พสกนิกรสุดปลื้มปีติ ในหลวง ร.10 ทรงโบกพระหัตถ์ เสด็จบำเพ็ญกุศล “บรมอัฐิ”

พสกนิกรจับจองพื้นที่เฝ้ารอชมริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศอัญเชิญพระบรมราชสรีรางคาร เพื่อบรรจุ ยังวัดราชบพิธฯ และวัดบวร ฯ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯทรงบำเพ็ญพระราชกุศลพระบรมอัฐิ และพระบรมราชสรีรางคาร ในพระบรมมหา ราชวัง ปลื้มปีติทรงโบกพระหัตถ์ทักทายประชาชน รัฐบาลแจงออกทุกข์ หลังเที่ยงคืนวันที่ 29 ต.ค. เลิกลดธงครึ่งเสา ย้ำไม่ได้ห้ามชุดดำ แต่ให้แต่งกายให้เหมาะสม

พสกนิกรสุดปลื้มปีติ ในหลวง ร.10 ทรงโบกพระหัตถ์ เสด็จบำเพ็ญกุศล “บรมอัฐิ”

ทรงบำเพ็ญกุศลพระบรมอัฐิ

วันที่ 28 ต.ค. เจ้าพนักงานเตรียมการ พระราชกุศลพระบรมอัฐิพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท อัญเชิญพระโกศพระบรมอัฐิและพระอัฐิสมเด็จพระบรมราชบุพการีออกประดิษฐานบนพระแท่นมหาเศวตฉัตร แวดล้อมด้วยต้นไม้ทองเงิน เครื่องบรมราชอิสริยยศราชูปโภค เครื่องราชสักการะเชิญพระพุทธรูปประจำพระชนมวารของพระบรมอัฐิและพระอัฐิสมเด็จพระบรมราชบุพการี พระพุทธรูปประจำพระชนมวารของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ประดิษฐานที่พระแท่นมณฑลมุก ทอดเครื่องนมัสการไว้พร้อม

เวลา 17.32 น. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา และพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ โดยรถยนต์พระที่นั่งจากพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ไปยังพระบรมมหาราชวัง ทางประตูวิเศษไชยศรี ประตูพิมานไชยศรี ผ่านหน้าพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท เสด็จเข้าพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ทรงจุดธูปเทียนเครื่องสักการะพระบรมอัฐิและพระอัฐิสมเด็จพระบรมราชบุพการี ณ พระแท่นมหาเศวตฉัตรแล้ว ทรงจุดธูปเทียนเครื่องราชสักการะพระบรมอัฐิพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ซึ่งประดิษฐานในบุษบกแว่นฟ้าเหนือพระแท่นสุวรรณเบญจดล

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระพุทธรูปประจำพระชนมวารของพระบรมอัฐิและพระอัฐิสมเด็จพระบรมราชบุพการีที่พระแท่นมณฑลมุก ทรงประเคนพัดรองที่ระลึกงานทรงบำเพ็ญพระราชกุศลพระบรมอัฐิแด่พระราชาคณะที่จะถวายพระธรรมเทศนา พระราชาคณะ 31 รูป สวดพระพุทธมนต์ พระสงฆ์รับอนุโมทนา 4 รูป และพระสงฆ์สดับปกรณ์ 12 รูปแล้ว พระสงฆ์ 30 รูป สวดพระพุทธมนต์ จบ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงทอดผ้าไตร พระสงฆ์ที่สวดพระพุทธมนต์สดับปกรณ์พระบรมอัฐิพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก ถวายพระพรลา


ทรงโบกพระหัตถ์ทักทาย

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทรงธรรม ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยสำหรับพระบรมอัฐิและพระอัฐิสมเด็จพระบรมราชบุพการี และสำหรับพระบรมอัฐิพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ทรงธรรม พระราชาคณะถวายศีลและถวายพระธรรมเทศนากัณฑ์ 1 จบแล้ว ถวายอนุโมทนาพระสงฆ์ 4 รูป รับอนุโมทนา สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงประเคนจตุปัจจัยไทยธรรมบูชากัณฑ์เทศน์และทรงทอดผ้าไตร พระสงฆ์ที่ถวายพระธรรมเทศนาและรับอนุโมทนารวม 5 รูป สดับปกรณ์ ถวายอดิเรก ถวายพระพรลา เจ้าพนักงานนิมนต์พระสงฆ์ 12 รูป สวดมาติกา จบ ทรงทอดผ้าไตร พระสงฆ์สดับปกรณ์พระบรมอัฐิและพระอัฐิสมเด็จพระบรมราชบุพการีที่อัญเชิญออกประดิษฐานในการพระราชกุศลนี้ แล้วถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก ถวายพระพรลา

