ล้อมคอก-โคโยตี้ ห้ามต่ำ20 เอาผิดเจ้าของ-พ่อแม่

ทุกหน่วยสนองพระราชปรารภพระราชินี แก้ปัญหาโคโยตี้ กระทรวงวัฒนธรรมเตรียมเป็นเจ้าภาพประชุมใหญ่หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องและผู้ประกอบการ ออกกฎคุมเข้มห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 20 เป็นสาวพริตตี้หรือโคโยตี้ พร้อมจะออกกฎหมายเอาผิดผู้ที่ชักชวนให้เด็กเต้น และผู้ปกครองที่ไม่ดูแลสวัสดิภาพเด็กในปกครอง มหาเถรสมาคมนำเรื่องเข้าที่ประชุมด่วน เผยมีกฎอยู่แล้วว่าห้ามเต้นวาบหวิว หรือแสดงอนาจารในงานวัด ตร.แจงไม่มีหน้าที่ในการอนุญาตการแสดงงานวัด แต่ต่อไปนี้ถ้ามีการแสดงเข้าข่ายอนาจารจะจับทันที ผู้ว่าฯหนองคายโบ้ยงานบั้งไฟไม่ใช่งานของจังหวัด อยู่ในความรับผิดชอบของอำเภอ เทศบาลโพนพิสัยอ้างผู้มาเช่าบู๊ธไม่บอกว่าจะมีโคโยตี้มาเต้นเลยรับมือไม่ทัน

จากกรณีคุณหญิงไขศรี ศรีอรุณ รมว.วัฒนธรรม เปิดเผยว่า กระทรวงวัฒนธรรมได้รับหนังสือจากสำนักราชเลขาธิการ ระบุว่า สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ มีพระราชปรารภถึงเรื่องของการแต่งกายของผู้หญิง โดยทอดพระเนตรงานบั้งไฟพญานาคที่จ.หนองคาย ผ่านสถานีโทรทัศน์ เห็นภาพผู้หญิงสาวนุ่งน้อยห่มน้อยแสดงท่าเต้นด้วยท่าทางที่ยั่วยุทางเพศ และมีพระราชกระแสว่า ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของพระพุทธศาสนาโลก พระพุทธศาสนาในประเทศไทยก็มีมากว่า 800 ปีแล้ว วันสำคัญทางศาสนาก็เป็นวันที่พุทธศาสนิกชนควรน้อมรำลึกถึงพระคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยความเคารพ การจัดการแสดงในวันเหล่านี้จึงควรพิจารณาด้วยจิตสำนึกของความเป็นพุทธศาสนิกชน ตลอดจนคำนึงถึงชื่อเสียงของประเทศนั้น

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 30 ต.ค. ที่กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) น.ส.ลัดดา ตั้งสุภาชัย ผู้อำนวยการศูนย์เฝ้าระวังทางวัฒนธรรม กล่าวว่า คุณหญิงไขศรี ศรีอรุณ รมว.วัฒนธรรม มอบหมายให้ศูนย์เฝ้าระวังทางวัฒนธรรม รับผิดชอบในการกำหนดแนวทางแก้ไขอย่างเป็นระบบ ซึ่งวธ.เพียงลำพังไม่สามารถแก้ไขได้อย่างเบ็ดเสร็จ ดังนั้นต้องบูรณาการงานร่วมกับหน่วยงานทุกภาคส่วน ตนได้สั่งการให้เครือข่ายงานวัฒนธรรมครอบคลุมทั่วประเทศ ให้ความสำคัญในเรื่องดังกล่าวในลำดับต้นๆ

