ประยุทธ์ย้ำกองทัพต้องรักษาเกียรติศักดิ์ศรีไทย

ผบ.ทบ.รับสั่งแม่ทัพภาค 2 หารือหยุดยิงกับเขมรแล้ว พร้อมสั่งเจ้าหน้าที่เฝ้าระวัง ชี้ทางออกต้องคุยกัน

วันนี้ 28 เม.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  พล.อ.ประยุทธ์  จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก พร้อมคณะเดินทางไปร่วมพิธีพระราชทานเพลิงศพทหารที่เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ บริเวณชายแดนไทย – กัมพูชา ที่ อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์  คือ อาสาสมัครทหารพราน สมคิด โสมศรี ตำแหน่ง ผู้ช่วยพลยิงเครื่องยิงลูกระเบิด กองร้อยทหารพรานที่ 2607 กรมทหารพรานที่ 26 ปฏิบัติราชการในสนามในตำแหน่ง พลยิงเครื่องยิงจรวด ซึ่งเสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่เมื่อ 23 เม.ย.54  ณ พื้นที่ประสาทตาควาย โดยมีพิธีพระราชทานเพลิงศพที่ วัดจุมพลสุธาวาส อ.เมือง จ.สุรินทร์  และร่วมรดน้ำศพ รต.อุทัย หมื่นอภัย นายทหารสังกัดกองพันรบพิเศษที่ 2 กรมรบพิเศษที่ 1  ค่ายวชิราลงกรณ์  จ.ลพบุรี ที่เสียชีวิตจากการปะทะกันในตอนเช้าวันนี้ที่บริเวณปราสาทตาเมือน
 
จากนั้นพล.อ.ประยุทธ์  ให้สัมภาษณ์ภายหลังว่า  วันนี้ไทย-กัมพูชา ได้มีการติดต่อพูดคุยกันจะหาทางอย่างไรให้เหตุการณ์กลับไปสู่ความเป็นปกติโดยเร็วที่สุด

โดยได้สั่งการให้ พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาคที่ 2 ไปหารือกับผู้บัญชาการกองพลภูมิภาคทหารที่ 4 เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา โดยข้อมูลในการหารือคือจะทำอย่างไรไม่ให้เกิดการกระทบกระทั่งเกิดขึ้นมาอีก หรือจะไม่ทำให้เกิดผลกระทบกับประชาชนตามแนวชายแดน รวมถึงการบาดเจ็บสูญเสียของทั้งสองฝ่าย ส่วนข้อตกลงที่ได้ระบุไว้คือตั้งแต่หลังเที่ยงวันนี้เป็นต้นไปจะไม่มีการกระทบกระทั่งและจะไม่ใช้อาวุธหนักต่อกันอีก และขอให้ทั้งสองฝ่ายจัดเจ้าหน้าที่มาเฝ้าระวังดูบริเวณหน้าแนว ว่าฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดเป็นผู้ริเริ่มก่อน  ซึ่งจะต้องใช้เวลาในการเฝ้าระวังถึงพรุ่งนี้เช้า

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า วันนี้ถึงพรุ่งนี้เช้า หากไม่มีการกระทบกระทั่งกันเลย หรือไม่มีการเคลื่อนไหว ไม่มีการใช้อาวุธต่อกันก็คิดว่าสถานการณ์น่าจะคลี่คลาย
 
และทั้งสองฝ่ายน่าจะมาหารือพูดคุยกันในเรื่องอื่น ๆ ได้ แต่เป็นที่น่าเสียใจที่มีการสูญเสียด้วยกันทั้งสองฝ่าย ส่วนไหนจะมากหรือน้อยก็ถือว่าเป็นผลเสียทั้งสิ้น ที่ผ่านมานั้นเราอยากบอกว่าเกิดจากความไม่เข้าใจกับผู้ปฏิบัติ หรือ ผู้บังคับบัญชาอะไรก็แล้วแต่ แต่อยากเรียนกว่าของเรานั้นได้มีการควบคุมกำกับดูแลมาโดยตลอดอย่างต่อเนื่อง กองทัพบกได้มีการบังคับบัญชาไปตามสายการบังคับบัญชาของกองทัพไทย และ กระทรวงกลาโหม และรัฐบาลมาโดยตลอด และยืนยันเราจะไม่เป็นฝ่ายริเริ่มโดยเด็ดขาด เพราะเป็นผลเสียกับประชาชนโดยรวม

