รวมประกาศ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 1-19

รวมประกาศฉบับ 1-19 พร้อมคำสั่ง 2 ฉบับ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)

ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติฉบับที่ 1 เรื่องการควบคุมอำนาจการปกครองประเทศ

ตามสถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในพื้นที่กรุงเทพมหานครเขตปริมณฑล และพื้นที่ต่างๆ ของประเทศหลายๆ พื้นที่เป็นผลให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์เสียชีวิต ได้รับบาดเจ็บ และเกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินอย่างต่อเนื่องและเหตุการณ์ดังกล่าวมีแนวโน้มขยายตัวจนอาจเกิดเหตุการณ์ร้ายแรงที่จะส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนโดยรวมนั้น เพื่อให้สถานการณ์ดังกล่าวกลับเข้าสู่สภาวะปกติโดยเร็วประชาชนในชาติเกิดความรัก ความสามัคคี เช่นเดียวกับห้วงที่ผ่านมาตลอดจนเพื่อเป็นการปฏิรูปโครงสร้างทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และอื่นๆเพื่อให้เกิดความชอบธรรมกับทั่วทุกฝ่าย คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ซึ่งประกอบด้วยกองทัพบก กองบัญชาการกองทัพไทย กองทัพเรือ กองทัพอากาศ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติจึงมีความจำเป็นต้องเข้าควบคุมอำนาจในการปกครองประเทศ ตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ.2557 เวลา 16.30 เป็นต้นไปทั้งนี้
 
ขอให้ประชาชนทุกคนอยู่ในความสงบดำเนินวิถีชีวิตและประกอบอาชีพต่อไปตามปกติ ให้ข้าราชการทุกกระทรวง ทบวง กรมปฏิบัติหน้าที่ตามระเบียบแบบแผนของทางราชการดังที่เคยปฏิบัติ

สำหรับข้าราชการทหารตำรวจ อาสาสมัคร และเจ้าหน้าที่ส่วนราชการต่างๆที่มีอาวุธเพื่อใช้ในราชการของหน่วย ห้ามเคลื่อนย้ายกำลังและอาวุธโดยเด็ดขาดเว้นแต่จะได้รับคำสั่งจากหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ แต่เพียงผู้เดียว สำหรับคณะทูตานุทูตสถานกงสุล องค์กรระหว่างประเทศรวมทั้งชาวต่างประเทศที่พำนักอาศัยอยู่ในราชอาณาจักรไทยคณะรักษาความสงบแห่งชาติจะได้ให้ความคุ้มครอง และขอยืนยันว่าความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ รวมทั้งความสัมพันธ์ระหว่างราชอาณาจักรไทยกับองค์กรระหว่างประเทศต่างๆ ยังเป็นไปตามปกติ ตามที่รัฐบาลชุดเดิมดำเนินการไว้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ จะยึดมั่นในความจงรักภักดีและจะปกป้องเทิดทูนดำรงรักษาไว้ ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์อันเป็นศูนย์รวมจิตใจประชาชนชาวไทย และทรงอยู่เหนือความขัดแย้งทั้งปวง

ประกาศฉบับที่ 2 เรื่องการประกาศใช้กฎอัยการศึกทั่วราชอาณาจักร ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติได้ยึดอำนาจการปกครอง ตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557เวลา 16.30 น. เพื่อให้การรักษาความสงบเรียบร้อยเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและนำความสงบสุขกลับคืนสู่ประชาชนทุกกลุ่ม ทุกฝ่ายโดยเร็วจึงอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติกฎอัยการศึกพุทธศักราช 2457 ประกาศใช้กฎอัยการศึก ทั่วราชอาณาจักรตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557 เวลา 16.30 น. เป็นต้นไป

ประกาศฉบับที่ 3 เรื่องห้ามออกนอกเคหะสถาน ห้ามมิให้บุคคลใดออกนอกเคหะสถาน ตามที่คณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติได้ยึดอำนาจการปกครองตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม 2557 เวลา 16.30 น. อาศัยตามความแห่งมาตรา 11 แห่งพระราชบัญญัติกฎอัยการศึก พ.ศ.2457 จึงกำหนดมาตรการดังนี้1. ห้ามมิให้บุคคลใดทั่วราชอาณาจักรออกนอกเคหะสถานภายในเวลา 22.00น.- 05.00 ตั้งแต่ 22 พ.ค.2557เป็นต้นไป เว้นแต่ได้รับอนุญาต จากพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อไม่ให้มีการปฏิบัติที่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนกับประชาชน เกินสมควรแก่เหตุ

2. ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติกฎอัยการศึกษา พ.ศ. 2457เข้าปฏิบัติหน้าที่ในเขตพื้นที่ และระยะเวลาที่กำหนดได้

ประกาศฉบับที่ 4 เรื่องการถ่ายทอดออกอากาศของสถานีวิทยุกระจายเสียงสถานีวิทยุโทรทัศน์ และสถานีวิทยุชุมชน เพื่อให้การเผยแพร่ข่าวสารไปสู่ประชาชนเป็นไปด้วยความถูกต้องสามารถติดต่อสื่อสารระหว่างส่วนกลางและส่วนภูมิภาคได้อย่างต่อเนื่องทันต่อสถานการณ์ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 10 และมาตรา 11แห่งพระราชบัญญัติกฎอัยการศึก พ.ศ.2457 จึงให้สถานีวิทยุกระจายเสียงสถานีวิทยุโทรทัศน์กระจายเสียง สถานีโทรทัศน์ดาวเทียมและเคเบิ้ล ดำเนินการ ดังนี้ 1.ให้สถานีวิทยุกระจายเสียงทุกสถานี ทั้งที่เป็นของราชการและเอกชนงดรายการประจำสถานี และให้ถ่ายทอดกระจายเสียงจากสถานีวิทยุกระจายเสียงของกองทัพบก 2.ให้สถานีวิทยุโทรทัศน์กระจายเสียงทุกสถานีทั้งที่เป็นของทางราชการและเอกชน งดรายการประจำของสถานีและให้ถ่ายทอดออกรายการจากสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก 3. ให้สถานีโทรทัศน์ดาวเทียมและเคเบิ้ลทุกสถานีงดรายการประจำของสถานี และให้ถ่ายทอดออกรายการจากสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก


รวมประกาศ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 1-19

ประกาศฉบับที่ 5 เรื่องการสิ้นสุดชั่วคราวของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติได้ประกาศยึดอำนาจการปกครองประเทศตามประกาศฉบับที่1/2557 ตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม 2557เวลา 16.30 น.แล้วนั้นเพื่อให้การบริหารราชการภายในราชอาณาจักรเป็นไปด้วยความเรียบร้อยจึงให้ดำเนินการดังนี้ 1.รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550สิ้นสุดลงชั่วคราว ยกเว้นหมวด 2 ในส่วนของพระมหากษัตริย์2.ให้คณะรัฐมนตรีรักษาการ สิ้นสุดการปฏิบัติหน้าที่ 3.วุฒิสภายังคงปฏิบัติหน้าที่ตามจำนวนสมาชิกวุฒิสภาที่มีอยู่ ณวันที่ประกาศฉบับนี้มีผลบังคับใช้ 4. ศาลทั้งหลายคงมีอำนาจดำเนินการพิจารณาและพิพากษาอรรถคดีตามบทกฎหมาย และประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ 5.องค์กรอิสระ และองค์กรอื่นตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 ยังคงปฏิบัติหน้าที่ต่อไป

ประกาศฉบับที่ 6 เรื่องแต่งตั้งผู้ดำรงตำแหน่งสำคัญ ในคณะรักษาความสงบแแห่งชาติเพื่อให้การบริหารประเทศและการแก้ไขปัญหาความไม่สงบเรียบร้อยภายในประเทศเป็นไปด้วยความเรียบร้อยจึงแต่งตั้งบุคคลดำรงตำแหน่ง ในคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ดังนี้ 1. พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบกเป็นหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ 2. พลเอกธนะศักดิ์ปฏิมาประกร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นรองหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ 3.พลเรือเอกณรงค์ พิพัฒนาศัย ผู้บัญชาการทหารเรือเป็นรองหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ 4. พลอากาศเอกประจินจั่นตอง ผู้บัญชาการทหารอากาศ เป็นรองหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ 5. พลตำรวจเอกอดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นรองหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ6. พลเอกอุดมเดช สีตบุตร รองผู้บัญชาการทหารบกเป็นเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ


ประกาศฉบับที่ 7 เรื่องห้ามชุมนุมการทางเมือง เพื่อให้สถานการณ์กลับเข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็วอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 8 และมาตรา 11 แห่งพระราชบัญญัติกฎอัยการศึก พุทธศักราช 2457 จึงห้ามมิให้มั่วสุมหรือชุมนุมทางการเมืองณ ที่ใดๆ ที่มีจำนวนตั้งแต่ 5 คนขึ้นไปหากผู้ใดฝ่าฝืนต้องระวังโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน2 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับสำหรับผู้ที่ชุมนุมทางการเมืองอยู่ในปัจจุบัน ให้เดินทางกลับภูมิลำเนาตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

ประกาศฉบับที่ 8 เรื่องข้อยกเว้นการห้ามออกเคหสถาน ตามที่ได้มีการประกาศห้ามบุคคลออกนอกเคหสถานตามประกาศฉบับ 3/2557 ลงวันที่ 22 พฤษภาคม2557 เพื่อบรรเทาผลกระทบต่อการประกอบอาชีพในห้วงเวลาที่ห้ามออกนอกเคหสถานจึงให้ยกเว้นบุคคลดังต่อไปนี้ 1.ผู้ที่จะเดินทางเข้าออกประเทศ2.เจ้าหน้าที่หรือพนักงานปฏิบัติที่ต้องปฏิบัติงาน หรือทำงานในสถานที่ประกอบที่ต้องปฏิบัติงานเป็นห้วงเวลา อาทิ โรงงานอุตสาหกรรม โรงพยาบาล ธุรกิจการบิน เป็นต้น 3.การเดินทางขนส่งสินค้า หรือของกิจการห้องเย็น การนำเข้าส่งออกสินค้าที่มีอายุจำกัด และอาจเกิดเสียหาย 4.ผู้มีกิจธุระจำเป็นเช่น ผู้ป่วยต้องเดินทางไปโรงพยาบาล 5.ผู้ที่มีกิจธุระจำเป็นอื่นๆ ขออนุญาตเจ้าหน้าที่ทหารในพื้นที่นั้น ๆ

ประกาศฉบับที่ 9 เรื่องให้สถานศึกษาหยุดทำการ เพื่อให้การรักษาความสงบเรียบร้อยเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพอันส่งผลให้สภาวะการณ์กลับปกติโดยเร็ว อาศัยตามความในมาตรา 6 และมาตรา 11 แห่งพ.ร.บ.กฎอัยการศึก พ.ศ.2457 จึงให้สถานศึกษาทุกแห่งทั้งของรัฐ และเอกชน หยุดทำการตั้งแต่วันที่ 23– 25 พฤษภาคม 2557

ประกาศฉบับที่ 10 ในระหว่างไม่มีนายกรัฐมนตรีให้อำนาจหน้าที่ของนายกรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรีเป็นอำนาจหน้าที่ของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ ผู้ที่ได้รับมอบหมาย

ประกาศฉบับที่ 11 เรื่องการสิ้นสุดของรัฐธรรมนูญให้ยกเลิกประกาศฉบับที่ 5/2557 โดยกำหนดให้รัฐธรรมนูญปี 2550สิ้นสุดลง ยกเว้นหมวด 2โดยคณะรัฐมนตรีรักษาการณ์สิ้นสุดลงส่วน ส.ว.ยังปฏิบัติหน้าที่ตามเดิมเช่นเดียวกับศาลและองค์กรอิสระยังปฏิบัติงานตามปกติ