น.ส.ลัดดา กล่าวว่า ขณะนี้คุณหญิงไขศรี กำลังประสานเพื่อจะเชิญหน่วยงานที่มีหน้าที่ตามกฎหมาย องค์กรภาครัฐ 9 แห่ง ผู้ประกอบการ ภาคธุรกิจเอกชนกว่า 50 องค์กร ร่วมประชุมหาข้อยุติและแก้ไขปัญหานี้อย่างยั่งยืน ในวันที่ 8 พ.ย. อาทิ ตำรวจสันติบาล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ บริษัทเอกชน หน่วยงานที่ผลิตสื่อ เอเจนซี่โฆษณา ผู้จำหน่ายสินค้า และผู้บริหารสื่อมวลชนทุกแขนง การแก้ปัญหามุ่งปิดที่วาล์วใหญ่ของปัญหา เพราะการแสดงของดารานักแสดงที่เต้นผ่านโทรทัศน์โดยไม่ได้ผ่านการอนุญาตของผู้บริหารคงเป็นไปไม่ได้ เชื่อว่าเป็นการแก้ปัญหาแบบเบ็ดเสร็จ ในการประชุมจะทบทวนว่ามีการใช้มาตรการทางกฎหมายอย่างจริงจังหรือไม่ หลังจากนั้นสัปดาห์ต่อมาประชุมร่วมกับภาคประชาสังคมอีกทางหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ภายหลังการประชุมร่วมกับทุกฝ่ายหากหน่วยงานใดไม่ร่วมมือก็อาจถูกประณามได้ ซึ่งในที่สุดแล้วสื่อและคนส่วนใหญ่ในสังคมจะร่วมประณามและการเสนอเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมก็จะลดลงไปเอง

น.ส.ลัดดา กล่าวว่า วธ.กำหนดแผนการดำเนินงาน 3 ระยะ คือ 1.แผนระยะต้น ได้สั่งการให้หน่วยงานวัฒนธรรมที่อยู่ในต่างจังหวัดดูแลสอดส่องความผิดปกติ รวมทั้งประสานงานไปยังกระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมกันแก้ไขปัญหา 2.แผนระดับกลาง จะมีการประสานงานไปยังหน่วยงานที่ดูแลทางด้านกฎหมายให้สามารถใช้มาตรการทางกฏหมายมาบังคับใช้ได้อย่างจริงจัง ทั้งในส่วนกฎหมายปกครอง ซึ่งกระทรวงมหาดไทย ผวจ. จะต้องร่วมมือกัน ในส่วนของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ที่มีมาตรการเกี่ยวกับการไม่อนุญาตให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี หาอาชีพพิเศษจากการแสดงเต้นโคโยตี้ พริตตี้ เนื่องจากขัดกับระเบียบข้อกำหนดของโรงเรียน และกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ที่ดูแลพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็กและเยาวชน และ 3.แผนระยะยาวจะต้องมีการขับเคลื่อนระหว่างภาคประชาสังคม โดยการจัดประชุมสัมมนา ผู้ปกครอง นักวิชาการ เด็กและเยาวชน และผู้ประกอบการ ให้สามารถมองรู้ดูออกว่าอะไรควรทำและไม่ควรทำในสังคม นำไปสู่กำหนดแนวทางแก้ไขปัญหา พร้อมทั้งผลักดันให้เป็นวาระแห่งชาติต่อไป

