ร่วมฉลองสิริราชสมบัติ ครบ 60 ปี - อลังการขบวนเรือพระราชพิธี

อลังการขบวนเรือพระราชพิธี

การจัดขบวนเรือพระราชพิธีฉลองสิริราชสมบัติ ครบ 60 ปี ถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ ที่ประชาชนชาวไทยเฝ้ารอคอย เนื่องจากเป็นพระราชพิธีโบราณหาชมยาก การแสดงจริงจะมีขึ้นวันที่ 12 มิ.ย.นี้ เส้นทางระหว่างท่าวาสุกรี-สะพานพุทธยอดฟ้าฯ โดยออกเคลื่อนขบวนจากท่าวาสุกรี เวลา 16.30 น. จากนั้นไปหยุดพักบริเวณหน้าราชนาวิกสภา ในเวลา 17.30 น. เพื่อให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมพระราชอาคันตุกะจาก 25 ประเทศ ได้ทอดพระเนตรความสวยงาม ก่อนจะเคลื่อนขบวนไปสิ้นสุดที่บริเวณสะพานพุทธยอดฟ้าฯ ในเวลา 19.30 น. โดยเลื่อนเวลาเร็วขึ้นกว่าเดิมและยกเลิกการแสดงแสงสีเสียงสื่อผสม เพราะกองทัพเรือต้องการอวดความงดงามและยิ่งใหญ่ของขบวนเรือก่อนอาทิตย์อัสดง

ก่อนถึงวันจริง จะมีการซ้อมใหญ่ในวันที่ 2, 6 และ 9 มิ.ย. แต่งกายเหมือนจริง และเคลื่อนขบวนตามเวลาจริง โดยประชาชนทั่วไปสามารถรอชมได้ที่บริเวณท่าเรือ, สถานที่สาธารณะ และร้านอาหาร ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ตั้งแต่ท่าวาสุกรี ถึงวัดอรุณฯ สำหรับแขกวีไอพี ทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยได้จัดสถานที่ชมการซ้อม ใหญ่ไว้ 2 จุดคือ บนเรือริเวอร์ไซด์ จอดหน้าหอประชุมกองทัพเรือ เห็นภาพขบวนเรือในมุมสูง บัตรราคา 3 พันบาท มีบริการอาหารว่างและเครื่องดื่ม ส่วนอีกจุดคือสนามหญ้าริมน้ำ ธนาคารแห่งประเทศไทย บัตรราคา 1 พันบาท เสิร์ฟอาหารว่างและเครื่องดื่มเช่นกัน

ขบวนเรือพระราชพิธีประกอบด้วยเรือพระราชพิธี 52 ลำ เป็นเรือพระที่นั่ง 4 ลำคือ เรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ สร้างขึ้นในสมัย ร.5 แล้วเสร็จสมัย ร.6 ลงรักปิดทองประดับกระจก พื้นเรือสีดำ น้ำหนัก 15.6 ตัน ใช้ฝีพาย 50 นาย นายท้าย 2 นาย และนายเรือ 2 นาย พายที่ใช้เป็นพายทอง พลพายจะพายในท่านกบิน, เรือพระที่นั่งอนันตนาคราช สร้างขึ้นในสมัย ร.3 และในสมัย ร.4 โปรดใช้เรือนี้เป็นเรือพระที่นั่งลำทรง หัวเรือเป็นรูปนาค 7 เศียร ขนาดยาว 42.95 เมตร กว้าง 2.95 เมตร ใช้ฝีพาย 54 นาย นายท้าย 2 นาย นายเรือ 2 นาย คนถือธงท้าย 1 นาย พลสัญญาณ 1 นาย และคนเห่ 1 นาย, เรือพระที่นั่งอเนกชาติภุชงค์ สร้างขึ้นในสมัยร.5 เป็นเรือพระที่นั่งศรีหัวเรือจำหลักปิดทอง เป็นรูปพญานาคเล็กๆ น้ำหนัก 7.7 ตัน มีฝีพาย 61 นาย นายเรือ 2 นาย และนายท้าย 2 นาย ใช้พายทองพายท่านกบิน ส่วนอีกหนึ่งลำคือ เรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณ รัชกาลที่ 9 เป็นเรือพระที่นั่งลำแรกที่สร้างขึ้นในรัชกาลปัจจุบัน เพื่อเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในวโรกาสปี กาญจนาภิเษก มีน้ำหนัก 20 ตัน ใช้ฝีพาย 50 นาย และนายท้าย 2 นาย.

