ผองไทยปลื้มปีติน้ำตาคลอ-ตะโกนก้องทรงพระเจริญ

แนวหน้า

ผองไทยปลื้มปีติน้ำตาคลอ-ตะโกนก้องทรงพระเจริญ
พสกนิกรนับล้านหลั่งไหลสู่ลานพระรูปฯร่วมพิธีมหามงคล
เสียงสดุดีมหาราชากระหึ่มทั่วประเทศฉลองครองราชย์60ปี
พนมมือก้มกราบน้อมรับพระราชดำรัสรักษาไว้ซึ่ง"สามัคคี"


วันที่ 9 มิถุนายน ซึ่งเป็นวันมหามงคลที่คนไทยเฝ้ารอ เพื่อจะได้ร่วมในพระราชพิธีฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งเป็นศูนย์รวมจิตใจของประชาชนชาวไทยทั้งประเทศ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ประชาชนในแต่ละพื้นที่พร้อมใจกันเดินทางออกจากบ้านเพื่อร่วมพิธีถวายพระพรแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวตามสถานที่ต่างๆ ที่ทั้งหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนต่างพร้อมใจกันจัดขึ้นในท้องถิ่นของตัวเอง

พสกนิกรนับล้านหลั่งไหลสู่ลานพระรูป

โดยในส่วนของกรุงเทพมหานคร ประชาชนจำนวนมากได้เดินทางไปร่วมพิธีทำบุญตักบาตรพระสงฆ์จำนวน 161 รูปที่ท้องสนาม เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลตั้งแต่ช่วงเช้า จากนั้นจึงร่วมเดินเท้าผ่านถนนราชดำเนินกลางมุ่งหน้าไปยังลานพระบรมรูปทรงม้า เพื่อรอเข้าเฝ้าฯรับเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่เสด็จออกมหาสมาคม ณ สีหบัญชร พระที่อนันตสมาคม

นอกจากนี้ยังปรากฏว่า ยังมีประชาชนทั้งจากในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด ต่างทยอยกันเดินทางมาเข้าเฝ้าฯ เพื่อชื่นชมพระบารมีกันอย่างไม่ขาดสาย ทำให้บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้าแน่นขนัดไปด้วยประชาชนที่ต่างพร้อมใจกันสวมเสื้อเหลือง จนแถวยาวเหยียดไปสิ้นสุดที่สะพานผ่านฟ้าลีลาศ

จองที่ถวายพระพรตั้งแต่ตี4

นางเลี้ยง ใจกล้า ประชาชน จาก จ.สมุทรปราการ กล่าวว่า รู้สึกปลาบปลื้มที่เกิดมาเป็นคนไทย และอยากร่วมแสดงความจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ขณะที่ นางสกาวรัตน์ วงศ์พลสุข ซึ่งอาศัยอยู่ย่านรามอินทรา เผยว่า เดินทางออกจากบ้านมาตั้งแต่เวลา 03.00 น. เพื่อทำบุญตักบาตรและอยากรอรับเสด็จในหลวง

นางเปรมฤทัย อุ่นท้าว อายุ 68 ปี ชาวจังหวัดอุดธานี อาชีพ หมอนวดแผนโบราณ เปิดเผยว่า เดินทางมาจากจังหวัดอุบลราชธานีมาหลายวันแล้ว โดยมาพักอยู่กับญาติที่ เขตบางกะปิ กทม. และเดินทางมายังลานพระบรมรูปทรงม้า เพื่อเข้าร่วมพิธีเฉลิมฉลองครองศิริราชสมบัติครบ 60 ปี ตั้งแต่เวลา 04.00 น.ที่ผ่านมา สำหรับความรู้สึกที่มาร่วมงานในครั้งนี้ รู้สึกดีใจมากและคงเป็นโอกาสเดียวและโอกาสสุดท้ายที่จะเข้าร่วมงานแบบนี้ หากไม่เข้าร่วมงานในครั้งนี้ ชีวิตนี้ก็คงไม่มีโอกาสอีกแล้ว เพราะอายุมากแล้ว ถึงแม้อากาศจะร้อน ผู้คนจะเยอะ แต่ก็แสดงให้เห็นว่าประชาชนคนไทย ต่างก็รักในหลวงและหากมีโอกาสก็จะไปร่วมพิธีจุดเทียนชัยถวายพระพรที่สนามหลวงด้วย