"เห็นได้ว่า ขณะนี้ทุกกระทรวงมีกฎหมายที่รองรับปัญหาที่เกิดขึ้น และยังสามารถบังคับใช้ได้ทันที ซึ่ง วธ. มีพ.ร.บ.วัฒนธรรม พ.ศ.2485 ที่กำหนดในเรื่องจารีตประเพณีเอาไว้ ถึงแม้ว่าจะเป็นมาตรการที่เก่า แต่เราจะต้องนำมาพัฒนาในการประกาศกฎหมายลูกออกมาบังคับใช้ สำหรับในวันที่ 8 พ.ย ที่จะมีการระดมความคิดร่วมกันระหว่างผู้ประกอบการ ตัวแทนจำหน่าย ผู้ขายสินค้าอุปโภคและบริโภค และสื่อ นั้น เนื่องจากเห็นว่าปัญหาส่วนใหญ่เกิดจากการโฆษณาขายรถ ขายสินค้า โดยใช้กลยุทธ์ทางการตลาด และใช้เด็กสาวมาเป็นตัวล่อ เพื่อให้สินค้าขายได้ ทุกภาคส่วนจึงต้องหาแนวทางในการแก้ปัญหาและสร้างความร่วมมือกันด้วยความจริงจังและจริงใจ เพื่อสนองพระราชปรารภของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ" ผอ.ศูนย์เฝ้าระวังฯ กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า มาตรการห้ามเด็กและเยาวชนอายุต่ำกว่า 20 ปี มาทำงานเป็นสาวโคโยตี้ หรือพริตตี้ จะดำเนินการได้ทันทีหรือไม่ น.ส.ลัดดา กล่าวว่า หากตำรวจพบเด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี เต้นโคโยตี้ หรือทำงานพิเศษที่แต่งกายไม่เหมาะสม สามารถดำเนินคดีเพื่อให้ผู้ปกครองมารับตัวไปได้ นอกจากนี้วธ.จะออกกฎหมายลูกมาดำเนินการได้ ตามพ.ร.บ.วัฒนธรรมแห่งชาติ พ.ศ.2485 เช่น บทลงโทษผู้กระทำผิด เดิมในอดีตมีโทษปรับ 100 บาท แต่ต้องปรับปรุงเพื่อใช้เอาผิดผู้ประกอบการที่ชักชวนเด็กเยาวชนมาทำแบบนี้ด้วย

น.ส.ลัดดากล่าวว่า หากถามว่าเด็กจำเป็นต้องมีรายได้มากๆ บางรายมีรายได้สูงถึง 1 แสนบาทต่อเดือน หรือไม่บางคนบอกว่าต้องเต้นโคโยตี้ พริตตี้จะนำเงินไปใช้เพื่อการศึกษา ก็ใช้เงินไม่ถึง ต้องถามว่าปัจจัยเสริมที่ต้องการนั้นเอื้อต่อการดำรงชีวิตหรือไม่ หรือเป็นเอื้อเน้นให้เกิดความฟุ่มเฟือย ซึ่งขัดต่อนโยบายเศรษฐกิจพอเพียงตามเจตนารมณ์ของรัฐบาล ส่วนเด็กที่ขาดรายได้จากการเป็นโคโยตี้ จะหางานอื่นให้ทำ แต่คงมีรายได้ไม่เท่า

นายไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กล่าวว่า กระทรวงจะนำข้อเท็จจริงต่างๆ มาดู ต้องใช้ความร่วมมือแก้ปัญหา 2 ระดับ คือ ท้องถิ่นร่วมกับสังคม เรื่องนี้ต้องพิจารณาให้ถ้วนถี่ เพราะเกี่ยวพันสลับซับซ้อนทางวัฒนธรรม ค่านิยม โยงใยกัน ต้องถามประชาชนในท้องถิ่นที่เกิดเหตุการณ์ว่าคิดอย่างไร จะแก้อย่างไร กระทรวงจะสนับสนุน

นางกิ่งแก้ว อินหว่าง รองผอ.สำนักงานกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว พม. กล่าวว่า ต้องให้น้ำหนักไปยังภาคเอกชนที่เป็นเจ้าของธุรกิจ นิยมนำเรือนร่างเด็กและผู้หญิงมาหาประโยชน์อย่างไม่เหมาะสม โดยเฉพาะการมาเต้นโคโยตี้บริเวณวัด ตัวเด็กผู้หญิง นักเรียน นักศึกษาอาจคิดว่า ทำเพื่อหาเงิน เพราะรายได้ค่อนข้างดี เป็นอาชีพสุจริต โดยไม่ได้ยั้งคิด แต่เกิดผลกระทบสูงจากการตกเป็นเหยื่อยั่วยุทางเพศ และผลกระทบต่อวัฒนธรรมอันดีของประเทศ