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินกลับ ทหารกองเกียรติยศถวายความเคารพ วงดุริยางค์บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะสมเด็จพระเจ้า อยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่ง พร้อมด้วยพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา และพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ ผ่านบริเวณหน้าพระบรมมหาราชวัง สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงโบกพระหัตถ์ทักทายพสกนิกรที่มาเฝ้าฯ รับเสด็จด้วย สร้างความปลื้มปีติอย่างหาที่สุดมิได้

พสกนิกรเฝ้าฯ รับเสด็จ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีประชาชนจำนวนมากแต่งกายด้วยชุดสีดำไว้ทุกข์ รวมถึงจิตอาสาเราทำความดี ด้วยหัวใจ และจิตอาสาเฉพาะกิจ งานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ มารอเฝ้าฯ รับเสด็จสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์ที่เสด็จฯ มาทรงบำเพ็ญพระราชกุศลพระบรมอัฐิพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง โดยประชาชนได้นั่งอยู่บนทางเท้าตลอดแนวถนนหน้าพระลาน ข้างกำแพงพระบรมมหาราชวัง และฝั่งตรงข้ามประตูวิเศษไชยศรี รวมถึงบนทางเท้าตลอดถนนราชดำเนินใน

จ่าสิบเอกถวัลย์ คูณพูน อายุ 69 ปี ชาว จ.สุพรรณบุรี ข้าราชการบำนาญ สังกัดกรมการทหารสื่อสาร กล่าวว่า เมื่อทราบว่าวันนี้จะมีพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลพระบรมอัฐิพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในพระบรมมหาราชวัง จึงเดินทางด้วยรถโดยสารออกจากบ้านย่านดอนเมืองมาถึงโรงแรมรัตนโกสินทร์ ประมาณ 12.00 น. เพื่อมารอรับเสด็จสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์บริเวณหน้าพระบรมมหาราชวัง ซึ่งตนตั้งใจไว้แล้วว่าจะมาร่วมงานพระราชพิธีทุกวัน โดยเมื่อวันที่ 24 ต.ค. ตนได้เดินทางมาดูบรรยากาศก็เห็นคนเยอะมาก ปลื้มใจที่มีคนรักพระองค์มากมายขนาดนี้ ก็คิดว่าไม่น่าจะเข้าไปชมพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพภายในท้องสนามหลวงได้ จึงเดินทางกลับและมาอีกครั้งในเวลา 07.00 วันที่ 26 ต.ค. โดยมาอยู่บริเวณจุดคัดกรองโรงแรมรัตนโกสินทร์ ซึ่งขณะนั้นมีการปิดจุดคัดกรองแล้ว

จ่าสิบเอกถวัลย์กล่าวต่อว่า แม้ว่าจะไม่ได้เห็นพระราชพิธี แต่คิดในใจว่าขอแค่ให้ได้มาอยู่ใกล้ชิดพระองค์ให้มากที่สุดก็พอ โดยวันที่ 26 ต.ค. ตนอยู่จนถึงพระราชพิธีถวายพระเพลิงเสร็จสิ้น ขณะที่เห็นควันลอยออกมาจากพระเมรุมาศ รู้สึกใจหายและอาลัยพระองค์มาก ไม่อยากให้ถึงวันนี้ อยากจะให้พระองค์อยู่กับพวกเราไปนานๆ แต่ก็เป็นไปไม่ได้ ตนอธิษฐานทุกวันว่าขอให้พระองค์เสด็จสู่สวรรคาลัย ในวันที่ 29 ต.ค. ตนก็จะมาร่วมงานพระราชพิธีอัญเชิญพระบรมราชสรีรางคาร และในวันที่ 2 พ.ย. ตนก็จะมาชมพระเมรุมาศ และตั้งใจว่าถ้ามีโอกาสก็จะมาให้ได้ทุกวันจนกว่าจะปิดให้เข้าชม