ประกาศ ฉบับที่12 เรื่องขอความร่วมมือสังคมออนไลน์เพื่อให้การเผยแพร่ข่าวสารถูกต้องปราศจากการบิดเบือนข้อมูลที่อาจจะทำให้เข้าใจผิดส่งผลกระทบต่อการรักษาความสงบเรียบร้อยในประเทศขอให้ผู้ประกอบการให้บริการสื่อสังคมออนไลน์ระงับการเผยแพร่ข้อความหรือข้อมูลที่ปลุกระดมยั่วยุ รุนแรง และไม่เคารพกฎหมายต่อต้านการปฏิบัติงานของคสช.หากพบว่ามีผู้ดำเนินการจะทำการระงับทันทีและนำตัวมาดำเนินคดีต่อไป

ประกาศฉบับที่ 13 ว่า ด้วยเรื่องขอให้บุคคลสำคัญมารายงาน เพื่อให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ดังนี้ 1.หัวหน้าส่วนราชการและหน่วยงานรัฐวิสาหิกิจตั้งแต่ระดับปลัดกระทรวงหรือเทียบเท่าขึ้นไป ผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าหน่วยงานอิสระ สหภาพ สภภาอุตสาหกรรม สมาคมธนาคร หอการค้า รายงานตัว ณ สโมสรกองทัพบก ถ.วิภาวดีรังสิต 2.ผู้ว่าราชจังหวัดหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รายงานตัวค่ายสุรนารี 3.ผู้ว่าราชการจังหวัดภาคเหนือ รายงานตัวค่ายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช 4.ผู้ว่าราชการจังหวัดภาคใต้ รายงานตัวค่ายวชิราวุธ

ประกาศฉบับ 14 เรื่อง ห้ามสร้างความขัดแย้งต่อต้านการปฏิบัติงานของ คศช. เพื่อให้การเผยแพร่ข่าวสารไปสู่ประชาชนเป็นไปด้วยความถูกต้อง ปราศจากการบิดเบือน อันจะก่อให้เกิดความเข้าใจผิด จนส่งผลกระทบต่อการรักษาความสงบเรียบร้อยของเจ้าหน้าที่ จึงให้บุคคลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปฏิบัติ ดังนี้

1.ห้ามเจ้าของกิจการสื่อสิ่งพิมพ์และรายการวิทยุโทรทัศน์ทุกประเภท บรรณาธิการ พิธีกรและสื่อมวลชน เชิญบุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่มิได้ดำรงตำแหน่งราชการในปัจจุบันทั้งในส่วนของข้าราชการและนักวิชาการ รวมทั้งอดีตผู้ปฏิบัติงานในศาลและกระบวนการยุติธรรม ตลอดจนองค์กรอิสระให้สัมภาษณ์หรือแสดงความคิดเห็น ในลักษณะที่อาจก่อให้เกิดการขยายความขัดแย้ง บิดเบือน และสร้างความสับสนให้กับสังคม รวมทั้งอาจนำไปสู่การใช้ความรุนแรงโดยเด็ดขาด ทั้งนี้หากฝ่าฝืนจะถูกเรียกตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย ตลอดจนระงับการจำหน่ายจ่ายแจกสื่อสิ่งพิมพ์และการออกอากาศของรายการดังกล่าวโดยทันที

2.ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดและข้าราชการสังกัดกระทรวงมหาดไทย ตลอดจนผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด ระงับการชุมนุมหรือกิจกรรมที่ต่อต้านการปฏิบัติงานของคณะรักษาความสงบแห่งชาติในโอกาสแรก ทั้งนี้หากเกินขีดความสามารถให้รายงานให้ผู้บังคับหน่วยทหารในพื้นที่ใกล้เคียงทราบ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป

ประกาศฉบับ 15 เรื่องขอให้ระงับการถ่ายทอดออกอากาศของสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมเคเบิล โทรทัศน์ระบบดิจิตอล และสถานทีวิทยุชุมชน เพื่อให้การเผยแพร่ข่าวสารไปสู่ประชาชนเป็นไปด้วยความถูกต้อง ปราศจากการบิดเบือน อันจะก่อให้เกิดความเข้าใจผิด จนส่งผลกระทบต่อการรักษาความสงบเรียบร้อย จึงให้สถานีโทรทัศน์ดาวเทียม เคเบิล โทรทัศน์ระบบดิจิตอล และสถานีวิทยุชุมชน ระงับการถ่ายทอดออกการทันที ดังนี้ 1.เอ็มวี 5 2.ดีเอ็นเอ็น 3.ยูดีดี 4.เอเชียอัพเดท 5.พีแอนด์พี 6.โฟร์แชนแนล 7.บลูสกาย 8.เอฟเอ็มทีวี 9.ทีนิวส์ 10.เอเอสทีวี 11.ฮ็อตทีวี 12.ว๊อยซ์ทีวี 13.เร็สคิ้ว 14.ดาวเทียมเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) และสถานทีวิทยุชุมชนที่ไม่ได้รับอนุญาต