"เท่าที่ทราบมีเด็กบางกลุ่มที่มาเป็นโคโยตี้ เพราะถูกหล่อหลอมให้เป็นคนฟุ่มเฟือย เมื่อผู้ปกครองให้เงินไม่พอใช้ ก็หาเงินเอง ดังนั้นต้องรณรงค์ครอบครัวและสังคมช่วยปลูกฝังค่านิยมใหม่ให้คนหนุ่มสาว ไม่ถูกเอาประโยชน์จากเนื้อตัวร่างกาย ตนรู้สึกไม่เห็นด้วยตั้งแต่เรื่องพริตตี้ขายรถ แต่งตัวยั่วยวนเพื่อจูงใจคนมาซื้อรถ ทำให้คนมามุงดูจำนวนมาก ไม่รู้ว่ามาดูรถหรือดูพริตตี้ สค.จะทำหนังสือขอความร่วมมือถึงสมาคมหอการค้า สภาอุตสาหกรรม ให้ดูแลสมาชิกเจ้าของธุรกิจทั้งหลาย เช่น รถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์ เหล้า ที่ชอบใช้ผู้หญิงสาวทั้งพริตตี้ โคโยตี้ มาแต่งตัวเต้นโชว์เรียกลูกค้า ให้ใช้วิธีการอื่นแทน" นางกิ่งแก้ว กล่าว

พล.ต.อ.อชิรวิทย์ สุพรรณเภสัช รองผบ.ตร. และโฆษกตร. กล่าวว่า เรื่องที่เกิดขึ้นถือเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม ได้ให้ทุกกองบัญชาการรีบดำเนินการเรื่องนี้อย่างเร่งด่วน ทั้งนี้ การแสดงการละเล่นต่างๆ ตำรวจไม่ได้เป็นผู้ตีกรอบอนุญาตได้ อำเภอเป็นผู้ดำเนินการ อย่างไรก็ตามทุกกองบัญชาการตื่นตัวในเรื่องนี้ หากพบว่ามีการกระทำเช่นนี้อีกจะถือว่าเข้าข่ายอนาจารและจะดำเนินการทางกฎหมาย เพื่อสนองพระราชเสาวนีย์สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ

นายวิจิตร ศรีสอ้าน รมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่า มาตรการควบคุมเด็กที่อายุต่ำกว่า 20 ปี เป็นสาวโคโยตี้นั้น เรื่องนี้ต้องพิจารณาให้รอบคอบ เพราะเป็นเรื่องของสิทธิส่วนบุคคล ประเด็นปัญหาไม่ใช่ว่าเด็กเต้นโคโยตี้ แต่ปัญหาเพราะไปเต้นที่วัด จึงไม่เหมาะสม หากเห็นว่าไม่เหมาะสม เจ้าอาวาส และเจ้าหน้าที่ของวัดก็มีอำนาจโดยตรงที่จะไม่อนุญาตให้เข้าไปเต้น

"ผมไม่เห็นด้วยกับการออกมาตรการห้ามเรื่องนี้ เอะอะอะไรก็ห้าม แต่เห็นด้วยกับมาตรการส่งเสริมให้เด็กมีจิตสำนึกรู้ว่าอะไรควรไม่ควรมากกว่า ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ ก็เคยมีโคโยตี้ไปเต้นในงานศพที่วัด โดยเจ้าภาพบอกว่าไม่เป็นไรเพราะผู้ตายชอบดู ดังนั้นจึงเป็นเรื่องของวัดหากเห็นว่าไม่เหมาะสมก็ควรให้ไปเต้นนอกวัด แต่หากมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นในสถานศึกษา ไม่ว่านักเรียน นักศึกษาเต้นเอง หรือสถานศึกษาปล่อยให้มีบุคคลภายนอกเข้ามาเต้น ผมก็จะดูแล กวดขัน และรับผิดชอบเต็มที่" นายวิจิตรกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทั้งนี้ตาม พ.ร.บ.คุ้มครอง พ.ศ.2546 มีหลักการสำคัญคือ การระดมทรัพยากรทุกภาคส่วนเข้ามาร่วมดูแล ปกป้อง คุ้มครองเด็ก โดยอาศัยการดำเนินงานแบบสหวิชาชีพ เพื่อประโยชน์สูงสุดของเด็ก กฎหมายฉบับนี้ได้วางระบบการสงเคราะห์คุ้มครอง สวัสดิภาพและการส่งเสริมความประพฤติของนักเรียนและนักศึกษา และส่งเสริมความประพฤติของนักเรียนและนักศึกษา และส่งเสริมหน้าที่ความรับผิดชอบของครอบครัว ชุมชน ภาครัฐ ภาคเอกชน ในการร่วมมือกันคุ้มครองเด็ก โดยไม่พึ่งทรัพยากรจากภาครัฐแต่เพียงฝ่ายเดียว