ถวายอาลัยในหลวงร.9

"1 ปีที่ผ่านมา คิดถึงพระองค์มาตลอด และรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ พระองค์ทรงทำคุณประโยชน์ให้กับประเทศชาติมากมายมหาศาล หากไม่มีในหลวง รัชกาลที่ 9 คงไม่รู้ว่าประเทศจะเป็นอย่างไร พระองค์ทรงเปรียบเสมือนเทวดาเสด็จลงมาปราบทุกข์เข็ญให้ประชาชน ทรงเสียสละและทรงเหน็ดเหนื่อยมามาก ถ้าคนไทยทุกคนเดินรอยตามพระยุคลบาท เชื่อว่าประเทศชาติจะเจริญก้าวหน้าและอยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุข ส่วนตัวเป็นข้าราชการก็ได้ปฏิญาณตนเป็นข้ารองบาทและทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ตั้งใจทำหน้าที่ของตนให้สำเร็จลุล่วง และได้น้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในการดำเนินชีวิต โดยใช้จ่ายอย่างประหยัด" จ่าสิบเอกถวัลย์กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า นอกจากนี้ยังมีประชาชนเดินทางมาชมพระเมรุมาศอยู่บริเวณโดยรอบท้องสนามหลวงด้วยความอาลัย บางส่วนเดินมาชมพระบรมฉายาลักษณ์ของในหลวงรัชกาลที่ 9 ในโอกาสต่างๆ ตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ และพระบรมฉายาลักษณ์ ของพระมหากษัตริย์ในราชวงศ์จักรีที่ติดอยู่ตลอดแนวรั้วของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ฝั่งถนนพระธาตุ ซึ่งประชาชนต่างนำโทรศัพท์มือถือและกล้องถ่ายรูปขึ้นมาบันทึกภาพไว้เป็นที่ระลึก

รมว.ตปท.สหรัฐถวายอาลัย

เว็บไซต์สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทย เผยแพร่สารของนายเร็กซ์ ทีเลอร์สัน รมว.ต่างประเทศสหรัฐ เผยแพร่เนื่องในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร มีใจความว่า "ช่วงสัปดาห์นี้ ผมมีความรู้สึกร่วมกับ ชาวไทย หลังจากที่ร่วมรับชมงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร กษัตริย์ผู้ซึ่งมีมนุษยธรรม ทรงมี สายพระเนตรที่ยาวไกล และเป็นมิตรกับประเทศสหรัฐอเมริกา

ในปีหน้า สหรัฐจะจัดงานครบรอบ 200 ปีความสัมพันธ์ระหว่างไทยและสหรัฐ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ทรงมีส่วนสำคัญในการสนับสนุนและสร้างความยั่งยืนแก่ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศในตลอดเวลาที่พระองค์ทรงครองราชย์ รวมไปถึง พันธกิจความมุ่งมั่นของพระองค์ต่อการเป็นพันธมิตรร่วมก็มีส่วนสำคัญในการสร้างความมั่นคงและสร้างโอกาสให้กับประเทศไทยในด้านการพัฒนาเศรษฐกิจให้เจริญก้าวหน้า

จากการที่ผมได้มาเยือนกรุงเทพฯ เมื่อเร็วๆ นี้ และได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับชาวอเมริกันในการนำสารแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อกรณีสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร นอกจากนี้ทางสหรัฐจะจดจำกษัตริย์องค์สำคัญดั่งเป็นผู้นำในการสร้างประวัติศาสตร์ เสริมความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศให้แน่นเเฟ้นและเป็นน้ำหนึ่งอันเดียวกัน

สิ่งที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ทรงได้สร้างเอาไว้ในระยะเวลาที่พระองค์ทรงครองราชย์ ผมมั่นใจว่าการเป็นพันธมิตรร่วมกันจะช่วยเสริมสร้างผลประโยชน์ระหว่างชาวไทยและชาวอเมริกันให้ดำเนินลุล่วงสู่ศตวรรษใหม่ ต่อไป"


แจงแนวทางออกทุกข์

นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะคณะอนุกรรมการฝ่ายประชาสัมพันธ์งานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร เปิดเผยว่า หลังจากที่คณะรัฐมนตรี มีมติอนุมัติการขยายเวลาการไว้ทุกข์ของข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจและ เจ้าหน้าที่ของรัฐ จากวันที่ 13-29 ต.ค.2560 รวมเวลา 17 วัน เพิ่มเติมจากที่มีประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ให้ข้าราชการไว้ทุกข์ 1 ปี และประชาชนไว้ทุกข์ตามความเหมาะสม และให้สถานที่ราชการ รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานของรัฐ สถานศึกษา และสถานที่ทำการของรัฐ ทั้งในและต่างประเทศลดธงครึ่งเสานั้น เมื่อเสร็จสิ้นพระราชพิธีบรรจุพระบรมราชสรีรางคารในวันที่ 29 ต.ค.แล้ว ให้หน่วยงานต่างๆ สถานที่ราชการต่างๆ ทยอยเก็บผ้าระบาย ขาวดำ ป้ายข้อความถวายความอาลัยตามที่สาธารณะและสถานที่ราชการ ได้ตั้งแต่เที่ยงคืนวันที่ 29 ต.ค.เป็นต้นไป

