มีลุ้น! จีนยกเลิกวีซ่าไทย เล็งทดลองระยะสั้นก่อน

มีลุ้น! จีนยกเลิกวีซ่าไทย เล็งทดลองระยะสั้นก่อน

ฝ่ายจีนชง เป็นไปได้จีนยกเลิกวีซ่าไทยทดลองระยะสั้นก่อนยันโครงการเส้นทางสายไหมเปิดกว้างทุกประเทศมาร่วมพัฒนาศก.ร่วมกัน

นายซุน เจี่ยเจิ้งประธานสมาพันธ์เครือข่ายองค์การภาคเอกชน และประธานมูลนิธิเพื่อสันติภาพและการพัฒนาของจีนให้สัมภาษณ์ภายหลังหารือกับนายโภคินพลกุล ประธานสมาคมเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทย-จีนถึงความเป็นไปได้ที่จะยกเลิกวีซ่าระหว่างจีนและประเทศในอาเซียนตามข้อเสนอของนายโภคินพลกุล จากการเสวนาว่าด้วยความร่วมมือจีน-อาเซียนระดับประชาชน ครั้งที่ 2 ที่เกาะบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคมที่ผ่านมา ว่า

รัฐบาลจีนเองก็ต้องการที่จะทำเช่นกันเพียงแต่ไม่สามารถทำได้ฝ่ายเดียว ต้องพูดคุยกับแต่ละประเทศด้วย และทั้งนี้ที่จีนเองก็มีการยกเลิกวีซ่าของนักท่องเที่ยวแล้วในบางส่วน เช่นเมืองไห่หนาน ได้ยกเลิกวีซ่าในบางพื้นที่แล้ว แต่เมื่อยกเลิกแล้วจำนวนนักท่องเที่ยวก็จะเพิ่มจำนวนมากขึ้น ก็ต้องคิดถึงการบริหารจัดการพื้นที่และวางระบบอย่างไร แต่โดยส่วนตัวนั้นคิดว่าการยกเลิกวีซ่าระหว่างไทยกับจีนนั้นมีความเป็นไปได้ เท่าที่ทราบขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังหารือกันอยู่ ซึ่งอาจจะทำการเปิดยกเลิกวีซ่าระยะสั้นก่อน แล้วค่อยๆ ขยายระยะเวลาออกเป็นระยะยาว

ซึ่งตามสถิติจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางมายังไทยที่ผ่านมานั้นอยู่ที่ 10.6 ล้านคนและในปีนี้มีการคาดการณ์ว่าจะมีถึงเกือบ 6 ล้านคน ซึ่งคนที่เข้ามานั้นก็จะมีวัฒนธรรมชีวิตความเป็นอยู่แตกต่างกันไปเราจึงต้องคิดว่าคนที่ไปประเทศนั้น ประเทศนั้นจะรักษาความปลดภัยให้เขาอย่างไร

โดยส่วนตัวคิดว่าควรทำควบคู่กันไปเช่น การยกเลิกวีซ่า และการแก้ไขบริหารการบริการการท่องเที่ยวคู่ขนานกันไปซึ่งจำนวนนักท่องเที่ยวของไทยที่ไปยังจีนก็มีไม่น้อยและที่จีนมายังไทยก็อยู่ในอันดับต้นๆจึงคิดว่าตรงนี้เป็นการเสริมสร้างการท่องเที่ยวและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศอีกด้วยและเรามีความยินดีที่จะให้ประชาชนไทยไปเที่ยวที่จีน

เมื่อถามว่าการยกเลิกวีซ่าระยะสั้นนั้นจะเริ่มที่กี่วัน นายซุนกล่าวว่าส่วนนี้ตนไม่ใช่นักวิชาการ แต่ส่วนตัวก็คิดว่าจะเปิดระยะยาวหรือสั้นก็ตามแต่ก็อยากอำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยวเท่านั้น และทั้ง 2 ประเทศควรรับฟังความคิดเห็นของประชาชนทั้ง 2 ฝ่ายในการยกเลิกวีซ่า

เมื่อถามว่าจะให้นักวิชาการศึกษาเส้นทางสายไหมเพื่อเสนอรัฐบาลทั้ง 2 ฝ่าย นายซุนกล่าวว่าการศึกษาเส้นทางสายไหมทางทะเลนั้นแต่ละฝ่ายอยากจะศึกษาอยู่แล้วส่วนของจีนนั้นจะกลับไปพิจารณาว่าจะเริ่มเมื่อไหร่ดี

เมื่อถามว่าแนวคิดเส้นทางสายไหมทางบกและทางทะเล(วันเบลต์ วันโร้ด)นั้น จะมีความสำคัญแก่ไทยและจีนอย่างไรในอนาคต


นายซุนกล่าวว่าตามประวัติศาสตร์นั้น เส้นทางสายไหมทางทะเลนั้นเป็นการค้าขายแบบโบราณ แต่แนวคิดนี้เป็นโครงการที่สอดคล้องกับโลกสมัยใหม่ เป็นการพัฒนาเศรษฐกิจการค้ากับทุกประเทศ โดยเฉพาะความเป็นอยู่ของประชาชน ตามเส้นทางที่เส้นทางนี้พาดผ่าน ซึ่งในการเมืองประเทศที่เส้นทางสายไหมนี้พาดผ่าน ก็มีอิสรภาพและความเท่าเทียมกัน ซึ่งแต่ละประเทศมีสิทธิที่จะเข้าร่วมหรือไม่ หรือจะเข้าร่วมในระดับมากน้อยเท่าใดตามแต่จะเลือกและหวังว่าโครงการนี้จะได้รับความร่วมมือจากทุกประเทศ

เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์