มหรสพสมโภชทั่วกรุง

เพื่อเตรียมต้อนรับพระราชอาคันตุกะจาก 25 ประเทศ ที่จะเสด็จฯร่วมงานเฉลิมฉลองการครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี รวมถึงแขกเหรื่อทูตานุทูต และผู้นำต่างประเทศ ทางกรุงเทพมหานครได้เตรียมตกแต่ง ซุ้มเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไว้อย่างสวยงามอลังการ ตลอดเส้นทางการเสด็จฯ ไล่ตั้งแต่ถนนราชดำเนินใน, ราชดำเนิน กลาง และราชดำเนินนอก ไปจน ถึงบริเวณสนามเสือป่า และรอบพระตำหนักจิตรลดาฯ รวมทั้งสิ้น 31 ซุ้ม นอกจากนี้ ยังปรับปรุงภูมิทัศน์และตกแต่งเมืองในพื้นที่สำคัญๆทั่วกรุงเทพฯ พร้อมจัดทำป้ายถวายพระพรและต้อนรับพระประมุขต่างประเทศ

ระหว่างวันที่ 3-11 มิ.ย.นี้ ยังจะมีการจัดแสดง มหรสพสมโภชเฉลิมพระเกียรติ อย่างยิ่งใหญ่ เปิดให้ประชาชนทั่วไปชมได้ฟรี!! ประเดิมวันแรกด้วยการแสดงโขนรามเกียรติ์ เฉลิมพระเกียรติ ที่ลานคนเมือง หน้าศาลากรุงเทพมหานคร เวลา 6 โมงเย็นถึงทุ่มครึ่ง หลังจากนั้น วันที่ 5-9 มิ.ย.นี้ ที่มณฑลพิธีท้องสนามหลวง จะมีการจัดแสดงมหรสพสมโภชตลอดค่ำ ตั้งแต่ห้าโมงเย็นยันเที่ยงคืน ไม่น่าพลาดมีอาทิ มโหรี-ปี่พาทย์, การแสดงศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้าน, นาฏศิลป์ และนิทรรศการพระราชกรณียกิจฯ ส่วนวันที่ 8-9 มิ.ย.นี้ มีคอนเสิร์ตใหญ่สลับกับการแสดงศิลปวัฒนธรรมไทยจัดทั่วท้องสนามหลวง และสวน สาธารณะทั่วกรุงเทพฯ 16 แห่ง ปิดท้ายวันที่ 9-11 มิ.ย.นี้ เนรมิตลานพลับพลามหาเจษฎาบดินทร์ และโลหะปราสาทเป็นสถานที่จัดแสดงแสงสีเสียงชุด มหานครใต้ร่มพระบารมี อลังการงานสร้างด้วยเทคนิคเลเซอร์ พลุพะเนียง ม่านน้ำตก และจัดทำเวทีไฮดรอลิกสูงเกือบ 10 เมตร ใช้เทคนิคเสียงรอบทิศประกอบการแสดงยิ่งใหญ่ 360 องศา นำเสนอเรื่องราวความเจริญรุ่งเรืองของกรุงเทพฯ ภายใต้ร่มพระบารมี และ เชิญชวนชาวไทยทุกคนไปร่วมจุดเทียนถวายพระพร ที่บริเวณถนนราชดำเนินกลาง วันที่ 9 มิ.ย.นี้ เวลา 3 ทุ่มตรง.

ตระการตาพลุประวัติศาสตร์

การเฉลิมฉลองการครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปีคงจะสมบูรณ์แบบไม่ได้ หากขาดกิจกรรม การจุดพลุและดอกไม้ไฟครั้งประวัติศาสตร์ รวม 4 วัน เปิดให้ประชาชนชมฟรี!! ครั้งแรกวันที่ 9 มิ.ย.นี้ จุดพลุของประเทศจีนจำนวน 8 พันนัด ความสูง100-200 เมตร รวมเป็นชุดใหญ่ 5 ชุด ที่สระน้ำสวนเบญจกิตติ ศูนย์ประชุมสิริกิติ์ ตั้งแต่ 6 โมงเย็น ถึง 3 ทุ่ม มีการบรรเลงเพลงพระราชนิพนธ์ประกอบการจุดพลุ พร้อมฉายภาพพระบรมฉายาลักษณ์ และพระราชกรณียกิจต่างๆ ผ่านจอม่านน้ำ ส่วนวันที่ 10 มิ.ย.นี้ เป็นพลุจากประเทศญี่ปุ่น ไม่มีควัน และสีสันสวยงามพิเศษ ใช้ทั้งหมด 2 หมื่นกว่านัด รวมกว่า 200 ชนิด จะเริ่มจุดจากเรือท้องแบนของกรมขนส่งทางบก 4 ลำ ขนาบซ้ายขวา ยิงเลียบแม่น้ำเข้ามาแตกตัวบริเวณกลางลำน้ำเจ้าพระยา กินเวลาต่อเนื่อง 15 นาที มีความสูงจากพื้นน้ำถึงท้องฟ้าราว 150 เมตร ขณะที่ 11 มิ.ย.นี้ ทางบริษัทเมืองทอง ไซโก จะจุดพลุที่บริเวณสนามม้านางเลิ้ง เป็นพลุขนาด 8, 10 และ 12 นิ้ว สูง 100-350 เมตร จำนวน 1,010 นัด ใช้เวลาจุด 20 นาที เป็นตัวเลขไทยและอารบิก 60 ก่อนจะปิดท้ายการเฉลิมฉลองด้วยการจุดพลุริมทะเลสาบเมืองทองธานี โดยกองทัพไทย วันที่ 17 มิ.ย.2549.

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์