาตัว เป้าหมายจึงหลบหนีออกจากพัทยาไป ต่อมาถูกจับกุมตัวได้ที่ จ.เลย นายมิคาอิลเดินทางเข้า-ออกประเทศไทย จำนวน 4 ครั้ง ล่าสุดเดินทางเข้ามาทางสะพานมิตรภาพไทย-ลาว จ.หนองคาย เมื่อวันที่ 18 ก.ย. 2558 ได้รับอนุญาตให้อยู่ถึงวันที่ 11 มิ.ย. 2559 ปัจจุบันอยู่เกินกำหนดอนุญาตมากกว่า 9 เดือน

รายที่สาม นายอันทอน ฟีลิพพอฟ สัญชาติรัสเซีย เป็นบุคคลที่ทางการรัสเซียต้องการตัวในคดี "จงใจไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาศาลและหลบหนี" ปัจจุบันทางการรัสเซียได้เพิกถอนหนังสือเดินทาง จับกุมได้ที่พัทยา จ.ชลบุรี จากข้อมูลพบว่า เดินทางเข้า-ออกประเทศไทยจำนวน 8 ครั้ง ล่าสุดเดินทางเข้ามาทางท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เมื่อวันที่ 1 ก.พ. 2560 ได้รับอนุญาตให้อยู่ถึงวันที่ 30 เม.ย. 2560 สตม.ได้เพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรและดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

รายที่สี่ถือเป็นรายสำคัญคือ นายเซอร์เก มารีฟ สัญชาติรัสเซีย บุคคลตามหมายจับตำรวจสากลและตำรวจรัสเซีย จากการสืบสวน ทราบว่านายเซอเก้ ใช้ชีวิตแบบเพลย์บอยอยู่ในพัทยา คบหาและมีเพศสัมพันธ์กับหญิงไทย หลายคน ตามแหล่งท่องเที่ยว ทั้งนี้ ตรวจสอบพบว่านายเซอร์เกเป็นบุคคลที่ติดเชื้อเอชไอวีอีกด้วย เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงใช้สายลับหญิงติดต่อผ่านแอพพลิเคชั่นวอตส์แอปป์ และ นัดหมายมาเจอ เมื่อวันที่ 19 ก.พ.ที่ผ่านมา ก่อนจับกุมตัว นอกจากนี้ชุดสืบสวนยังตรวจค้นในกระเป๋าสัมภาระพบห่อยาเป็นจำนวนมาก

จากการสอบปากคำนายเซอเก้ รับว่าตนเป็นบุคคลตามหมายจับตำรวจสากลจริง ทั้งนี้ นายเซอร์เกยอมรับว่าตนเป็นโรคติดต่อร้ายแรง หลบหนีจากรัสเซียมาใช้ชีวิตเพลย์บอยในเมืองไทย เพราะไม่มีใครทราบเรื่องราวของตน จากข้อมูลการเดินทางพบว่าเข้าออกไทยหลายครั้ง ล่าสุดเข้ามาทางด่านตรวจคนเข้าเมือง จ.หนองคาย เมื่อวันที่ 30 ธ.ค. 2559 ด้วยวีซ่าประเภทนักท่องเที่ยว (60 วัน) ได้รับการอนุญาตอยู่ในราชอาณาจักรถึงวันที่ 27 ก.พ. ที่ผ่านมา

ส่วนรายที่ 5-14 เป็นชาวรัสเซียและชาวยุโรปตะวันออกที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียต อีกจำนวน 10 ราย ทั้งหมดถูกจับกุมในข้อหาต่างๆ เช่น ลักลอบทำงาน, ทำงานผิดประเภท, อยู่เกินกำหนดและเป็นบุคคลที่มีพฤติการณ์ที่น่าเชื่อว่าจะเป็นภัยต่อสังคม ซึ่งจะดำเนินการผลักดันออกนอกประเทศต่อไป


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์