รันอะเวย์ ชายา หนีพ้นเจ้าชายกลันตัน


ตามสูตร "เทพนิยาย" ใสบริสุทธิ์.. 5

เมื่อ "เจ้าชาย" พบรักกับเจ้าหญิง หรือสตรีสามัญชนคนใดก็ตาม ทั้งสองคนจะต้องสมรสครองรักกันอย่างมีความสุขชั่วนิรันดร์ จบแบบแฮปปี้เอนดิ้ง

แต่ชีวิตจริงสาวน้อยวัย 17 "มาโนฮารา โอเดเลีย พีโนต์" ชายา "เต็งกู เตเมงกง มูฮัมหมัด ฟากฮรี" เจ้าชายแห่งรัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย หาเป็นเช่นนั้นไม่!

โดยหลังจากใช้ชีวิตคู่ ณ พระราชวังกลัน ตันร่วมกันเพียงไม่กี่เดือน มาโนฮาราอ้างว่าถูกเจ้าชายชันษา 31 ปี พระองค์นี้ทรมานทั้งร่างกาย-จิตใจ เช่น เอามีดกรีดตามร่างกาย จนตัดสินใจหาทางหลบหนีกลับบ้านเกิด ในกรุงจาการ์ตา เมืองหลวงอินโดนีเซีย ถึง 2 ครั้ง 2 ครา เป็นข่าวใหญ่ไปทั่วโลก

ขณะที่ฝ่ายผู้ใกล้ชิดเจ้าชายยืนยันว่า ข้อกล่าวหาข้างต้นไม่มีมูลความจริงแม้แต่น้อย

เพราะนางเดซี ฟาจารินา มารดานางมาโนฮารา เป็นผู้เขียนบท-จัดฉากขึ้นมาล้วนๆ!

"ทุกอย่างขึ้นอยู่กับมาโนฮาราว่าจะทำอย่าง ไรต่อไป เจ้าชายฟากฮรีพร้อมหย่าและทรงเปิดทางให้เธอตัดสินใจด้วยตัวเอง ถ้าเธอต้องการหย่าก็ไม่เป็นไร แต่จะเลือกอยู่ที่อิน โดนีเซียตลอดไป หรือกลับมารัฐกลันตันก็ได้

"นางเดซีเป็นพวกบ้าวัตถุ เข้ามาบงการชีวิตคู่ของลูกจนปั่นป่วน และมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม เช่น ชอบเรียกร้องบ้าน รถยนต์ ฯลฯ ขอให้มาโนฮาราออกมาพูดความจริง ลบล้างความเสียหายที่เกิดขึ้นกับราชวงศ์กลันตัน ถ้ายอมขอโทษ เจ้าชายจะทรงรับกลับมาอยู่เหมือนเดิม" มูฮัมหมัด ซาเบรี พระสหายเจ้าชายฟากฮรี ตอบโต้ทันควัน

ร้อนถึงรัฐบาลมา เลเซีย ซึ่งก่อนหน้านี้โดนนางเดซีโจมตีว่าจงใจหมกเม็ดปกปิดความจริง ต้องส่งนายนัซรี อาซิส รมว.สำนักนายกฯ ออกมาแถลงว่า

จากนี้ไปถ้านางมาโนฮารายื่นเรื่องฟ้องร้องเอาผิดกับเจ้าชาย ฐานทำร้ายร่างกายและข่มขืน ทางการพร้อมเปิดการสอบสวน เพราะไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย!

ทิ้งคำถามไว้เป็นปริศนาตัวโตๆ ให้ผู้เสพข่าวสารคาดเดา ว่า ในเมื่อ 2 ฝ่ายพูดไม่ตรงกัน.. ตกลงแล้วฝ่ายไหนคือคนตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จกันแน่!?

พลิกปูมประวัติ "ความรักข้ามชนชั้น" สะท้านโลกครั้งนี้ พบว่า ทั้งคู่พบกันครั้งแรกเมื่อเดือนธันวาคม 2549 ในงานเลี้ยงอาหารค่ำที่จัดโดยรองนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย

เมื่อเจ้าชายกลันตันทอดพระเนตรเห็นมาโนฮารา ก็ทรงหลงรักสาวตาคม-ผมยาว นางแบบชื่อดังอนาคตไกล วัย 15 ปีจากแดนอิเหนาทันที!