ส่วนข้าราชการและเจ้าหน้าที่รัฐวิสาหกิจ ประชาชนให้ออกทุกข์ตั้งแต่วันที่ 30 ต.ค.ซึ่งการปฏิบัติตัวในการออกทุกข์ของประชาชน ข้าราชการ รวมถึงหน่วยงานรัฐวิสาหกิจต่างๆไม่มีขั้นตอนหรือกติกาอะไรเป็นพิเศษ เมื่อออกทุกข์แล้วสามารถแต่งกายได้ตามปกติ โดยดูความเหมาะสม อาจใช้สีสุภาพหรือ สีเอิร์ธโทน ไม่ใส่สีฉูดฉาดในทันที เช่นเดียวกับการลดธงครึ่งเสาให้กลับสู่ภาวะปกติ อย่างไรก็ตามสำหรับประชาชนและหน่วยงานสถานที่ราชการ ยังคงประดับพระบรมฉายาลักษณ์ในหลวงรัชกาลที่ 9 ได้ตามปกติไม่มีปัญหาอะไร โดยให้พิจารณาดูความเหมาะสม ดังนั้น ในวันที่ 30 ต.ค.นี้ ทุกอย่างจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ

กอร.ย้ำไม่ได้ห้ามแต่งดำ

ขณะที่เจ้าหน้าที่กอร.ราชพิธีฯ ระบุว่า การออกทุกข์ไม่ได้มีคำสั่งห้ามแต่งดำอย่างที่มีการแชร์กันในโซเชี่ยล เพียงแต่การออกทุกข์ต้องดูความเหมาะสมในการแต่งกาย คือ ใส่เสื้อขาว หรือขาวนวล ไปก่อน ไม่ใช่ใส่สีสันฉูดฉาด หรือหากจะใส่ชุดดำก็ไม่มีใครว่า ขึ้นอยู่กับความสะดวก

พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลไม่ได้บังคับว่าประชาชนจะต้องใส่เสื้อผ้าสีส้ม สีโน้นสีนี้ หรือสีอะไร โดยสีของเสื้อผ้าเครื่องกายเสื้อที่จะสวมใส่ในวันออกทุกข์ ขอให้ประชาชนใช้วิจารณญาณของแต่ละคนที่ จะปฏิบัติตัว ส่วนกรณีมีกระแสข่าวว่า ผวจ.ประจวบคีรีขันธ์ รณรงค์ให้ประชาชนในพื้นที่ทุกอำเภอ สวมใส่เสื้อสีเหลืองในวันที่ 30 ต.ค.นั้น ตนไม่ทราบเรื่องดังกล่าวและไม่ได้ยินเรื่องนี้ และยังไม่มีคำสั่งการใดๆเกี่ยวกับเรื่องการแต่งกายหรือการปฏิบัติตัวของประชาชนไปถึงผวจ.แต่ละจังหวัด

พล.ท.สรรเสริญกล่าวเพิ่มเติมว่า คำว่าออกทุกข์ก็คือออกทุกข์ ไม่ต้องพูดอะไรมาก ก็เข้าใจได้ว่าต้องปฏิบัติอย่างไร ส่วนที่มีการส่งต่อทางโซเชี่ยล เคยบอกแล้วว่าอย่าไปเชื่ออะไรในโซเชี่ยลให้มาก

ปิด 27 ถนน-รับริ้วขบวน

พล.ต.ต.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร รองผบช.น. ดูแลงานจราจร เปิดเผยถึงการอำนวยความสะดวกด้านการจราจรในงานพระราชพิธีอัญเชิญพระบรมราชสรีรางคารพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชว่า เบื้องต้นตั้งแต่เวลาช่วงบ่าย เวลา 15.00 น. ของวันที่ 29 ต.ค. เป็นต้นไป จะปิดการจราจรระดับ 2 ทั้งหมด 27 เส้นทาง ได้แก่ 1.ถนนราชดำเนินใน 2. ถนนหน้าพระลาน 3.ถนนมหาราช 4. ถนนท้ายวัง 5.ถนนเศรษฐการ 6.ถนนหลักเมือง 7.ซอยสราญรมย์ 8.ถนนพระพิพิธ 9.ถนนเจริญกรุง ถึงแยกสะพานมอญ 10.ถนนอัษฎางค์ 11.ถนนสนามไชย 12.ถนนหน้าพระธาตุ 13.ถนนพระจันทร์ 14.ถนนเชตุพน 15.ถนนหับเผย 16.ถนนกัลยาณไมตรี 17.ถนนราชินี 18.ถนนเจ้าฟ้า 19.ถนนราชดำเนินนอก ถึงแยก จปร. 20.ถนนราชดำเนินกลาง 21.ถนนบรมราชชนนี ถึงแยกอรุณอมรินทร์ 22.ถนนลูกหลวง 23.ถนนหลานหลวง ถึงแยกหลานหลวง 24.ถนนพระสุเมรุ แยกป้อมมหากาฬ ถึงแยกวันชาติ 25.ถนนสนามไชย ถึงแยกสำราญ ราษฎร์ 26.ถนนดินสอ แยกหน้า กทม. ถึงแยกวันชาติ 27.ถนนตะนาว แยกหน้าศาล เจ้าพ่อเสือ ถึง แยกสิบสามห้าง ทั้งนี้ จะปิดถนนไปจนเสร็จสิ้นพิธีการดังกล่าวจึงจะเปิดการจราจรได้ตามปกติ

