รพ.ไล่ออกแล้ว!! หนุ่มเอกซเรย์ อนาจารผู้ป่วย สธ.จ่อฟันรพ. ปล่อยปละละเลย

รพ.ไล่ออกแล้ว!! หนุ่มเอกซเรย์ อนาจารผู้ป่วย สธ.จ่อฟันรพ. ปล่อยปละละเลย

ร.พ.ให้ออกแล้ว หนุ่มห้องเอกซเรย์ ทำอนาจารน.ศ.สาว สธ.ส่งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ โรงพยาบาลและการเตรียมผู้ป่วยเข้าเอกซเรย์ จ่อฟัน โรงพยาบาล เหตุปล่อยปละละเลย ไม่ควบคุมดูแลการให้บริการ และความปลอดภัยของ ผู้ป่วยในภาวะฉุกเฉิน พร้อมย้ำสถานพยาบาลทุกแห่ง ต้องรักษาคุณภาพมาตรฐานให้ครบ 5 ด้านตามกฎหมาย

จากกรณีเจ้าหน้าที่ประจำห้องเอกซเรย์ของโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในจังหวัดสมุทรปราการ ทำอนาจารผู้ป่วยหญิง ที่ประสบอุบัติเหตุจราจร ระหว่างรอเอกซเรย์ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าล่าสุดวันที่ 7 ก.พ. ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเอกชนที่เกิดเหตุ กล่าวยอมรับว่า มีเหตุการณ์เกิดขึ้นจริง ทาง โรงพยาบาลได้สอบสวนแล้ว และผู้ก่อเหตุยอมรับว่าลวนลามผู้ป่วยจริง โดยในวันเกิดเหตุมีเจ้าหน้าที่อยู่ในห้อง 2 คน แต่อีกคนหนึ่งนอนหลับอยู่ในห้อง โรงพยาบาลจึงมีมาตรการขั้นเด็ดขาด ให้เจ้าหน้าที่คนนั้น ลาออกไป ส่วนเรื่องคดีต้องปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย

"โรงพยาบาลเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งที่โรงพยาบาลก็มีมาตรการในการดูแล ผู้ป่วยเป็นอย่างดีมาโดยตลอด และต้องขอโทษไปยังผู้เสียหายและญาติพี่น้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หลังจากนี้คงต้องเพิ่มความเข้มในการดูแลผู้ป่วยที่เป็นสุภาพสตรี ที่จะอยู่ในห้องตามลำพังกับเจ้าหน้าที่ผู้ชายต่อไป" ผอ.โรงพยาบาลเอกชน กล่าว

ด้าน นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า กรม สบส.ได้ส่งพนักงานเจ้าหน้าที่จากสำนักสถานพยาบาลและการประกอบโรคศิลปะ และกองกฎหมาย ลงตรวจสอบข้อเท็จจริงที่โรงพยาบาลเอกชนดังกล่าว ร่วมกับเจ้าหน้าที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสมุทรปราการ โดยตรวจสอบใน 2 ประเด็น ที่เกี่ยวข้องกับพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) สถานพยาบาล พ.ศ.2541 ได้แก่ 1.ผู้ดำเนินการโรงพยาบาลได้จัด ผู้ประกอบวิชาชีพ เป็นผู้ให้บริการเอกซเรย์ ถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนดหรือไม่

และ 2.กระบวนการให้บริการ และความปลอดภัย ซึ่งในการเตรียมความพร้อมผู้ป่วยก่อนการทำเอกซเรย์ โรงพยาบาลจะต้องจัดระบบความปลอดภัยแก่ผู้ป่วย เนื่องจากห้องเอกซเรย์เป็นห้องมิดชิด ดังนั้นจะต้องมี เจ้าหน้าที่ทั้งชายและหญิงให้บริการเพื่อให้เกิดความเหมาะสม เช่น กรณีเป็นผู้ป่วยหญิงควรจะให้เจ้าหน้าที่หญิงเป็นผู้ดูแล ไม่ควรปล่อยให้อยู่เพียงลำพังกับเจ้าหน้าที่ชาย ซึ่งทั้งหมดนี้หากพบว่ามีการปล่อยปละละเลย จะเอาผิดกับผู้ดำเนินการโรงพยาบาลโดยทันที

ทพ.อาคม ประดิษฐสุวรรณ ผอ.สำนักสถานพยาบาลและการประกอบโรคศิลปะ กล่าวว่า ในด้านความผิดครั้งนี้จะแยกเป็น 2 ประเด็น คือ ประเด็นแรก ความผิดด้านอาญาเฉพาะตัวเจ้าหน้าที่ที่กระทำผิดซึ่งเป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และประเด็นที่ 2 เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.สถานพยาบาล พ.ศ.2541 ตามมาตรา 34 (1) ให้ผู้ดำเนินการควบคุม ดูแลมิให้ผู้ที่มิใช่ผู้ประกอบวิชาชีพทำการประกอบวิชาชีพ หากฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และมาตรา 34 (4) ผู้ดำเนินการต้องควบคุม ดูแลสถานพยาบาลให้สะอาด เรียบร้อย ปลอดภัย และมีลักษณะเหมาะสม หากฝ่าฝืนมีโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท

"ทั้งนี้ขอย้ำเตือนให้สถานพยาบาลทุกแห่งรักษาคุณภาพมาตรฐานให้ครบทั้ง 5 ด้าน ตามที่กฎหมายกำหนด คือ 1.ด้านสถานที่ ต้องสะอาด 2.ด้านผู้ให้บริการ ต้องมีใบประกอบวิชาชีพ 3.ด้านการบริการ ต้องเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด 4.ด้านยา-เวชภัณฑ์ ต้องขึ้นทะเบียนกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และ 5.ด้านความปลอดภัยของผู้ป่วยในภาวะฉุกเฉิน รวมทั้งจุดที่สุ่มเสี่ยงจะต้องมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลตลอดเวลา และจัด เจ้าหน้าที่ให้เหมาะสมกับการดูแลผู้ป่วย" ทพ.อาคมกล่าว


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์