พบข้อมูลพิลึก! บ.จัดทำบัตรสมาร์ทการ์ด จดทะเบียนแค่ 2 เดือนก่อนทำสัญญากับไอซีที


พบข้อมูล บ.จัดทำบัตรสมาร์ทการ์ด จดทะเบียนก่อนทำสัญญากับไอซีทีแค่ 2 เดือน "ชวรัตน์"บอกยังรอนัดหมายถกแก้ปัญหา นายกฯให้มหาดไทย-สมช.สะสางทั้งระบบ รวมถึงปัญหา จนท.รัฐเป็นใจสวมสิทธิบัตรประจำตัวประชาชนชาวบ้านด้วย

กรณีคณะกรรมการกฤษฎีกาวินิจฉัยว่า บัตรประจำตัวประชาชนอิเล็กทรอนิกส์แบบอเนกประสงค์ (บัตรสมาร์ทการ์ด) ที่ไอซีทีส่งมอบให้ กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย 600,000 ใบ ขัดกฎกระทรวงมหาดไทย ฉบับที่ 22 พร้อมกับระบุด้วยว่าบัตรสมาร์ทการ์ดที่ออกให้ประชาชนนำไปใช้แล้ว 26 ล้านใบ ก็ไม่ถูกต้องเช่นกัน จนมีปัญหาคาราคาซังอยู่ในขณะนี้

จากการตรวจสอบข้อมูลกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์พบว่า บริษัท วี-สมาร์ท จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทคู่สัญญานั้นจดทะเบียนนิติบุคคล มีสำนักงานใหญ่เลขที่ 27 ซอย รามคำแหง 11 (ซอยล่ำเพชร) แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ โดย น.ส.วัชรี พรรณเชษฐ์ ผู้มีอำนาจลงนามผูกพันนิติบุคคล จดทะเบียนเลขที่ สจ.3029685 เมื่อวันที่ 7 เมษายน 2552 ก่อนทำสัญญากับกระทรวงไอซีที เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2552 เพียง 2 เดือน

นอกจากนี้จากการตรวจสอบพบว่า กระทรวงไอซีที ประกาศวันประกวดราคาในวันที่ 17 มีนาคม 2552 - วันที่ 20 มีนาคม 2552 ในวงเงิน 965,000,000 ล้านบาท วันที่มีการประกาศประกวดราคานั้น บริษัท วี-สมาร์ท จำกัด ยังไม่ได้จดทะเบียนการค้าแต่อย่างใด

นอกจากนี้ จากการตรวจสอบสัญญาจ้างเหมา ยังพบพิรุธในข้อที่ 5 เรื่องเงินจ้างล่วงหน้า ที่ระบุว่า

ผู้ว่าจ้างจ่ายเงิน
ล่วงหน้าให้กับผู้รับจ้างจำนวน 45,107,889 บาท โดยเงินล่วงหน้าดังกล่าว จะจ่ายให้ภายหลังจากที่ผู้รับจ้างได้วางเงินประกันการรับเงินล่วงหน้าเป็นพันธบัตรรัฐบาลไทย หรือหนังสือค้ำประกันของธนาคารในประเทศ

ในการจ่ายเงินค่าจ้างตามข้อ 4 ผู้ว่าจ้างจะหักเงินค่าจ้างไว้เป็นเงินร้อยละ 5 ของค่าจ้างในแต่ละงวด ทั้งนี้ หักจนกว่าจำนวนเงินที่หักไว้จะครบตามจำนวนเงินค่าจ้างล่วงหน้าที่ผู้รับจ้างได้รับไปแล้ว และจะคืนหลักประกันเงินล่วงหน้าให้แก่ผู้

รับจ้างพร้อมกับการจ่ายเงินงวดสุดท้าย


เมื่อตรวจสอบข้อที่ 4 กำหนดส่งมอบเงิน โดยมีเงินค่าจ้างจำนวน 902,157,778 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มจำนวน 59,019,668.37 แล้ว) งวดที่ 1 จำนวน 45,107,889 ล้านบาท งวดที่ 2 จำนวน 135,323,668 บาท งวดที่ 3-6 จำนวนงวดละ 135,323,668  บาท และงวดที่ 7 ซึ่งสุดท้าย 180,431,559 บาท เมื่อนำเงินทั้ง 7 งวดมาร่วมกัน 902,157,778 บาท เท่ากับว่าเงินค่าจ้างงวดที่ 1 จำนวน 45,107,889 ล้านบาทที่จ่ายไปนั้น ตามข้อ 5 จะเป็นเงินค่าจ้างล่วงหน้า ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่าเหตุใดเงินค่าจ่างล่วงหน้า หรืองวดที่ 1 จึงถูกหักจนครบจำนวน 45,107,889 ล้านบาท ทั้งที่เงินดังกล่าวถูกรวมไปในงบประมาณการจ้างแล้ว และเงินที่หักคืนนั้นจะเป็นของใคร