อุ้มลูกวัย6เดือนมาร่วมงานประวัติศาสตร์

ขณะที่ นางนงนุช สังฆพิมล อายุ 39 ปี ชาวจังหวัดปทุมธานี กล่าวว่า ได้เดินทางมาพร้อมกับครอบครัว ตั้งแต่เวลา 09.00 น. โดยเดินทางมาทั้งสิ้น 7 คน นอกจากนี้ได้พาลูกสาวชื่อปูเปรี้ยว อายุ 6 เดือนมาร่วมงานในครั้งนี้ด้วย โดยสาเหตุที่พาลูกสาววัย 6 เดือนมาในครั้งนี้ เนื่องจากต้องการให้ลูกสาวมีส่วนร่วมในพิธีนี้ ถึงแม้ว่าเขาจะอายุน้อย และต้องมานั่งตากแดด แต่เราก็รู้สึกภาคภูมิใจ ที่เห็นพลังของประชาชนที่รวมใจกันใส่เสื้อเหลือง และโบกธง เพื่อแสดงความจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พล.ต.ท.วิโรจน์ จันทรังษี ผบช.น. ซึ่งคอยกำกับการเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนมาร่วมงาน เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้ดูแลประชาชนอย่างเต็มที่ แต่ประชาชนส่วนใหญ่เต็มไปด้วยความปลื้มปิติยินดี ยิ้มแย้มแจ่มใส ถึงแม้อากาศจะร้อนอบอ้าว แต่ทุกคนต่างถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกันเป็นอย่างดี ทำให้เจ้าหน้าที่ทำงานได้สะดวกมากขึ้น

พนมมือน้อมรับพระราชดำรัส"รักสามัคคี"

กระทั่งเวลา 10.30 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงเสด็จพระราชดำเนินมาถึงพระที่นั่งอนันตสมาคม ก่อนเสด็จออกมหาสมาคม ณ สีหบัญชร เพื่อให้ประชาชนเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทั้งนี้ในระหว่างที่ทรงมีพระราชดำรัสแก่ประชาชนทั่วประเทศอยู่นั้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ประชาชนที่ร่วมพระราชพิธีที่บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้าจำนวนมาก ต่างพากันพนมมือน้อมรับพระราชดำรัสที่ทรงขอให้ประชาชนชาวรักษาไว้ซึ่งความรัก ความสามัคคี เพื่อให้ประเทศชาติยืนยงสืบไป

น้ำตาคลอร้องตะโกน"ทรงพระเจริญ"

โดยภายหลังจากที่ทรงมีพระราชดำรัสแล้ว ประชาชนที่มาเข้าเฝ้าฯจึงพร้อมใจกันร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี ซึ่งภายหลังจากเพลงสิ้นสุดลง ประชาชนทุกคนก็ต่างพร้อมกันตะโกนออกมาอย่างสุดเสียงและต่อเนื่องว่า "ทรงพระเจริญ"

โดยในระหว่างนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งทรงยืนเคียงคู่กับสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ณ สีหบัญชร ได้โบกพระหัตถ์ให้แก่ประชาชนที่มาชื่นชมพระบารมี ทำให้ทุกคนที่อยู่ในบริเวณดังกล่าวต่างพากันปลื้มปิติ และบางคนถึงกับน้ำตาไหลออกมา และพากันโบกธงสัญลักษณ์สิริราชสมบัติ 60 ปี พร้อมกับร้องตะโกนว่า "ทรงพระเจริญ" กันอย่างไม่หยุดหย่อน และร่วมกันอยู่เพื่อส่งเสด็จพระราชดำเนินกลับในเวลา 13.00 น.

เชียงใหม่ตักบาตรพระสงฆ์999รูป

ส่วนที่จังหวัดเชียงใหม่เช้าวันเดียวกัน นายสุวัฒน์ ตันติพัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ นำประชาชนชาวเชียงใหม่ร่วมทำบุญตักบาตรข้าวสารอาหารแห้งแด่พระสงฆ์จำนวน 999 รูป ที่สนามกีฬาเทศบาลนครเชียงใหม่เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล จากนั้นผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่เป็นประธานประกอบพิธีถวายพระพรชัยมงคลถวายราชสดุดีเฉลิมพระเกียรติและพิธีถวายพระพรชัยมงคลของผู้นำศาสนา 5 ศาสนา ที่หอประชุมมหาวิทยาลัยเชียงใหม่

ขณะที่นายยงศักดิ์ ฉัตรสีรุ้ง ประธานเครือข่ายโอท็อป อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ ได้ผลิตสมุดลงนามถวายพระพรที่ทำด้วยกระดาษสาขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศ โดยมีขนาดกว้าง 49 เซ็นติเมตร ยาว 69 เซ็นติเมตร หนา 3.9 เซ็นติเมตร หนักถึง 3,990 กรัม และมีหน้ากระดาษสาจำนวน 99 แผ่น โดยจะนำไปไว้ที่ที่ว่าการอำเภอสันทรายเพื่อให้ประชาชนชาวอำเภอสันทรายได้ร่วมลงนามถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในวโรกาสฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ด้วย

