พลังงานชี้ราคาน้ำมันโลกยังมีโอกาสผันผวนต่อเนื่อง


       หลังราคาน้ำมันดิบวานนี้พุ่งกว่า 71 ดอลลาร์ฯ ลั่นมาตรการกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงสามารถดูแลราคาน้ำมันที่ผันผวนได้ ระบุน้ำมันดีเซลบี2 รัฐจะคุมไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตร

       วันนี้​ (9 ก.ย.) นพ.วรรณรัตน์  ชาญนุกูล  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวถึงราคาน้ำมันที่ปรับตัวมากกว่า 3 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลเมื่อคืนที่ผ่านมา  โดยตลาดนิวยอร์กปิดที่กว่า  71 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลว่า  เรื่องนี้เป็นการคาดการณ์ว่าราคาน้ำมันมีโอกาสผันผวน โดยกลุ่มโอเปกมีความต้องการเห็นราคาน้ำมันประมาณ  70-75 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล  แนวโน้มยังมีโอกาสปรับสูงขึ้นได้อีก  หรืออาจจะปรับลดต่ำลงก็ได้แล้วแต่ สถานการณ์การเข้ามาเก็งกำไร

       รมว.พลังงาน  กล่าวต่อว่า  จากการดูทิศทางราคาน้ำมัน ได้ส่งสัญญาณไปยังสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) วานนี้ ( 8 ก.ย.)  ว่า ควรส่งสัญญาณผู้ค้าน้ำมันได้แล้วว่าราคาน้ำมันควรปรับลงและทำให้ผู้ค้า น้ำมันประกาศปรับลดราคาน้ำมันในเช้าวันนี้ 40-50  สตางค์ต่อลิตร  อย่างไรก็ตาม  แม้ราคาน้ำมันจะมีการปรับขึ้นอีก ก็คาดว่ามาตรการของภาครัฐที่เข้ามาดูแลโดยใช้กลไกกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงใน ปัจจุบันยังเป็นมาตรการที่เพียงพอ โดยเฉพาะราคาน้ำมันดีเซลบี 2 ทางภาครัฐจะเข้ามาดูแลไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตร ซึ่งขณะนี้ราคาอยู่ที่ประมาณ  25  บาทต่อลิตรเท่านั้น

      นพ.วรรณรัตน์ กล่าวอีกว่า กระทรวงพลังงานยังคงวางเป้าหมายในเรื่องรณรงค์อนุรักษ์พลังงาน ต่อไป ซึ่งต้องใช้ความร่วมมือของทุกภาคส่วน ล่าสุดวันนี้ กระทรวงพลังงานได้ร่วมกับเครือข่ายความร่วมมือด้านพลังงาน  4  หน่วยงาน  ประกอบด้วย  กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.)  หอการค้าไทย และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.)  จัดประชาสัมพันธ์เพื่อเดินหน้าความร่วมมือของเครือข่ายอย่างต่อเนื่องเพื่อ ลดการใช้พลังงาน ซึ่งที่ผ่านมาประสบความสำเร็จ โดยปีที่แล้วลดการใช้พลังงานมากกว่า 30,000 ล้านบาท และตั้งเป้าว่าภายในปี  2554  จะลดได้ถึงร้อยละ 20  ของความต้องการใช้ในปัจจุบันหรือมีมูลค่าถึง 100,000  ล้านบาท

        สำหรับ การดำเนินการมีหลายรูปแบบทั้งการรณรงค์ประหยัดพลังงาน การใช้เงินกองทุนเพื่อการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานไปร่วมให้สินเชื่อ ประหยัดพลังงาน การใช้นโยบายทางด้านการส่งเสริมการลงทุนหรือบีโอไอ เข้ามาหนุนสำหรับผู้ลงทุนประหยัดพลังงานและการลดภาษีนำเข้าอุปกรณ์ประหยัด พลังงาน รวมทั้งผู้ที่ลงทุนประหยัดพลังงานก็สามารถนำมูลค่าของการประหยัดพลังงานมาลด หย่อนภาษีได้ร้อยละ 30 หรือไม่เกิน  2  ล้านบาท  นอกจากนี้  ยังใช้เงินเอสโคฟันด์เข้ามาร่วมลงทุนประหยัดพลังงานปีละ 500 ล้านบาท โดยในส่วนของเอสโคฟันด์ พร้อมเพิ่มเป็น 1,000 ล้านบาท  หากภาคเอกชนสนใจที่จะลงทุนด้านนี้มากขึ้น


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์