ต่อมา เดือนสิงหาคม 2551 มาโนฮาราก็ตกปากรับคำขอแต่งงานของพระองค์ ท่ามกลางเสียงคัดค้านเบาๆ ของนายไรเนอร์ พีโนต์ พ่อเลี้ยงชาวฝรั่งเศส เพราะมองว่าลูกยังเด็กเกินกว่าจะออกเรือนไปใช้ชีวิตครอบครัว (พ่อแท้ๆ มาโนฮารา ชื่อนายจอร์จ มาน ชาวอเมริกันและหย่าขาดกับนางเดซี)

ห้วงเวลา "ฮันนีมูน" ของชายามือใหม่ผ่านไปไม่กี่เดือน พอถึงช่วงสิ้นปีเดียวกัน สิ่งที่นายไรเนอร์วิตกก็เกิดขึ้นจริงๆ..

ภายหลังนางมาโนฮาราตัดสินใจหลบหนีออกจากวังกลันตัน กลับบ้านเกิดกรุงจาการ์ตาเป็นครั้งแรก แต่ยังไม่เป็นข่าวใหญ่โต!

กระทั่งก.พ.2552 เจ้าชายฟากฮรีพยายามง้องอน ซื้อรถยนต์ส่งไปเป็น "ของขวัญวันเกิด" ให้มาโนฮารา และเชิญครอบครัวชายาไปร่วมพิธีทางศาสนาอิสลาม ณ นครเมกกะ ซาอุดีอาระเบีย

พอจบพิธี วันที่ 9 มีนาคม กลับ "อุ้ม" ตัวชายาขึ้นเครื่องบินส่วนพระองค์กลับกลันตัน ทำให้นางเดซีกับ น.ส.เทวี ซารี อาซิห์ พี่สาวมาโนฮารา ตกใจสุดขีด และเริ่มต้นให้ข่าวกับสื่อมวลชน ว่า น้องสาวถูกเจ้าชายกลันตันทารุณสาหัส ตามด้วยการเปิดแถลงข่าวในเดือนเมษายน วิงวอนขอให้ นายนาจิบ ราซัก นายกฯ มาเลเซีย รวมทั้งสถานทูตอินโดฯ ประจำมาเลเซีย ช่วยเหลือด่วน แต่ไม่มีผลใดๆ เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องส่วนตัวและฝ่ายชายมีศักดิ์เป็นเจ้าชายกลันตัน

อาทิตย์ที่ 31 พ.ค. จู่ๆ สำนักข่าวต่างประเทศใหญ่ๆ แทบทุกสำนักก็รายงานข่าวไม่คาดฝัน เมื่อมาโนฮาราปรากฏตัวกลับถึงบ้านกรุงจาการ์ตา

หญิงสาวตั้งโต๊ะให้สัมภาษณ์เปิดโปงชีวิตรักรันทดที่ผ่านมาโดยละเอียด พร้อมเผยว่า ตำรวจสิงคโปร์และผู้หวังดีในวังกลันตันร่วมมือกันให้ความช่วยเหลือจนหลุดพ้นขุมนรกมาได้ โดยฉวยโอกาสหนีขณะเจ้าชายพา "สุลต่านอิสมาอิล" พระบิดา มารักษาตัวที่สิงคโปร์ ทำให้เจ้าชายไม่กล้าขัดขวาง

เหตุการณ์อื้อฉาวที่เกิดขึ้น ส่งผลให้นักการเมืองอินโดนีเซียเรียกร้องให้สถานทูตยกเครื่องกระบวนการดูแลพลเมืองอิเหนา

ส่วนองค์กรสิทธิสตรีเรียกร้องให้หน่วยงานรัฐบาลปฏิบัติหน้าที่ให้รวดเร็วขึ้นในการช่วยเหลือเหยื่อสตรีทุกๆ คน โดยเฉพาะชนชั้นแรงงานซึ่งเผชิญเคราะห์กรรมอยู่ต่างแดน

เพราะผู้หญิงที่โชคดีอย่างมาโนฮาราอาจมีแค่ 1 ใน 100 เท่านั้น!!

เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์