สำหรับเส้นทางริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศที่ 6 ช่วงที่ 1 จะเริ่มตั้งแต่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ถึงวัดราชบพิธฯ ตั้งแต่ เส้นทางวัดพระศรีรัตนศาสดาราม-ประตูวิเศษไชยศรี-ถนนหน้าพระลาน-ถนนสนามไชย-ถนนกัลยาณไมตรี-ถนนอัษฎางค์ ระยะทาง 960 เมตร ส่วนริ้วขบวนที่ 6 ช่วงที่ 2 จะเริ่มตั้งแต่วัดราชบพิธฯ ถึงวัดบวรนิเวศฯ เส้น ทางจากวัดราชบพิธฯ-ถนนอัษฎางค์-ถนนกัลยา ณไมตรี-ถนนสนามไชย-ถนนราชดำเนินใน-ถนนราชดำเนินกลาง-ถนนพระสุเมรุ-วัดบวรนิเวศฯ ระยะทาง 3,200 เมตร

ขณะที่ประชาชนแห่จับจองที่เพื่อเฝ้ารอชมริ้วขบวนตั้งแต่คืนวันที่ 28 ต.ค.

วัดราชบพิธเตรียมสถานที่

ที่วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราช วรวิหาร พระพรหมมุนี (สุชิน อคฺคชิโน) ผู้ช่วย เจ้าอาวาสวัดราชบพิธฯ เปิดเผยความคืบหน้าการเตรียมความพร้อมพระราชพิธีอัญเชิญพระบรมราชสรีรางคารของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช จากพระศรีรัตนเจดีย์ ในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม พระบรมมหาราชวัง มายังวัดราชบพิธฯ เพื่ออัญเชิญพระผอบพระบรมราชสรีรางคารไปยังพุทธบัลลังก์พระพุทธอังคีรสบรรจุลงในถ้ำศิลา ภายในสุสานหลวงวัดราชบพิธฯ

โดยกองพระราชพิธี สำนักพระราชวัง เข้ามาจัดเตรียมสถานที่สำหรับประกอบพระราชพิธีภายในพระอุโบสถเรียบร้อยแล้ว ขณะเดียวกับทางรัฐบาลยังได้นำดอกไม้ เช่น ดอกดาวเรือง ซึ่งเป็นดอกไม้ประจำพระองค์ ในหลวงรัชกาลที่ 9 มาประดับตกแต่งบริเวณหน้าวัด และด้านหน้าพระอุโบสถ และจัดเตรียมสถานที่ เก้าอี้ และเต็นท์พักคอยสำหรับผู้เข้าร่วมพระราชพิธี ประมาณ 500 คน รวมถึง ยังจัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลรักษาความปลอดภัยภายในวัดอย่างเข้มงวด

"พระราชพิธีครั้งนี้ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก จะเสด็จทรงเป็นประธานคณะสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ จำนวน 30 รูป สดับปกรณ์ สำหรับพระราชพิธีบรรจุพระบรมราชสรีรางคาร ภายในสุสานหลวงวัดราชบพิธฯ ถือเป็นพระราชประเพณีที่ปฏิบัติสืบต่อกันมา ในการนี้ทางคณะวัดราชบพิธฯ จึงจัดพิมพ์หนังสือ "ราชสรีรานุสรณีย์" เพื่อแจกเป็นของชำร่วยในการบรรจุพระบรมราชสรีรางคาร พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เพื่อเป็นวิทยาทานแก่ประชาชน จำนวน 1 หมื่นเล่ม ภายในหนังสือเล่มนี้จะประมวลภาพ และรวบรวมเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับวัดราชบพิธฯ การบรรจุพระบรมราชสรีรางคารของพระมหากษัตริย์ พระอัฐิ พระราชสรีรางคาร พระสรีรางคาร และพระศพของพระบรมวงศานุวงศ์ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า และสมเด็จพระสังฆราช ที่บรรจุอยู่ภายในพุทธบัลลังก์พระประธานในพระอุโบสถ ในพระปรางค์ ในพระพุทธรูปหล่อโลหะ และในบริเวณสุสานหลวง ทั้งนี้ ทางวัดราชบพิธฯ มอบหนังสือดังกล่าวให้สำนักพระราชวัง และสำนักนายกรัฐมนตรี รวม 7,000 เล่ม เพื่อแจกจ่ายให้แก่ประชาชน และผู้เข้าร่วมพระราชพิธีในครั้ง นี้ด้วย