ทั้งนี้ หนังสือสัญญาจ้างเหมาจัดทำบัตรประจำตัวประชาชนอิเล็กทรอนิกส์แบบอเนกประสงค์ (สมาร์ทการ์ด) ที่ลงนามในสัญญา ระหว่างกระทรวงไอซีทีโดยนายสือ ล้ออุทัย ปลัดกระทรวงไอซีที กับกิจการค้าร่วมวีเค ที่ประกอบด้วย บริษัท วี-สมาร์ทการ์ด จำกัด ร่วมกับ บริษัท เคอีบี เทคโนโลยี จำกัด จดทะเบียนที่ประเทศสาธารณรัฐเกาหลี และบริษัท ไบโอสมาร์ท จำกัด จดทะเบียนที่ประเทศสาธารณรัฐเกาหลี

ขณะที่นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการกฤษฎีกา ตีความว่า บัตรสมาร์ทการ์ดแบบเก่า ที่มีรูปพระบรมมหาราชวัง ผิดกฎกระทรวง ฉบับที่ 22 จะมีการแย้งความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกาหรือไม่ว่า ภาพพระบรมมหาราชวังเป็นลายเส้นไม่ใช่รูปภาพ นายชวรัตน์กล่าวว่า เรื่องนี้จะต้องมีการนำเข้าไปหารือหลังจากที่มีการตั้งคณะกรรมการ 3 ฝ่ายที่ประกอบด้วยไอซีทีและกฤษฎีกาแล้ว และคณะกรรมการจะต้องพิจารณาอีกครั้งว่า จะยอมรับหรือไม่ยอมรับทั้งบัตรเก่าและบัตรใหม่ที่ผลิตมาแล้ว เพราะมหาดไทยต้องการให้บัตรประชาชนเป็นไปในแบบเดียวกัน ไม่ใช่ว่าบัตรนี้มีเส้นสีแดง อีกบัตรไม่มี หรือบัตรนี้มีรูป อีกบัตรมีรูปอะไรไม่รู้ อย่างนี้จะทำให้ตรวจสอบยาก


ผู้สื่อข่าวถามว่า หากสุดท้ายแล้วมีการระบุว่าบัตรสามาร์ทการ์ดแบบเก่าที่ออกไปแล้ว 26 ล้านบัตรนั้น ไม่สามารถใช้ได้ จะมีการเรียกคืนบัตรหรือไม่ นายชวรัตน์กล่าวว่า ถ้าเป็นเช่นนั้น ประชาชนก็จะต้องนำบัตรมาคืน และรับบัตรที่ถูกต้องไป โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น ส่วนหากบัตรที่ใช้ผิดจะต้องพิมพ์บัตรใหม่ทดแทนบัตรเก่า 26 ล้านบัตร และพิมพ์บัตรใหม่ขึ้นอีก 26 ล้านบัตร เท่ากับว่าต้องพิมพ์บัตรใหม่ทั้งหมด 52 ล้านบัตร จะใช้งบประมาณจากไหน นายชวรัตน์กล่าวว่า เรื่องนี้ยังไม่ได้ข้อสรุป เป็นเพียงการประมาณการ ทั้งนี้ ขณะนี้ไอซีทียังไม่ได้นัดวันหารือ และมหาดไทยกำลังรออยู่ 

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีปัญหาประชาชนถูกสวมสิทธิใช้บัตรประชาชน โดยมีเจ้าหน้าที่รัฐเป็นผู้ดำเนินการว่า ทั้งปัญหาบัตรประชาชน ขณะนี้กระทรวงมหาดไทยต้องไปสะสางเกือบทั้งหมดอยู่แล้ว ซึ่งมีปัญหาหลายอย่างที่ซ้อนกันขึ้นมาในเรื่องของข้อกฎหมาย อย่างไรก็ตาม เรื่องทั้งหมดตรงนี้ กระทรวงมหาดไทยและสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กำลังจะมีการดูแลและสะสางระบบทั้งหมด เพราะปัญหาในตอนนี้จะรุนแรงมากขึ้น เนื่องจากจำนวนคนที่เกี่ยวข้องเพิ่มมากขึ้น 

นายชวรัตน์กล่าวว่า ยังไม่ได้รับรายงานจากกรมการปกครอง อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้กระทบในเรื่องความมั่นคง และการเลือกตั้ง เชื่อว่าคนกลุ่มนี้น่าจะไม่ใช่คนในเมือง อย่างไรก็ตาม จะสั่งการให้อธิบดีกรมการปกครอง เร่งตรวจสอบ และรายงานในเรื่องนี้
 



เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์