พระบารมีล้นพ้นระงับข้อพิพาท

สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ พระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์ เพื่อใช้ในการระงับข้อพิพาทระหว่างรัฐบาลไทย-บ.วอลเตอร์ บาว เยอรมนี กรณียึดเครื่องบินส่วนพระองค์

วันนี้ (1 ส.ค.) สำนักงานราชเลขานุการในพระองค์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เผยแพร่แถลงการณ์เรื่อง การอายัดเครื่องบินพระที่นั่งส่วนพระองค์ของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร กรณีพิพาทระหว่างรัฐบาลไทยกับบริษัทวอลเตอร์ บาว (Walter Bau AG) ความว่า ตามที่ศาลสูงสุดแห่งรัฐเบอร์ลิน สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ได้มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 11 ก.ค.54 ให้ดำเนินการอายัดเครื่องบินพระที่นั่งของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ซึ่งเป็นเครื่องบินส่วนพระองค์ไว้เป็นของกลางในคดีพิพาทระหว่างบริษัทวอ ลเตอร์ บาว กับรัฐบาลไทยและศาลแขวงแลนส์ฮูต มีคำสั่งเมื่อวันที่ 20 ก.ค.54 ให้วางเงินประกัน 20 ล้านยูโร เพื่อถอนอายัดเครื่องบินพระที่นั่งดังกล่าวนั้น

ตลอดระยะเวลาตั้งแต่มีคำพิพากษาของศาลสูงสุดแห่งรัฐเบอร์ลิน และคำสั่งของศาลแขวงแลนส์ฮูต สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี จนถึงปัจจุบัน
 
สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร มิได้ทรงตอบโต้แต่ประการใดต่อคำพิพากษาและคำตัดสินดังกล่าว รวมทั้งต่อกระแสข่าวทั้งจากในและต่างประเทศ ทรงเคารพต่อคำพิพากษาของศาลและทรงเชื่อมั่นในความยุติธรรมของกระบวนการ ยุติธรรม ด้วยทรงมีความสัมพันธ์ที่ดีกับรัฐบาลและประชาชนของสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ในระหว่างที่ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจและทรงพำนักอยู่ในสหพันธ์สาธารณรัฐ เยอรมนี ทรงได้รับการต้อนรับ รวมทั้งการอำนวยความสะดวกในด้านต่างๆเป็นอย่างดี

แม้ว่าสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร จะมิได้มีส่วนได้ส่วนเสีย หรือเกี่ยวข้องกับข้อพิพาทระหว่างรัฐบาลไทยกับบริษัทวอลเตอร์ บาว และมิได้ทรงเป็นผู้สร้างเรื่องหรือเหตุการณ์ข้อพิพาทขึ้นมาแต่ผลจากข้อพิพาท ดังกล่าวได้นำมาซึ่งความเดือดร้อนพระราชหฤทัย กระทบต่อพระราชกรณียกิจ และเสี่ยงต่อการเสื่อมเสียพระเกียรติยศเป็นอย่างยิ่ง

ในการนี้ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร มีพระราชกระแสและพระราชปณิธานที่จะตอบแทนพระคุณแผ่นดินไทยและทรงใช้หนี้บุญ คุณให้กับประเทศชาติ ในพระราชฐานะที่ทรงเป็นประชาชนชาวไทยพระองค์หนึ่ง และทรงเป็นองค์สยามมกุฎราชกุมารของประเทศไทย อีกทั้งมิให้เกิดผลกระทบต่อความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศไทยและสหพันธ์ สาธารณรัฐเยอรมนี และเพื่อให้ข้อพิพาทดังกล่าวจบลงด้วยดี และรวดเร็ว จึงจะพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์เพื่อนำไปใช้ในการระงับข้อพิพาทดัง กล่าว ทั้งนี้ไม่ทรงปรารถนาที่จะให้มีพระนามาภิไธยไปเกี่ยวข้องกับข้อพิพาทและมิ ให้เป็นที่เสื่อมเสียต่อพระเกียรติยศ

--@--รัฐบาลเร่งยุติคดีไทย-เยอรมนี

ครม.น้อมรับพระราชบัณฑูร สมเด็จพระบรมฯสั่งเร่งยุติคดีโดยเร็วที่สุด พร้อมหามาตรการพิทักษ์ทรัพย์สินรัฐบาลไทยในต่างแดน “มาร์ค”เข้าเฝ้าฯถวายรายงานเย็นนี้

วันนี้ (1 ส.ค.) เวลา 11.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายจุลสิงห์ วสันตสิงห์  อัยการสูงสุดพร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เข้าพบ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เพื่อรายงานสถานการและมาตรการในการดำเนินการกรณี เครื่องบินโบอิ้ง 737 ที่ถูกยึดในประเทศเยอรมนี ทั้งนี้นายจุลสิงห์ ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ใดๆ

ต่อมาเวลา 12.30 น. นายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการครม. แถลงภายหลังการประชุมครม.ว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้เชิญ อัยการสูงสุดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับกรณีเครื่องบินโบอิ้ง 737 ที่ถูกยึดที่ประเทศเยอรมนี มาหารือโดยเป็นวาระจรพิเศษ ซึ่งทางอัยการสูงสุดได้นำเสนอ ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการในช่วงเวลาที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการว่าจ้างทนายความในคดีต่างๆ ค่าธรรมเนียมศาล ซึ่งครม.ได้รับทราบและเห็นชอบอนุมัติเงินจำนวนดังกล่าว ส่วนกรณีโบอิ้ง 737 นั้น ครม.ได้รับทราบ แถลงการณ์ ของส่วนราชการในพระองค์แล้ว และจะยึดเป็นแนวทางในการดำเนินการเร่งรัด ระงับข้อพิพาทระหว่างรัฐบาลไทยและบริษัท วอลเตอร์ บาว เพราะกรณีที่มีการยึดเครื่องบินส่วนพระองค์ทำให้เกิดการระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท ครม.จึงมีมติเห็นชอบแนวทางที่จะให้ยุติคดีนี้โดยเร็วและไม่ให้ระคายเคืองเบื้องยุคลบาท โดยเฉพาะในคดีใหญ่ โดยทางอัยการสูงสุดได้รับทราบมติดังกล่าวแล้ว รวมทั้งให้ไปดำเนินการหามาตรการพิทักษ์ทรัพย์สมบัติของคนไทยในต่างประเทศ เพราะหากคดียังไม่สิ้นสุดฝ่ายอายัดทรัพย์ก็คงไปตามอายัดทรัพย์ ของรัฐบาลในสถานที่ต่างๆจนทำให้เกิดเหตุผิดพลาดเหมือนที่ผ่านมา

นายอำพน กล่าวต่อว่า ครม.น้อมรับพระราชบัณฑูรตามแถลงการณ์และจะเร่งดำเนินการโดยเร็ว ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีจะนำความกราบบังคมทูลสถานการณ์ล่าสุดให้ทรงทราบก่อน หลังจากนั้นนายกรัฐมนตรีจะเป็นผู้แถลงรายละเอียดด้วยตัวเองอย่างไรก็ตาม การวางหลักประกันในคดีใหญ่ที่เป็นลักษณะการวางค้ำประกันก็เป็นแนวทางหนึ่งที่อัยการสูงสุดเสนอมา ซึ่งทางอัยการสูงสุดได้เสนอมาหลายแนวทาง และแนวทางหนึ่งคือการใช้ จดหมายค้ำประกัน  และครม.ยึดหลักตามพระราชบัณฑูรว่า จะต้อเร่งรัดคดีใหญ่ให้เสร็จโดยเร็ว.


เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์