ยิงสลุตหลวงถวายพระพรชัยมงคล

เมื่อเวลา 11.00 น. วันนี้ ที่กองพันทหารปืนใหญ่ที่ 7 อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ พ.ท.คชาชาต บุญดี ผู้บังคับกองพันทหารปืนใหญ่ที่ 7 นำนายทหารเหล่าปืนใหญ่ ร่วมถวายพระพรต่อหน้าพระบรมสาทิสลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จากนั้น ได้ทำพิธียิงสลุตหลวง ถวายพระพรชัยมงคล โดยนำปืนใหญ่ชื่อ ป้องปฐมพี ไพรีพินาศ พิฆาตศัตรู สยบหมู่มาร ขนาด 105 มิลลิเมตร รวม 4 กระบอก ยิงสลุตจำนวน 21 นัด เพื่อเทิดพระเกียรติ

ขณะที่เรือนจำกลางจังหวัดเชียงใหม่ นายชูชาติ ชัยเลิศ ผู้บัญชาการเรือนจำฯ ได้ทำพิธีปล่อยตัวผู้ต้องขังชายที่พิการ ชรา และเหลือโทษไม่เกิน 3 ปี กว่า 200 คน ที่ได้รับพระราชทานอภัยโทษ และสาบานว่าจะทำความดีและจะไม่ทำผิดกฎหมายอีก ส่วนที่ทัณฑสถานหญิงเชียงใหม่ มีการปล่อยตัวผู้ต้องขังหญิง จำนวน 115 คน ที่ได้รับพระราชทานอภัยโทษในโอกาสเดียวกัน ซึ่งผู้ต้องขังหญิงตั้งปฏิญาณว่า หลังพ้นโทษออกไปจะทำแต่ความดีเพื่อถวายเป็นพระราชกุศล

ด้านที่จังหวัดกำแพงเพชร นายไพศาล รัตนพัลลภ ผู้ว่าราชการจังหวัดกำแพงเพชร เป็นประธานจุดเทียนสักการะบูชาพระบรมสารีริกธาตุ ที่อัญเชิญมาให้ประชาชนได้ร่วมสักการะบูชาเนื่องในปีมหามงคลที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี และร่วมทำบุญตักบาตรกับประชาชนขณะที่โรงพยาบาลกำแพงเพชร นพ.กำชัย รังสิมันต์ไพบูลย์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลกำแพงเพชร ร่วมกับนางนงเยาร์ รัตนพัลลภ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดกำแพงเพชร เปิดรับบริจาคโลหิตเพื่อนำไปช่วยรักษาผู้ป่วยเพื่อถวายเป็นพระราชกุศล

เชียงรายร่วมจัดถวายพระพร

ด้านที่โรงเรียนสามัคคีวิทยาคม อ.เมือง จ.เชียงราย นายอุดม พัวสกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นำหัวหน้าส่วนราชการ และประชาชนชาว จ.เชียงราย ร่วมกันใส่เสื้อสีเหลืองและทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ 119 รูป เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงครองราชย์ครบ 60 ปี โดยประชาชนทุกคนที่ได้ร่วมกิจกรรมต่างมีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส และบอกว่าต้องการถวายเป็นพระราชกุศลแด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จากนั้นได้ร่วมกันลงนามถวายพระพร ต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

เมืองคอนจัดทำบุญตักบาตร

ด้านนายวิชม ทองสงค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นประธานพิธีตักบาตรพระภิกษุสงฆ์ 90 รูป เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี โดยมีพี่น้องประชาชนทั้งภาครัฐและภาคเอกชนเข้าร่วมกิจกรรมนับ 1,000 คน ซึ่งทุกคนพร้อมใจกันสวมเสื้อเหลือง ซึ่งแสดงถึงความจงรักภักดี รวมทั้งปล่อยนกสันติภาพแสดงถึงความเป็นอิสระของพสกนิกรชาวไทยด้วย


ที่จังหวัดภูเก็ต นายอุดมศักดิ์ อัศวรางกูร ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต น.ส.สมใจ สุวรรณศุภพนา นายกเทศมนตรีเทศบาลนครภูเก็ต พร้อมด้วยข้าราชการและประชาชนพร้อมใจกันสวมใส่เสื้อสีเหลืองที่มีตราสัญลักษณ์ฉลองการครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ร่วมกันทำบุญตักบาตรอาหารแห้งแด่พระสงฆ์ จำนวน 199 รูป ที่บริเวณสวนเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษามหาราชินี

ที่บริเวณลานศิลปวัฒนธรรมริมฝั่งแม่น้ำปัตตานี เขตเทศบาลเมืองปัตตานี นายภาณุ อุทัยรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี พร้อมหัวหน้าส่วนราชการ หน่วยงานต่าง ๆ พ่อค้า ประชาชน กว่า 1,000 คน ร่วมพิธีทำบุญตักบาตรพระสงฆ์จำนวน 99 รูป เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ขณะที่บรรยากาศรอบเมืองปัตตานีมีการจัดซุ้มตกแต่งประดับประดาโคมไฟ ตราสัญลักษณ์ฉลองสิริราชสมบัติ 60 ปี ถนนสายสำคัญ โดยชาวปัตตานี ทั้งไทยพุทธ ไทยมุสลิม ไทยเชื้อสายจีน ต่างพร้อมใจสวมเสื้อสีเหลืองเพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติ

ปอเนาะสตูลจัดบำเพ็ญประโยชน์

ด้านที่จ.สตูล นักเรียนโรงเรียนสามัคคีอิสลามวิทยา ต.ทุ่งนุ้ย อ.ควนกาหลง จ.สตูล พร้อมคณะครู และผู้บริหาร รวมกว่า 400 คน ร่วมกันบำเพ็ญประโยชน์ เนื่องในโอกาสเฉลิมฉลองสิริราชสมบัติ 60 ปีในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้วยการปลูกต้นไม้รอบอาคารเรียนของโรงเรียน และทำความสะอาดหอพัก อาคารเรียน เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล นายอับดุลเลาะห์ ปังหลีเส็น ผู้บริหารโรงเรียนสามัคคีอิสลามวิทยา กล่าวว่า การทำกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์ในครั้งนี้ นอกจากต้องการให้นักเรียนรู้รักสามัคคีแล้ว ยังเป็นการปลูกจิตสำนึกในการกระทำคุณงามความดี เพื่อถวายแด่พ่อหลวงของปวงชนชาวไทย ในโอกาสนี้ นายกอหรี ปัญญายาว รองประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดสตูล ได้บริจาคเงินจัดซื้อชุดนักเรียนมอบให้นักเรียนที่เรียนดีแต่ยากจน ของโรงเรียนสามัคคีอิสลามวิทยา และโรงเรียนอื่นอีก 5 โรงเรียนด้วย ที่ยะลา ประชาชนทุกหมู่เหล่า ร่วมทำบุญตักบาตร และลงนามถวายพระพรชัยมงคลกันถ้วนหน้า

จองธนบัตรที่ระลึกล้นหลาม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการจ่ายแลกธนบัตรที่ระลึกเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสการจัดงานฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ตามสาขาของธนาคารพาณิชย์ทั่วประเทศ และสาขาของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เป็นไปอย่างคึกคัก ตั้งแต่เวลา 8.30 น. ซึ่งเป็นเวลาเปิดทำการของธนาคาร โดยมีประชาชนที่ต่างสวมเสื้อสีเหลืองมาเข้าแถวรับธนบัตรที่จองไว้ล่วงหน้าตั้งแต่วันที่ 1- 8 มิถุนายนที่ผ่านมา ทั้งนี้ธนบัตรที่ระลึกเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสการจัดงานฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี เป็นธนบัตรที่ใช้ชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย ชนิดราคา 60 บาท ซึ่ง ธปท.จัดพิมพ์จำนวน 9,999,999 ฉบับ โดยเปิดจ่ายแลกในราคาฉบับละ 100 บาท

นางสาวดวงดาว สมบัติศิริ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายจัดการธนบัตร ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่าประชาชนมีความประสงค์จะได้ธนบัตรไว้เป็นที่ระลึกเกินจำนวนที่จัดพิมพ์ไว้ ธปท.จึงเปิดให้จองเพิ่มและชำระเงินในวันที่ 14-16 มิถุนายน นี้ โดยธปท.จะพิมพ์เพิ่มตามความต้องการของประชาชน.ทั้งนี้ธนบัตร ชนิดราคา 60 บาท จำหน่ายในฉบับละ 100 บาท และส่วนต่างของรายได้จำนวน 40 บาทนั้น จะนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทั้งหมด

จุดพลุกระหึ่ม20,000นัด

ค่ำวันเดียวกัน พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางมายังศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เพื่อเป็นประธานพิธี จุดพลุ และดอกไม้ไฟ ฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ซึ่งบรรยากาศภายในงาน มีประชาชนจากจังหวัดต่าง ๆ เดินทางมาเข้าชมจำนวนกว่า 50,000 คน โดยสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย ร่วมกับมูลนิธิเอกชนพัฒนาภูมิภาค บริษัท เมืองทองไซโก จำกัด บริษัท สุรเสียงประเทศไทย จำกัด และภาคเอกชน ได้นำพลุ และดอกไม้ไฟ กว่า 20 ชนิด จำนวนกว่า 20,000 นัด นำมาจุดในงานครั้งนี้ นับเป็นการจุดพลุครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติไทย

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์