ประกาศฉบับที่ 16 ว่าด้วยเรื่องให้ปลัดกระทรวงปฏิบัติราชการแทนรัฐมนตรีเป็นการชั่วคราว ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ได้เข้าควบคุมอำนาจในการปกครองประเทศตามประกาศคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ ฉบับที่ 1/2557ตั้งแต่วันที่ 22พฤษภาคม 2557แล้วนั้น เพื่อให้การบริหารราชการของคณะรักษาความสงบเรียบร้อยเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและเกิดความต่อเนื่องในการปฏิบัติจึงกำหนดให้ปลัดกระทรวงปฏิบัติราชการแทนรัฐมนตรีในแต่ละกระทรวงในการชั่วคราวจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง


ประกาศฉบับที่ 17 ว่าด้วยเรื่องการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารผ่านทางช่องทางอินเตอร์เน็ต เพื่อให้การเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารผ่านทางช่องทางอินเตอร์เน็ตทุกประเภทไปสู่ประชาชนเป็นไปด้วยความถูกต้องปราศจากบิดเบือนก่อให้เกิดความเข้าใจผิดหรือก่อให้เกิดความขัดแย้ง ความไม่สงบภายในราชอาณาจักรจึงให้ผู้ดำเนินการอินเตอร์เน็ตดำเนินการต่อไปนี้

1.ติดตาม ตรวจสอบและระงับยับยั้งการเผยแพร่ข้อมูลข่าสารใดๆที่มีการบิดเบือน ยุยงปลุกปั่นอันก่อให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยภายในราชอาณาจักรหรือเป็นผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน

2.ให้มารายงานตัว ณ หอประชุมชั้น 2สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติถนนพหลโยธิน แขวงสามเสนในเขตพญาไท กรุงเทพมหานครในวันที่ 23พฤษภาคม 2557เวลา 10.30 น.

ประกาศฉบับที่ 18 ว่าด้วยเรื่องการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารสู่สาธารณะ เพื่อให้การเผยแพร่ข่าวสารไปสู่ประชาชนเป็นไปด้วยความถูกต้องปราศจากการบิดเบือนอันจะก่อให้เกิดความเข้าใจผิดจนส่งผลกระทบต่อการรักษาความสงบเรียบร้อยคณะรักษาความสงบแห่งชาติจึงให้ผู้ประกอบกิจการและผู้ให้บริการด้านสื่อมวลชนทุกประเภททั้งสถานีวิทยุกระจายเสียงทุกสถานีทั้งที่เป็นของราชการและเอกชนสถานีโทรทัศน์ ภาคพื้นดินสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมเคเบิลโทรทัศน์ระบบดิจิตอลและสถานีโทรทัศน์อินเตอร์เน็ตทุกสถานีหนังสือพิมพ์ วารสารหรือสื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆ รวมทั้งผู้บริโภคด้านสื่ออิเล็กทรอนิคส์ทุกประเภทอันรวมทั้งการสื่อสารทางสังคมสื่อออนไลน์งดเว้นการนำเสนอข่าวสารในลักษณะต่อไปนี้

1.ข้อความอันเป็นเท็จหรือส่อไปในทางหมิ่นประมาทหรือสร้างความเกลียดชังต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ องศ์รัชทายาทและพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองศ์

2.ข่าวสารที่จัดเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติรวมทั้งหมื่นประมาทบุคคลอื่น

3.การวิพากษ์วิจารณ์การปฏิบัติงานของคณะรักษาความสงบแห่งชาติเจ้าหน้าที่ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติและบุคคลที่เกี่ยวข้อง