“การพบกันครั้งนี้เป็นการพูดคุยกันไม่ได้เป็นการเจรจา ส่วนจะหยุดยิงหรือไม่หยุดยิงถือว่าไม่ใช่การพิจารณา เป็นเพียงการพูดคุยของหน่วยทหารในพื้นที่ สถานการณ์เกิดขึ้นในพื้นที่กระทบกระทั่งจากทหารทั้งสองฝ่ายที่บริเวณปราสาทตาควาย และ ปราสาทตาเมือนธม  ซึ่งเราจะทำอย่างไรเพื่อไม่ให้เกิดความรุนแรงเกิดขึ้นอีก ทั้งนี้หากเกิดความรุนแรงขึ้นมาอีกก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร ถ้าใช้อาวุธ และทำให้ฝ่ายเรามีบาดเจ็บ สูญเสีย หรือ เดือดร้อน เราก็จำเป็นจะต้องใช้อาวุธตอบโต้ ทั้งนี้ต้องจัดเจ้าหน้าที่ไปดูแลกัน ถ้ากัมพูชามั่นใจว่าไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่มก่อนก็จัดคนมาดูแล และกองทัพบกเองจัดฝ่ายเสนาธิการทหารบกจาก กทม. มาดูแลตลอด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการสนับสนุน การใช้กำลังหรือการเคลื่อนย้ายกำลังพลต่าง ๆ ที่มาจากกองทัพอื่นด้วย ไม่ใช่ของกองทัพภาคที่2 เพียงอย่างเดียว ฉะนั้นการปกครอง หรือ การบังคับบัญชาค่อนข้างแน่นแฟ้น”

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เหตุการณ์ที่ยืดเยื้อกันออกมา ก็จะต้องพูดกันว่าจะต้องหารือกันต่อไป ตรงไหนเป็นพื้นที่ที่มีปัญหาก็จะต้องกลับมาสู่การเจรจาจนได้

ไม่ว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งยึดพื้นที่ ด้วยกำลังหรือ สนธิสัญญา หรือ พันธสัญญา จะต้องกลับมาด้วยการเจรจา ตนก็เป็นห่วงหากเหตุการณ์รุนแรงบานปลายออกไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งว่ามี ยูเอ็นเข้ามา หรือ อาเซียน ประเทศที่ 3 เข้ามาจะทำให้เกิดปัญหา ว่าการเจรจาจะทำได้ยากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ท้ายที่สุดก็จะต้องกลับมาเจรจากันอยู่ดี มันก็ตกลงกันไม่ได้อยู่ดี ทั้งนี้ระดับนโยบายยืนยันว่าจะต้องมีการเจรจากันในระดับทวิภาคี เพราะน่าจะคุยกันรู้เรื่องของทั้งสองประเทศหากมีประเทศอื่นเข้ามาพูดจะทำให้ยากขึ้น ซึ่งแน่นอนเขาก็อยากให้ทั้งสองฝ่ายยุติได้โดยเร็ว ก็จะต้องหาวิธีการทำอย่างไรให้ทั้งสองฝ่ายที่เสียผลประโยชน์ด้วยกันทั้งคู่ ถ้าเราพูดกันก็น่าจะตกลงกันได้มากกว่าผลประโยชน์แห่งชาติก็เกิดด้วยกัน ไม่ว่าจะตรงไหนก็ตาม หากตรงไหนตกลงกันไม่ได้ก็น่าจะหาประโยชน์ร่วมกัน แบ่งกันไม่ได้ แบ่งไปต่างคนต่างก็ไม่ยอม ฉะนั้นก็จะต้องไปว่ากันว่าจะแก้ไขกันอย่างไรแต่อยากให้คุยกันสองประเทศมากกว่าแต่ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับสถานการณ์ที่จะแปรเปลี่ยนไป รัฐบาลก็ทำอยู่ กต. หรือ กห. ก็ทำอยู่ ทุกฝ่ายมุ่งไปสู่สันติทั้งนั้น เพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อยของประชาชน

“ เราพยายามทำทุกวิถีทางในการรักษาเกียรติยศศักดิ์ศรีของ ทบ.ไว้ตลอดเวลา เห็นได้ว่าเรามีบาดเจ็บสูญเสีย แน่นอนว่ามีผู้ที่เสียใจด้วยกันทั้งสองฝ่าย ไม่อยากให้เป็นปัญหาต่อไปในอนาคตวันข้างหน้าของประเทศชาติจะอยู่กันอย่างไร ก็จะต้องหาทางแก้ไขในทางสันติ แต่ผมยืนยันหากใช้ความรุนแรงมาเราก็จะต้องใช้ความรุนแรงตอบโต้ไปด้วยความเหมาะสม ส่วนการพูดคุยกับ  พล.อ.เตีย บันห์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมนั้น ต่างฝ่ายต่างก็พยายามพูดคุยกัน เราก็อยากหาทางว่าจะทำอย่างไรไม่ให้เกิดความรุนแรง ก็จะต้องพูดคุยกันโดยเริ่มจากแม่ทัพภาคที่ 2 เนื่องจากสถานการณ์มันเกิดขึ้นในพื้นที่ที่บริเวณปราสาทตาควาย ดังนั้นก็จะต้องแก้กันในท้องที่ก่อน ที่ผ่านมาติดต่อกันไม่ได้ และเขาอาจจะมีปัญหาภายในเองผมไม่ทราบแต่วันนี้แนวโน้มไปในทางที่ดีว่าจะพูดคุยกันกับเรา ผมหวังว่าตั้งแต่เที่ยงวันนี้จนถึงเช้าพรุ่งนี้จะไม่ได้ยินเสียงปืนเกิดขึ้นมาแม้แต่นัดเดียว หากเกิดขึ้นมาก็จะต้องพูดคุยกันอีกรอบ แต่หากไม่มีก็จะต้องคุยกันจับไม้จับมือกับทหารหน้าแนวด้วยกัน ทำความเข้าใจกัน หารือกันอีกครั้ง”


เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์