กำหนดการในหลวงเสด็จฯ

สำหรับหมายกำหนดการวันอาทิตย์ที่ 29 ต.ค. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่งจากพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ไปยังพระบรมมหาราชวังผ่านประตูวิเศษไชยศรี ประตูพิมานไชยศรี ผ่านหน้าพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ทหารกองเกียรติยศถวายความเคารพ วงดุริยางค์บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี

เวลา 10.30 น. เสด็จเข้าพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ทรงจุดธูปเทียนเครื่องราชสักการะพระบรมอัฐิพระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ซึ่งประดิษฐานในบุษบกแว่นฟ้าเหนือพระแท่นสุวรรณเบญจดล

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระพุทธรูปประจำพระชนมวารของพระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ที่ประดิษฐานบนพระแท่นมหาเศวตฉัตร พระสงฆ์ 30 รูป ที่สวดพระพุทธมนต์แต่ วันก่อนถวายพรพระ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงประเคนภัตตาหารพระสงฆ์รับพระราช ทานฉัน เสร็จแล้ว ทรงประเคนจตุปัจจัยไทยธรรม พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก ถวายพระพรลา

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทรงธรรม พระราชาคณะถวายศีล และถวายพระธรรมเทศนากัณฑ์ 1 จบ แล้วถวายอนุโมทนา พระสงฆ์ 4 รูป รับอนุโมทนา สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงประเคนจตุปัจจัยไทยธรรมบูชากัณฑ์เทศน์และทรงทอดผ้าไตรพระสงฆ์ที่ถวายพระธรรมเทศนา และรับอนุโมทนารวม 5 รูป สดับปกรณ์ ถวายอดิเรก ถวายพระพรลา แล้วเจ้าพนักงานนิมนต์พระสงฆ์ 89 รูปเท่าพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ขึ้นนั่งยังอาสน์สงฆ์ สวดมาติกา จบ ทรงทอดผ้าไตร พระสงฆ์สดับปกรณ์ ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก ถวายพระพรลา

ริ้วขบวนอัญเชิญพระบรมอัฐิ

ระหว่างพระสงฆ์รับพระราชทานฉันในพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท เจ้าพนักงานจะได้เทียบพระที่นั่งราเชนทรยานสำหรับอัญเชิญพระโกศพระบรมอัฐิพระบาทสมเด็จพระ ปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ไว้ที่เกยพระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์ปราสาท

ตั้งขบวนพระบรมราชอิสริยยศ ตำรวจหลวง มหาดเล็กเป็นคู่แห่ 4 สาย นายทหารราชองครักษ์เป็นคู่เคียงพระที่นั่งราเชนทรยานทรงพระโกศพระบรมอัฐิพร้อมด้วยเครื่องพระอภิรุมชุมสายมโหระทึก สังข์ แตรงอน แตรฝรั่ง ปี่ กลองชนะ พระกลด บังพระสูรย์ พัดโบก ภูษามาลาประคอง และมหาดเล็กพระราชพิธีอัญเชิญเครื่องพระบรมราชอิสริยยศ ไว้พร้อม

เลขาธิการพระราชวังกราบบังคมทูลขอพระราชทานพระราชานุญาตอัญเชิญพระโกศพระบรมอัฐิ เชิญเสด็จและยาตราริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศไปพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท

เจ้าพนักงานภูษามาลาอัญเชิญพระโกศพระบรมอัฐิพระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ลงจากบุษบกแว่นฟ้าเหนือพระแท่นสุวรรณเบญจดล ออกทางพระทวารพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทมุขตะวันออกไปยังเกยพระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์ปราสาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินตาม

เจ้าพนักงานภูษามาลาประดิษฐานพระโกศพระบรมอัฐิในบุษบกพระที่นั่งราเชนทรยาน ขบวนพระบรมราชอิสริยยศประโคมกระทั่งมโหระทึกสังข์ แตรงอน แตรฝรั่ง ปี่ กลองชนะ พร้อมด้วยยาตราขบวนพระบรมราชอิสริยยศอัญเชิญพระบรมอัฐิจากพระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์ปราสาทไปยังพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินตามพร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์