ตามมาตรา 23 ระบุว่า ผู้ปกครองต้องให้การอุปการะเลี้ยงดูอบรมสั่งสอนและพัฒนาเด็กที่อยู่ในความปกครองดูแลของตนตามสมควรแก่ขนบธรรมเนียมประเพณี และวัฒนธรรมแห่งท้องถิ่น แต่ทั้งนี้ต้องไม่ต่ำกว่ามาตรฐานขั้นต่ำ ตามที่กำหนดในกฎกระทรวงและต้องคุ้มครองสวัสดิภาพเด็กที่อยู่ในความปกครองดูแลของตน มิให้ตกอยู่ในภาวะอันน่าจะเกิดอันตรายแก่ร่างกายหรือจิตใจ

นางจรวยพร ธรณินทร์ ว่าที่ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า ในปีนี้ ศธ.ทำโครงการใหม่ คือ เศรษฐกิจพอเพียงในสถานศึกษา โดยสอนให้เด็กมีวินัยการเงินรู้จักออม ลดรายจ่าย หารายได้พิเศษที่มีความภาคภูมิใจ และตระหนักถึงคุณธรรม จริยธรรม ซึ่งจะเน้นให้โรงเรียนส่งเสริมให้นักเรียนมีทักษะอาชีพอื่นๆ เช่น ทำคุกกี้ขาย เลี้ยงปลา ปลูกผัก เป็นต้น สำหรับนักศึกษาสามารถร่วมโครงการหารายได้ระหว่างเรียน "งานดีที่น้องทำได้" โดยรัฐบาลสนับสนุนงบประมาณ 500 ล้านบาท เพื่อให้เยาวชนทำงานกับหน่วยงานราชการและภาคเอกชนในระหว่างเรียน ซึ่งนักศึกษาที่ทำงานจะมีรายได้เฉลี่ยเดือนละ 2,000 บาท

คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา ว่าที่เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวว่า ในส่วนของกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) ไม่เห็นด้วยกับเรื่องสาวโคโยตี้อยู่แล้ว โดยส่วนตัวแล้วเห็นว่าโรงเรียนบางแห่งเข้มงวดกับเรื่องทรงผมของเด็กมาก แต่ขณะเดียวกันเมื่อมีการแสดงบนเวทีของเด็ก เช่น การประกวดร้องเพลงลูกทุ่ง กลับเปิดโอกาสให้เด็กแต่งตัวหวือหวามากจนเกินไป ทั้งที่เรื่องทรงผมเด็กน่าจะยืดหยุ่นได้ แต่ควรกำกับดูแลไม่ให้นักเรียนแต่งตัวหวือหวามากเกินไป

นางจุฬารัตน์ บุณยากร รักษาการผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เปิดเผยภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคม (มส.) ว่า ที่ประชุมมส.นำเรื่องดังกล่าวเข้าสู่ที่ประชุมเป็นวาระเร่งด่วน และเห็นว่าเคยแจ้งระเบียบมหาเถรสมาคม ว่าด้วยการจัดงานวัด พ.ศ.2537 ไปยังเจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ และสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดทั่วประเทศแล้ว แต่เมื่อสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงมีความเป็นห่วงต่อภาพลักษณ์ของพระพุทธศาสนา ทางมส.จึงมีมติให้ทำหนังสือแจ้งระเบียบมหาเถรสมาคมฉบับดังกล่าวไปยังเจ้าคณะจังหวัดทุกจังหวัด และสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดอีกครั้ง โดยจะกำชับด้วยว่าให้ดำเนินการตามระเบียบอย่างเคร่งครัด

