'ผบ.ตร.' ยันตำรวจ-ทหารไม่เกาเหลา ชี้ตร.ทำเต็มที่แล้วตามกฎหมาย ระบุถอนกำลังตั้งด่านกลับทำงานปกติ หลังประกาศใช้กฎอัยการศึก
21 พ.ค.57 เมื่อเวลา 08.00 น. ที่โรงแรมเดอะกรีนเนอรี่ รีสอร์ท อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เป็นประธานการประชุมศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) โดยใช้เวลาประชุมประมาณ 40 นาที
พล.ต.อ.อดุลย์ กล่าวถึงการทำงานของตำรวจหลังจากมีการประกาศกฎอัยการศึกว่า
ขณะนี้ให้ตำรวจปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ ส่วนในการที่ทหารจะให้ตำรวจเข้าไปช่วยงานหรือไม่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในอนาคต ทั้งนี้ได้สั่งให้ยุติการตั้งด่านความมั่นคง ถอนกำลังตำรวจออกมาทั้งหมดแล้ว โดยให้ทหารเข้าไปทำหน้าที่แทน และทหารจะเป็นคนดูแลในเรื่องของการชุมนุมเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์
ขณะนี้ให้ตำรวจปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ ส่วนในการที่ทหารจะให้ตำรวจเข้าไปช่วยงานหรือไม่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในอนาคต ทั้งนี้ได้สั่งให้ยุติการตั้งด่านความมั่นคง ถอนกำลังตำรวจออกมาทั้งหมดแล้ว โดยให้ทหารเข้าไปทำหน้าที่แทน และทหารจะเป็นคนดูแลในเรื่องของการชุมนุมเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์
เมื่อถามว่า การที่ทหารออกมาแบบนี้ ทำให้คนในสังคมมองว่าตำรวจไม่สามารถจัดการกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้ จึงทำให้ต้องมีการประกาศกฎอัยการศึก
พล.ต.อ.อดุลย์ กล่าวว่า สถานการณ์ทางการเมืองมีการชุมนุมมายาวนานมาก และเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน ซึ่งเราก็ดูแลและจัดการกับปัญหาอย่างเต็มที่ตามกฎหมาย คือลดการเผชิญหน้า และลดการปะทะ ซึ่งที่ผ่านมาภาพรวมของสถานการณ์ก็ค่อนข้างเป็นไปด้วยดี
เมื่อถามว่า เรื่องของคดีที่เกิดขึ้นระหว่างการชุมนุม ทั้งคดีกบฎ และคดีระเบิดต่างๆ จะจัดการตามกฎหมายต่อไปอย่างไรหรือไม่
พล.ต.อ.อดุลย์ กล่าวว่า คดีที่เกิดทั้งหมดก็ต้องดำเนินไปตามของกฎหมายต่อไป ส่วนในคดีกบฎก็ยังดำเนินการต่อไป เพราะยังมีหมายจับอยู่ ซึ่งหมายจับนี้มีอายุความถึง 20 ปี ทั้งนี้ในการจับกุมคดีต่างๆ เรายังยึดกฎหมายเป็นหลัก แต่ในสถานการณ์เช่นนี้ ทหารจะทำหน้าที่เป็นหลัก และตำรวจจะทำหน้าที่ปฏิบัติตามกฏหมายนี้ ซึ่งขณะนี้ตำรวจก็จะดูแลในเรื่องของการจราจร ลดเหตุรุนแรง และในเรื่องของสายตรวจ โดยยังทำหน้าที่ตามปกติ ทั้งนี้ตนยืนยันว่า ทหารกับตำรวจยังมีความเข้าใจที่ดีต่อกัน
พล.ต.อ.อดุลย์ กล่าวว่า สถานการณ์ทางการเมืองมีการชุมนุมมายาวนานมาก และเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน ซึ่งเราก็ดูแลและจัดการกับปัญหาอย่างเต็มที่ตามกฎหมาย คือลดการเผชิญหน้า และลดการปะทะ ซึ่งที่ผ่านมาภาพรวมของสถานการณ์ก็ค่อนข้างเป็นไปด้วยดี
เมื่อถามว่า เรื่องของคดีที่เกิดขึ้นระหว่างการชุมนุม ทั้งคดีกบฎ และคดีระเบิดต่างๆ จะจัดการตามกฎหมายต่อไปอย่างไรหรือไม่
พล.ต.อ.อดุลย์ กล่าวว่า คดีที่เกิดทั้งหมดก็ต้องดำเนินไปตามของกฎหมายต่อไป ส่วนในคดีกบฎก็ยังดำเนินการต่อไป เพราะยังมีหมายจับอยู่ ซึ่งหมายจับนี้มีอายุความถึง 20 ปี ทั้งนี้ในการจับกุมคดีต่างๆ เรายังยึดกฎหมายเป็นหลัก แต่ในสถานการณ์เช่นนี้ ทหารจะทำหน้าที่เป็นหลัก และตำรวจจะทำหน้าที่ปฏิบัติตามกฏหมายนี้ ซึ่งขณะนี้ตำรวจก็จะดูแลในเรื่องของการจราจร ลดเหตุรุนแรง และในเรื่องของสายตรวจ โดยยังทำหน้าที่ตามปกติ ทั้งนี้ตนยืนยันว่า ทหารกับตำรวจยังมีความเข้าใจที่ดีต่อกัน
พล.ต.อ.อดุลย์ กล่าวด้วยว่า ส่วนงานสัมมนาผู้บริหารระดับผู้บังคับการขึ้นไป ที่เขาใหญ่ ก็ยังจัดขึ้นตามปกติ
เพราะกำลังหลักอย่างผู้บังคับการในนครบาลยังคงอยู่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ การที่ ผบก.ทุกจังหวัดมาสัมมนา จึงไม่เป็นปัญหาในเรื่องของกำลังพลแต่อย่างใด ถ้าหากมีอะไรเกิดขึ้นเร่งด่วน เราก็สามารถประสานกันได้ทันที จึงไม่มีปัญหาในเรื่องนี้
เพราะกำลังหลักอย่างผู้บังคับการในนครบาลยังคงอยู่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ การที่ ผบก.ทุกจังหวัดมาสัมมนา จึงไม่เป็นปัญหาในเรื่องของกำลังพลแต่อย่างใด ถ้าหากมีอะไรเกิดขึ้นเร่งด่วน เราก็สามารถประสานกันได้ทันที จึงไม่มีปัญหาในเรื่องนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้น พล.ต.อ.อดุลย์ ได้เข้าร่วมรับฟังการสัมมนา โดยในช่วงเช้าเป็นการสัมมนาหัวข้อการเตรียมความพร้อมของสำนักงานตำรวจแห่งชาติกับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน
กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
กระทู้ล่าสุด
รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
