ปลดแรงงานอยุธยา 1 แสนคน

นายทวีกิจ จตุรเจริญคุณ รองประธานด้านแรงงาน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า
 
ในวันที่ 24 พ.ย.นี้จะมีการประชุมประจำเดือนของสมาชิกประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดจะได้ประเมินผลกระทบต่ออัตราการจ้างงานให้ชัดเจนยิ่งขึ้น
จากเบื้องต้นที่ประเมินไว้ในปี 2552 ที่คำสั่งซื้อหรือออเดอร์จะลดลงเฉลี่ย 30% เท่ากับว่าจะมีการปลดคนงานในระบบและแรงงานที่จบการศึกษาใหม่ไม่ มีงานทำรวมกันทั้งสองประเภทรวม 500,000-1 ล้านคน โดยคาดว่าผลกระทบจากออเดอร์ที่ลดลงดังกล่าวจะเริ่มมีผลต่อการจ้างงานภายในไตรมาสแรกของปี 2552 

“ผมได้รับรายงานล่าสุดจากสภาอุตสาหกรรมจังหวัดพระนครศรีอยุธยาเพิ่มเติมถึงจำนวนโรงงานกว่า 200 แห่ง ที่อยู่ในนิคมอุตสาหกรรม 5-6 แห่ง ในพื้นที่เริ่มประสบปัญหาการจ้างงานบ้างแล้ว เนื่องจากมีแนวโน้มออเดอร์ลดลง 25-30% โดยแรงงานทั้งหมดที่มีการจ้างงานอยู่ 300,000 คน ประมาณการว่าจะต้องมีการปลดแรงงานส่วนนี้ถึง 100,000 คน โดยล่าสุดได้มีการขอร้องให้โรงงานต่างๆ ใช้วิธีเจรจาลูกจ้างในการลดเวลาทำงานและลดรายได้การทำงานล่วงเวลาแทนการเลิกจ้าง” 


ทั้งนี้ ส.อ.ท.จะต้องประเมินตัวเลขการปลดคนงานให้ชัดเจนในทุกๆเดือน เพราะค่อนข้างเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว เนื่องจากบางราย ออเดอร์ที่จะเจรจาใหม่ในปีหน้าถูกชะลอออกไปไม่มีกำหนด จากเดิมที่ในสิ้นเดือน พ.ย.ของทุกๆปีก็สามารถตกลงออเดอร์ได้แล้ว หากไม่มีออเดอร์การสั่งซื้อวัตถุดิบก็ต้องยกเลิก สุดท้ายก็วนมาถึงการปลดคนงาน


ด้านนายธนิต โสรัตน์ รองประธาน ส.อ.ท. กล่าวว่า

จากผลสำรวจโรงงานใน จ.พระนครศรีอยุธยา ประกอบด้วยนิคมอุตสาหกรรมสหรัตนนครที่มีโรงงาน 77 แห่ง นิคมฯบางปะอิน 37 แห่ง นิคมฯไฮเทค 76 แห่ง นิคมฯโรจนะ 58 แห่ง นิคมฯแฟคตอรี่แลนด์ (วังน้อย) 8 แห่ง และสวนอุตสาหกรรมอีก 4 แห่ง รวมโรงงานกว่า 200 แห่ง
พบว่าตัวเลขการทำงานล่วงเวลา หรือโอทีลดลง 6% มีการชะลอการบรรจุพนักงานใหม่ 35% มีการปลดคนงานแล้ว 15% ของจำนวนโรงงานที่ตั้งกิจการอยู่


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า

สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ได้สรุปภาวะเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 3 และแนวโน้มเศรษฐกิจในไตรมาส 4 ปี 2551 รวมทั้งการประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2552 เสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐบาลและเอกชน (กรอ.) คาดว่าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจในไตรมาส 3 ปี 2551 ที่ สศช.จะประกาศในวันที่ 24 พ.ย.นี้ จะใกล้เคียงกับไตรมาส 2 อยู่ที่ 5.3% ส่วนแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 4
คาดว่าจะชะลอตัวต่อเนื่องจาก 3 ไตรมาสแรกของปี เพราะยังมีปัจจัยเสี่ยงคือ ความเชื่อมั่นที่ลดลงจากความไม่แน่นอนทาง การเมือง ผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกต่อภาคการเงิน การส่งออก และท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มลดลง รวมถึงแนวโน้มการจ้างงานลดลง จากการปิดกิจการ รวมถึงการลดเวลาทำงาน งดโบนัส และขึ้นเงินเดือน 


ส่วนการประมาณการเศรษฐกิจไทยในปี 2552 คาดว่า

เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มชะลอตัวลง โดยครึ่งปีแรกจะได้รับผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจโลกที่มีผลต่อการส่งออกรุนแรง ขณะที่การลงทุนของเอกชนยังชะลอตัวต่อเนื่อง แต่คาดว่าในช่วงครึ่งหลังของปีจะมีการเร่งรัดการ เบิกจ่ายเงินในโครงการลงทุนของภาครัฐและมีเม็ดเงินลงสู่รากหญ้ามากขึ้น ทำให้เศรษฐกิจโดยรวมขยายตัวดีขึ้น และคาดว่าราคาน้ำมัน ราคาสินค้าโภคภัณฑ์มีแนวโน้มลดลง

ขณะที่ กำลังซื้อในประเทศยังลดลง จะส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อลดลงอยู่ที่ 2.5-3.5% ส่วนอัตราการว่างงานอยู่ที่ 1.5-2.5% โดยเป็นการว่างงานมากกว่าปัจจุบัน 500,000-600,000 คน ทั้งนี้ ในช่วง 8 เดือน ของปี 2551 มีอัตราการว่างงานอยู่ที่ 1.42% หรือเฉลี่ย 530,000 คน จากแรงงานทั้งหมด 37.62 ล้านคน ทั้งนี้ สศช.มองว่า
ในปี 2552 มีเรื่องสำคัญที่ต้องดูแล 6 เรื่อง คือแรงงานที่ถูกเลิกจ้าง การดูแลราคาสินค้าเกษตร การรักษาเสถียรภาพราคาพลังงาน การกระตุ้นการท่อง เที่ยว การเร่งรัดโครงการลงทุนขนาดใหญ่ และการเสริมสภาพคล่องให้ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) 


สำหรับการประมาณการเศรษฐกิจโลก ปี 2552 มีแนวโน้มชะลอตัวลงอย่างชัดเจน เพราะเศรษฐกิจของประเทศหลักทั้งญี่ปุ่น สหรัฐฯ และสหภาพยุโรป จะหดตัวลง ส่งผลกระทบต่อการส่งออกของประเทศในกลุ่มเอเชียอย่างรุนแรง และมีผลให้เศรษฐกิจในเอเชียชะลอตัวลง รวมถึงจีน และอินเดียด้วย โดยคาดว่าเศรษฐกิจโลกจะขยายตัวอยู่ที่ 2.0-2.5% ขณะที่ราคาน้ำมันดิบเคลื่อนไหวอยู่ที่ 60-80 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล.  


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์