นางจุฬารัตน์ กล่าวอีกว่า ระเบียบมหาเถรสมาคม ว่าด้วยการจัดงานวัด พ.ศ.2537 ข้อ 7 ระบุว่า การจัดงานวัดทุกประเภท ห้ามมิให้แสดงระบำหรือการแสดงอย่างอื่น ที่เป็นการยั่วยุกามารมณ์ หากเจ้าอาวาสรูปใดฝ่าฝืนระเบียบ ต้องได้รับโทษฐานละเมิดจริยาพระสังฆาธิการ

เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ห้องประชุมปทุมเทวาภิบาล ศาลากลางจังหวัดหนองคาย นายสุพจน์ เลาวัณย์ศิริ ผวจ.หนองคาย กล่าวในที่ประชุมหัวหน้าส่วนราชการประจำจังหวัดหนองคายประจำเดือนต.ค. โดยหยิบยกข้อความ ในหนังสือที่กระทรวงวัฒนธรรมได้รับจากสำนักราชเลขาธิการ ระบุถึงพระราชปรารภ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ให้ที่ประชุมฟัง

จากนั้นนายสุพจน์กล่าวว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 7 ต.ค. ซึ่งเป็นวันออกพรรษาบั้งไฟพญานาค เทศบาลตำบลโพนพิสัย อ.โพนพิสัย จัดกิจกรรม และให้ภาคเอกชนเช่าพื้นที่จำหน่ายสินค้าข้างวัดไทย มีร้านจำหน่ายรถจักรยานยนต์รายหนึ่ง มาเช่าพื้นที่จัดบูธห่างจากวัดเพียง 30 เมตร นักเต้นโคโยตี้มาเต้นเรียกลูกค้า เป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง เมื่อมีสื่อมวลชนนำเสนอข่าวนี้ออกไป ตนได้เรียกผู้ประกอบการมาชี้แจง ซึ่งผู้ประกอบการได้ขอโทษถึงการกระทำดังกล่าวอ้างเป็นการรู้เท่าไม่ถึงการณ์ รวมทั้งทำหนังสือชี้แจงต่อทางจังหวัด และทางจังหวัดก็ทำหนังสือชี้แจงถึงสำนักราชเลขาธิการ และกระทรวงมหาดไทยแล้ว

นายสุพจน์กล่าวต่อว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้หลายคนเมื่อเห็นเหตุการณ์ดังกล่าวเข้าใจว่าเป็นหนึ่งในงานที่ทางจังหวัดจัดขึ้น ซึ่งแท้จริงแล้วไม่ใช่ แต่เป็นเรื่องที่เทศบาลตำบลโพนพิสัย และอ.โพนพิสัยต้องรับผิดชอบ ที่ปล่อยให้มีการกระทำดังกล่าว ถึงแม้จะให้เอกชนเช่าที่ แต่ก็ต้องตรวจสอบการจัดกิจกรรมต่างๆ ของผู้เช่าด้วย ส่วนที่สื่อมวลชนเผยแพร่ข่าวนี้ออกไปจะโทษสื่อไม่ได้ เนื่องจากสื่อต้องนำเสนอในสิ่งที่เกิดขึ้น เพื่อให้ผู้เกี่ยวข้องดูแลแก้ไขไม่ให้เกิดเหตุการณ์ขึ้นอีก

ผู้ว่าฯ หนองคาย กล่าวว่า ต่อจากนี้ทุกอำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หากจะจัดกิจกรรมในวัด ไม่อนุญาตให้มีกิจกรรมการเต้นโชว์ เต้นยั่วยุทางเพศ แม้กระทั่งการเล่นเกม การพนัน เช่น ปาเป้าอย่างเด็ดขาด หากมีผู้จัดซึ่งทราบว่าเป็นลักษณะรถเร่จากต่างจังหวัดมาจัด ให้ตำรวจดำเนินการทันที ในส่วนของโรงเรียนได้ให้ผู้บริหารโรงเรียนทุกแห่ง งดส่งเสริมกิจกรรมเด็ก เยาวชนประเภทการเต้น นุ่งน้อยห่มน้อย เต้นยั่วยุ

