บีทีเอสไม่ได้ขึ้น แค่เก็บตามอนุมัติ

ขอยับยั้งการปรับค่าโดยสารรถไฟฟ้า


ไม่ได้ขึ้น-แค่เก็บตามอนุมัติ บีทีเอสชี้เพดาน 15- 40 บาท [14 พ.ย. 49 - 04:04]
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 13 พ.ย. ที่ศาลาว่าการ กทม. นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ ได้ยื่นหนังสือถึงนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯ กทม. ขอให้ยับยั้งการปรับค่าโดยสารรถไฟฟ้าของบริษัทระบบขนส่งมวลชน

กรุงเทพ หรือบีทีเอสซีเพิ่มอีก 15 บาท จากเดิม 10-40 บาทเป็น 15-40 บาท ที่บริษัทจะปรับราคาในวันที่ 1 ธ.ค. นี้ เพราะทำให้ประชาชนเสียผลประโยชน์ต้องจ่ายค่าโดยสารแพงขึ้น ทั้งนี้ นายจิตติชัย แสงทอง เลขานุการผู้ว่าฯได้ให้เจ้าหน้าที่มารับเรื่องแทน โดยนายอภิรักษ์กล่าวว่า ได้มอบให้นางบรรณโศภิษฐ์ เมฆวิชัย รองผู้ว่าฯ กทม. ไปหารือกับสำนักการจราจรและขนส่ง (สจส.) ตามข้อร้องเรียนของนายยุทธพงศ์และนัดบีทีเอสมาประชุมให้ได้ข้อสรุปก่อนวันที่ 1 ธ.ค.






ยกเลิกสัญญา 15 บาทตลอดสาย ตั้งคณะกรรมการพิจารณา


นายอาณัติ อาภาภิรม ประธานที่ปรึกษากรรมการบริษัทบีทีเอส เปิดเผยว่า เดิมในสัญญาระบุว่า ค่าโดยสาร รถไฟฟ้า 15 บาทตลอดสาย เมื่อเปิดให้บริการในปี 2535 และปรับเพิ่มได้ตามดัชนีผู้บริโภค แต่ภายหลังมีการต่อเส้นทางและเปลี่ยนอู่จอดรถมาที่หมอชิต ซึ่งบริษัทต้องลงทุนเพิ่มจึงเสนอ กทม.ขอให้เปลี่ยนแปลง

อัตราค่าโดยสาร เพื่อให้เก็บตามเพดานและเก็บตามระยะทาง ซึ่งมีการตั้งคณะกรรมการมาพิจารณามีนายสิปปนนท์เกตุทัต เป็นประธานฯ จนได้ข้อสรุปจะเก็บตามเพดานที่ 15-45 บาท และสามารถปรับได้ตามดัชนีผู้บริโภค 5% แต่ในขณะนั้นมี ส.ก.ได้ยกสัญญาที่ให้เก็บ 15 บาทตลอดสายมาคัดค้านอีก ทำให้ กทม. ได้ตั้งคณะกรรมการพิจารณา และในที่สุดก็เห็นชอบตามคณะกรรมการชุดนายสิปปนนท์ และทำข้อตกลงเพิ่มแนบท้ายสัญญาในสมัยนายพิจิตต รัตตกุล เป็นผู้ว่าฯกทม. ให้เก็บค่าโดยสารตามเพดานดังกล่าว

ค่าไฟแพงขึ้น เริ่ม 15 บาท แต่ไม่เกิน 40 บาท

นายอาณัติกล่าวต่อไปว่า อย่างไรก็ตาม เมื่อรถไฟฟ้าเปิดบริการจริงในปี 2542 บริษัทได้จัดเก็บค่าโดยสารจริงเพียง 10-40 บาท ซึ่งเป็นราคาที่ต่ำกว่าเพดานที่ได้รับอนุมัติ ปัจจุบันเวลาผ่านมา 7 ปี ค่าไฟฟ้าแพงขึ้น 20% ค่าบุคลากรบริหารจัดการเพิ่มขึ้น 62.9% บริษัทจึงขอเก็บค่าโดยสารตามเพดานที่อนุมัติคือ

เริ่มต้นที่ 15 บาท แต่ไม่เกิน 40 บาท ทั้งที่หากคิดตามสัญญาจริงๆตามดัชนีผู้บริโภคบริษัทสามารถปรับค่าโดยสารเพิ่มจากเพดานมาได้แล้วถึง 3 ครั้ง โดยปี 2547 เก็บได้ 16-48 บาท ปี 2548 เก็บได้ 17-51 บาท และเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา เก็บได้ถึง 18-55 บาท แต่บริษัทก็ไม่เก็บเพราะจะกระทบกับผู้ใช้บริการ ซึ่งเฉลี่ยแล้วแต่ละคนจ่ายค่าโดยสารเพิ่มเป็น 23 บาท จากเดิมเฉลี่ย 21 บาท ซึ่งเพิ่ม 10% ไม่ใช่ 50% ทั้งนี้บริษัทยืนยันว่าตามสัญญาและข้อตกลงที่เจรจากันไว้เดิมเมื่อปี 2542 บริษัทสามารถปรับราคาได้ตามสัญญา และยืนยันจะปรับราคาในวันที่ 1 ธ.ค. นี้ ซึ่งจะมีประชาชนที่ได้รับผลกระทบสำหรับผู้ที่ใช้บริการในระยะสั้นๆ แต่หากใช้บริการในระยะ 10 กม. ขึ้นไป ยังจ่ายในอัตราเดิม และหากใช้ตั๋วเดือนก็ยังจ่ายในราคาเดิม นายอาณัติกล่าวสรุป.

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์