เมื่อเทียบพระที่นั่งราเชนทรยานที่อัฒจันทร์ตะวันออกพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท เจ้าพนักงานภูษามาลาอัญเชิญพระโกศพระบรมอัฐิประดิษฐานในพระวิมานแล้ว สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงจุดธูปเทียนท้ายที่นั่งบูชาพระสัมพุทธพรรณโณพาศแล้ว ทรงจุดธูปเทียนเครื่องราชสักการะพระบรมอัฐิ แล้วเสด็จพระราชดำเนินกลับ ทหารกองเกียรติยศถวายความเคารพ วงดุริยางค์บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี

บรรจุพระบรมราชสรีรางคาร

ส่วนหมายกำหนดการพิธีบรรจุพระบรมราชสรีรางคาร สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่งจากพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ไปยังศาลาสหทัยสมาคม ในพระบรมมหาราชวัง ผ่านประตูวิเศษไชยศรี ทหารกองเกียรติยศถวายความเคารพ วงดุริยางค์บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี

เวลา 17.30 น. เลขาธิการพระราชวังกราบบังคมทูลขอพระราชทานพระราชานุญาต อัญเชิญพระบรมราชสรีรางคาร เชิญเสด็จและยาตราริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศ อัญเชิญพระบรมราชสรีรางคารไปบรรจุที่พระอุโบสถวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม และวัดบวรนิเวศวิหาร เจ้าพนักงานภูษามาลาอัญเชิญพระผอบพระบรมราชสรีรางคารพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร โดยพระราชยานจากพระศรีรัตนเจดีย์ มีตำรวจหลวงนำ ไปออกประตูเกยหลังวัดพระศรีรัตนศาสดาราม อัญเชิญไปถวายสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ณ รถยนต์พระที่นั่ง

ยาตราขบวนอัญเชิญพระบรมราชสรีรางคาร ออกจากพระบรมมหาราชวังทางประตูวิเศษไชยศรี โดยขบวนกองเกียรติยศทหารม้ารักษาพระองค์ มี พันโทหญิง พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ ทรงม้านำ

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมด้วยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ประทับรถยนต์พระที่นั่งทรงอัญเชิญพระผอบพระบรมราชสรีรางคารแล้วกองเกียรติยศทหารม้ารักษาพระองค์ขบวนหลังตาม ขบวนอัญเชิญพระบรมราชสรีรางคารไปตามถนนหน้าพระลาน เลี้ยวขวาถนนสนามไชย เลี้ยวซ้ายถนนกัลยาณไมตรี ข้ามสะพานช้างโรงสี เลี้ยวขวาถนนอัษฎางค์ เลี้ยวซ้ายถนนราชบพิธ ขบวนหน้าทหารม้ารักษาพระองค์แห่นำ รถยนต์พระที่นั่งอัญเชิญพระบรมราชสรีรางคารเทียบที่ประตูวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ทหารกองเกียรติยศถวายความเคารพ วงดุริยางค์บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี เจ้าพนักงานภูษามาลาอัญเชิญพระผอบพระบรมราชสรีรางคารเข้าซุ้มประตูวัด สมเด็จพระ เจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปยังพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงวางพุ่มดอกไม้ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยถวายราชสักการะ ทรงกราบ เสด็จพระราช ดำเนินตามพระบรมราชสรีรางคาร


เจ้าพนักงานภูษามาลาอัญเชิญพระผอบพระบรมราชสรีรางคารไปประดิษฐานที่โต๊ะหมู่ในพระอุโบสถข้างพุทธบัลลังก์พระพุทธอังคีรส

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระพุทธอังคีรส พระประธานในพระอุโบสถ และทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยถวายราชสักการะพระบรมราชสรีรางคารพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้า อยู่หัว รัชกาลที่ 7 พระราชสรีรางคารสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี ในรัชกาลที่ 7 และพระบรมราชสรีรางคารพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร แล้วทรงทอดผ้าไตร พระสงฆ์วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม 30 รูป สดับปกรณ์ ถวายอนุโมทนา สมเด็จพระอริย วงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ถวายอดิเรก แล้วทรงบรรจุพระบรมราชสรีรางคารพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ที่ฐานพุทธบัลลังก์พระพุทธอังคีรส ทรงวางพวงมาลาของส่วนพระองค์และของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยถวายราชสักการะ ขณะนั้นชาวพนักงานประโคมกระทั่งมโหระทึก สังข์ แตร ปี่ กลองชนะ ทหารกองเกียรติยศ ถวายความเคารพ วงดุริยางค์บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมด้วยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปประทับรถยนต์พระที่นั่ง ทรงอัญเชิญพระบรมราชสรีรางคารอีกส่วนหนึ่งเข้าขบวนกองเกียรติยศทหารม้ารักษาพระองค์แห่นำไปยังพระอุโบสถ วัดบวรนิเวศวิหาร ทหารกองเกียรติยศถวายความเคารพ วงดุริยางค์บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี

เสด็จฯยังวัดบวรนิเวศ

รถยนต์พระที่นั่งอัญเชิญพระบรมราชสรี รางคารเทียบที่ประตูวัดบวรนิเวศวิหาร ทหารกองเกียรติยศถวายความเคารพ วงดุริยางค์บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี เจ้าพนักงานภูษามาลาอัญเชิญพระผอบพระบรมราชสรี รางคารไปยังพระอุโบสถประดิษฐานที่โต๊ะหมู่ข้างพุทธบัลลังก์พระพุทธชินสีห์

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระพุทธชินสีห์พระประธานพระอุโบสถ และทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยถวายราชสักการะพระบรมราชสรีรางคาร พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 และพระบรมราชสรีรางคาร พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร แล้วทรงทอดผ้าไตร พระสงฆ์วัดบวรนิเวศวิหาร 30 รูป สดับปกรณ์ ถวายอนุโมทนา สมเด็จพระวันรัตถวายอดิเรก แล้วทรงบรรจุพระบรมราชสรีรางคารพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ที่ฐานพุทธบัลลังก์พระพุทธชินสีห์ ทรงวางพวงมาลาของส่วนพระองค์ และของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อย ถวายราชสักการะ ขณะนั้นชาวพนักงานประโคมกระทั่งมโหระทึก สังข์ แตร ปี่ กลองชนะ ทหารกองเกียรติยศถวายความเคารพ วงดุริยางค์บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี เสด็จพระราชดำเนินไปประทับรถยนต์พระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนินกลับ

"พระองค์ที"บำเพ็ญกุศลที่ปากช่อง

เมื่อเวลา 10.10 น. วันที่ 28 ต.ค. พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ เสด็จเป็นการส่วนพระองค์ จากพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต มาทรงบำเพ็ญพระกุศล ณ สถานปฏิบัติธรรมบ้านไร่ทอสี ต.ปากช่อง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา โดยมีนายวิเชียร จันทรโณทัย ผวจ.นครราชสีมา นายศักดิ์ฤทธิ์ สลักคำ รองผวจ.นครราชสีมา นายพิทยา มูลศาสตร์ รองอธิบดีผู้พิพากษาภาค 3 พล.ต.ต.วัชรินทร์ บุญคง รรท.ผบก.นครราชสีมา พ.อ.รณกร ปานกุล รองผบ.มณฑลทหารบกที่ 21 น.อ.วชิระพล เมืองน้อย ผบก.กองบิน 1 นายสุรพันธ์ ศิลปะสุวรรณ นายอำเภอปากช่อง พ.ต.อ.สันติ เหล่าประทาย รอง ผบก.นครราชสีมา พ.ต.อ.พงษ์พันธ์ บรรจงจิตร ผกก.สภ.ปากช่อง นายเสกสันต์ ทองสวัสดิ์วงศ์ นายก อบต.ปากช่อง นางปกนภศร ไพรพนม ผู้จัดการบ้านไร่ทอสี และประชาชนเฝ้ารับเสด็จ

พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ เสด็จสู่ภายในสถานปฏิบัติธรรม ทรงสักการะพระพุทธรัตนมหาปัญญาประทีป ทรงจุดธูปเทียนเครื่องท้ายที่นั่งบูชาพระพุทธรูป พระประธานภายในสถานปฏิบัติธรรม ที่ประดิษฐานกลางลานสนามหญ้า แล้วเสด็จประทับ ทรงศีล พร้อมทรงประเคนเครื่องสังฆทาน ทรงหลั่งทักษิโณทก บริเวณแท่นแสดงธรรม ใต้ต้นมะขาม และทรงสนทนาธรรมกับพระอาจารย์ฌอน ชยสาโร จากนั้นเสด็จทอดพระเนตรบริเวณสถานปฏิบัติธรรม เสร็จแล้วประชาชนที่รอเฝ้ารับเสด็จถวายของ จากนั้นเสด็จออกจากสถานปฏิบัติธรรม ประทับรถยนต์ที่นั่งไปยังท่าอากาศยานทหารกองบิน 1 ประทับเครื่องบินที่นั่ง เสด็จกลับท่าอากาศยานดอนเมือง



พสกนิกรสุดปลื้มปีติ ในหลวง ร.10 ทรงโบกพระหัตถ์ เสด็จบำเพ็ญกุศล “บรมอัฐิ”


พสกนิกรสุดปลื้มปีติ ในหลวง ร.10 ทรงโบกพระหัตถ์ เสด็จบำเพ็ญกุศล “บรมอัฐิ”

ที่มา : ข่าวสด


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์