นายณรงค์ศักดิ์ ลิมโพธิ์ทอง นายกเทศมนตรีตำบลโพนพิสัย การเต้นโคโยตี้ในงานดังกล่าว เป็นเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดมาก่อน เนื่องจากไม่เคยเกิดขึ้น จึงไม่ได้เตรียมการป้องกันล่วงหน้า ประกอบกับเทศบาลคำนึงถึงปัญหาด้านการจราจร การรักษาความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สินเป็นประเด็นหลัก ทำให้คาดไม่ถึงกรณีโคโยตี้

นายกเทศมนตรีโพนพิสัย กล่าวอีกว่า เมื่อวันที่ 4 ต.ค. นายสุรชัย ตั้งอยู่ศิริ อยู่บ้านเลขที่ 943/100 ถ.ศรีชมชื่น ต.หมากแข้ง อ.เมือง จ.อุดรธานี มาทำเรื่องขอเช่าที่ข้างวัดไทยจำนวน 3 ล็อก ราคา 1,500 บาท โดยแจ้งว่าจะจำหน่ายสินค้าเบ็ดเตล็ด และนำรถจักรยานยนต์ไฟฟ้ามาจัดแสดงในงาน แต่ไม่ได้แจ้งรายละเอียดของกิจกรรม ปรากฏว่า เมื่อร้านซันมอเตอร์มาจัดบูธ มีการเปิดเพลงและนำโคโยตี้มาเต้นจนเป็นข่าวใหญ่โต ทางเทศบาลก็ทำหนังสือชี้แจงส่งถึงนายอำเภอ และผู้ว่าฯ แล้ว และถือว่าทางร้านละเมิด เพราะไม่ขออนุญาตใช้เสียงกับเทศบาล แล้วก่อเรื่องเสื่อมเสียชื่อเสียงเช่นนี้

นายณรงค์ศักดิ์ กล่าวต่อว่า ภายในสัปดาห์นี้เทศบาลตำบลโพนพิสัยจะส่งหนังสือตำหนิและว่ากล่าวทางร้าน ถึงพฤติกรรมที่ทางร้านทำขึ้น ส่งผลให้เกิดความไม่พอใจ และเกิดความเสียหายต่อวงการศาสนาเป็นอย่างยิ่ง ต้องขออภัยประชาชนทั่วประเทศที่ทำให้ประเทศเสียภาพพจน์ ยืนยันจะไม่มีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นซ้ำสอง

วันเดียวกันผู้สื่อข่าวติดต่อพูดคุยกับทางร้านซันมอเตอร์ ตั้งอยู่ริมถนนมิตรภาพหนองคายอุดรธานี เขตเทศบาลเมืองหนองคาย พนักงานขายแจ้งว่า เจ้าของร้าน คือ นางสุภัตรา เข้าชี้แจงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับผู้ว่าฯ แล้ว ขณะนี้ไม่สามารถติดต่อได้

ส่วนความเห็นของผู้ประกอบการเอกชนที่เกี่ยวข้อง นางจุฑามาศ อินปริงกานันท์ ผู้จัดการแผนกส่งเสริมการจำหน่าย บริษัท เอพี ฮอนด้า จำกัด บริษัทผลิตและจำหน่ายรถยนต์และจักรยานยนต์ฮอนด้า ให้สัมภาษณ์ว่า การเปิดตัวสินค้าแต่ละครั้งไม่จำเป็นต้องมีโคโยตี้เรียกความสนใจเสมอไป มีอีกหลายรูปแบบ บริษัทจะพิจารณาดูจากรูปแบบการจัดงานและกลุ่มเป้าหมายให้ถูกกับกาลเทศะ หากเป็นสถานที่ที่มีประชาชนจำนวนมาก การใช้โคโยตี้เรียกความสนใจสินค้าก็ไม่น่าจะเหมาะ