4.ข้อมูลเสียง ภาพ วิดิทัศน์ความลับของการปฏิบัติงานของหน่วยราชการต่างๆ

5.ข้อมูลข่าวสารที่ส่อให้เกิดความสับสนยั่วยุ ปลุกปั่นให้เกิดความขัดแย้งหรือสร้างให้เกิดความแตกแยกในราชอาณาจักร

6.การชักชวน ซ่องสุมให้มีการรวมกลุ่มก่อการอันเกิดการต่อต้านเจ้าหน้าที่และบุคคลที่เกี่ยวข้องของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

7.การขู่จะประทุษร้ายหรือทำร้ายบุคคลอันนำไปสู่ความตื่นตระหนกความกลัวแก่ประชาชน

สื่อดังกล่าวขั้นต้นมีหน้าที่เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารตามที่ได้รับแจ้งจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

ประกาศฉบับที่ 19 ว่าด้วยเรื่องให้บุคคลสำคัญมารายงานตัวเพิ่มเติม เพื่อให้การรักษาความสงบและการแก้ไขปัญหาบ้านเมืองเป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อยจึงให้หัวหน้าส่วนราชการและหน่วยงานรัฐวิสาหกิจตั้งแต่ระดับอธิบดีหรือเทียบเท่าขึ้นไปเข้ามารายงานตัว ในวันที่ 23 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557เวลา 13.30 น. ณ สโมสรกองทัพบก ถนนวิภาวดีรังสิต แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร

คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติฉบับที่ 1/2557 เรื่องให้บุคคลมารายงานตัว ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติได้ประกาศเข้าควบคุมอำนาจในการปกครองประเทศ ตามประกาศฉบับที่ 1/2557
 
ตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค.2557 16.30 น. แล้วนั้น เพื่อให้มาตรการรักษาความสงบเป็นไปด้วยความเรียบร้อยจึงให้บุคคลที่มีรายชื่อดังต่อไปนี้ มารายงานตัว ณ กองบัญชาการ รักษาความสงบแห่งชาติ(กองบังคับการ กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์)ภายในวันที่ 22 พ.ค.2557 ดังนี้ 1.นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล 2.นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา 3.นายจาตุรนต์ ฉายแสง 4.นายวิเชษฐ์ เกษมทองศรี 5.นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล 6.นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ 7.นายบุคคล ลิ้มแหลมทอง 8.นางเบญจา หลุยเจริญ 9.นายสมศักดิ์ ภูรีศรีศักดิ์ 10.นางปวีณา หงส์สกุล 11.พล.อ.พฤณท์ สุวรรณทัต 12.นายพ้อง ชีวานันท์ 13.นายยรรยง พวงราช 14. นายวิสาระดี เตชะธีราวัฒน์ 15.นายสนธยา คุณปลื้ม 16.นายประดิษฐ สินธวณรงค์ 17.นายสรวงศ์ เทียนทอง 18.นายประเสริฐ บุญชัยสุข

คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติฉบับที่ 2/2557 เรื่องเรียกบุคคลมารายงานตัวกับ คสช.เพิ่มเติมเวลา 10.00 น. วันที่23 พ.ค.2557 ที่หอประชุมกองทัพบกเทเวศร์ ดังนี้

1.น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร 2.นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ 3.นายวราเทพ รัตนากร 4.นายนภดล ปัทมะ 5.นายโภคิน พลกุล 6.นายพิชัย นริพทะพันธุ์ 7.นายภูมิธรรม เวชยชัย 8.นายสาโรช หงส์ชูเวช 9.นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ 10.พลโทมนัส เปาริก 11.พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร 12.พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก 13.นพ.พรหมมินทร์ เลิศสุริย์เดช 14.นายพันศักดิ์ วิญญรัตน์ 15.นายสุรนันท์ เวชชาชีวะ 16.นายวรพงษ์ ตันติเวชยานนท์ 17.นายยงยุทธ ติยะไพรัช 18.ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง 19.พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา 20.นายเกรียงกมล เลาหไพโรจน์ 21.นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ 22.นายธงทอง จันทรางศุข 23.พล.ต.ต.ธวัช บุญเฟื่อง


เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์