นายพินิจ งามพริ้ง ผอ.ฝ่ายประชาสัมพันธ์ บริษัทมิตซูบิชิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายรถยนต์มิตซูบิชิ กล่าวว่า การเปิดตัวของสินค้ามิตซูบิชิไม่มีนโยบายในการใช้โคโยตี้เรียกลูกค้า ถ้าต้องใช้จะเป็นพริตตี้มากกว่า และจะใช้ในพื้นที่ในอาคาร เช่น งานมอเตอร์โชว์ หรือเอ็กซ์โป แต่หากการจัดงานต้องจัดกลางแจ้ง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ประชาชนทั่วไปมองเห็นได้ง่าย ผู้ประกอบการควรควบคุมพริตตี้หรือโคโยตี้ด้วย เช่น ให้สวมกางเกงและแต่งตัวรัดกุม

นางพัชรินวดี จันทรอุไร กก.ผจก.บริษัท ไอโฟร์ยู บริษัทให้บริการออร์แกไนเซอร์ ให้สัมภาษณ์ว่า บริษัทไม่มีนโยบายใช้โคโยตี้มาดึงดูดลูกค้าและไม่เห็นด้วยที่มีรูปของโคโยตี้แต่งกายและเต้นยั่วยวนใกล้กับวัดเผยแพร่ออกไป ตนคิดว่าผู้จัดงานควรจะคำนึงถึงเรื่องวัฒนธรรมของไทย ว่าไม่ควรจะจัดกิจกรรมในลักษณะนี้ และควรพิจารณาถึงรูปแบบการจัดงานและสถานที่ว่า มีความเหมาะสมมากน้อยแค่ไหน

นางสรวงสุดา มนัสบุญเพิ่มพูล ผจก.ทั่วไปฝ่ายสื่อสารการตลาด บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด บริษัทผลิตและจำหน่ายรถจักรยานยนต์ยามาฮ่าให้สัมภาษณ์ว่า การเปิดตัวสินค้าของบริษัทไม่เน้นการแสดงประเภทโคโยตี้ จะเน้นการแสดงมากกว่า เช่น แดนเซอร์หรือแฟชั่นโชว์ ซึ่งต้องควบคุมการแต่งกายให้เหมาะสมด้วย

น.ส.กรกร ลิ้วสงวนวงศ์ กก.ผจก.บริษัท ฟอร์ท ครีเอชั่น จำกัด บริษัทให้บริการออร์แกไนเซอร์ ให้สัมภาษณ์ว่า ถ้าบริษัทจะต้องรับจัดงานที่มีสาวโคโยตี้มาแสดง จะพิจารณาถึงสถานที่จัดงานว่ามีความเหมาะสมหรือไม่ หากให้ไปแสดงตรงข้ามวัดหรือในสถานที่ที่ไม่เหมาะสมก็จะไม่รับงานโดยเด็ดขาด ข่าวที่ออกมานั้นเป็นความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของผู้จัดงานมากกว่าที่ใช้สาวโคโยตี้ดึงคน โดยไม่คำนึงถึงผลที่จะตามมา และยังรู้สึกสงสารโคโยตี้ที่รับงานด้วย

นายเสริมคุณ คุณาวงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซี เอ็ม ออร์แกไนเซอร์ จำกัด และนายกสมาคมออร์แกไนเซอร์ เปิดเผยว่า ในฐานะที่เป็นนายกสมาคมฯ มีสมาชิกกว่า 50 บริษัท จะเชิญสมาชิกมาประชุมเพื่อหารือถึงแนวทางการให้ความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐในการจัดงาน โดยให้บริษัทมีมาตรฐานรับงานมากขึ้น

"สำหรับผมโคโยตี้เป็นการแสดงชนิดหนึ่ง ไม่ได้โป๊มาก แต่ควรคำนึงถึงสถานที่จัดงานด้วย หากจัดงานในอินดอร์ เช่น ผับโรงแรมหรือสถานบันเทิง จะเหมาะสมกว่าการจัดให้มีกลางแจ้ง สำหรับบริษัทของผมเองไม่รับจัดงานที่ต้องใช้โคโยตี้ดึงลูกค้าอยู่แล้ว" นายเสริมคุณ กล่าว

แหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ข่าวสด