“บิ๊กแจ๊ด” สั่งสอบ “โกตี๋” คลายปมเอี่ยวบึ้ม พร้อมเร่งรัดคดีระเบิด

“บิ๊กแจ๊ด” สั่งสอบ “โกตี๋” คลายปมเอี่ยวบึ้ม พร้อมเร่งรัดคดีระเบิด

 

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 22 ม.ค. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น.

พร้อมด้วยพล.ต.ต.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ พล.ต.ต.ฉันทวิทย์ รามสูต  รองผบช.น. พ.ต.อ.กำธร อุ่ยเจริญ ผกก.กลุ่มงานเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด บก.สปพ. และชุดสืบสวนที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันประชุมคลี่คลายคดีระเบิดที่เกิดขึ้นบนถนนบรรทัดทองและอนุสาวรีย์ชัยฯ โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง

ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุม พล.ต.ท.คำรณวิทย์ กล่าวว่า
 
ขณะนี้ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวนายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ หรือโกตี๋ แกนนำคนเสื้อแดงปทุมธานี ไปสอบปากคำ เนื่องจากมีกระแสข่าวตกเป็นผู้เกี่ยวข้องกับเหตุรุนแรงที่เกิดขึ้นกับผู้ชุมนุมกปปส.ในหลายครั้งที่ผ่านมา โดยมอบหมายให้พล.ต.ต.ชยุต ธนทวีรัชต์ รองผบช.น.ซึ่งรับผิดชอบงานด้านสอบสวน เดินทางไปร่วมสอบปากคำ ที่กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดน ภาค 1จังหวัดปทุมธานี เบื้องต้นได้สั่งการให้สอบปากคำอย่างละเอียดว่าในช่วงที่เกิดเหตุนายโกตี๋อยู่ที่ใดบ้าง รวมถึงคดีเก่าๆของนายโกตี๋และเพื่อนฝูงในกลุ่มทั้งหมดว่ามีใครบ้าง เพื่อพิสูจน์ทราบให้เกิดความกระจ่าง ซึ่งนายโกตี๋ก็ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นอย่างดี

พล.ต.ท.คำรณวิทย์ กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่ชุดเคลื่อนที่เร็วสน.บางเขน จับผู้ต้องหาได้ 2 คนพร้อมของกลางระเบิด 23 ลูก

และอาวุธปืนพร้อมเครื่องกระสุนเมื่อกลางดึกที่ผ่านมานั้น ได้สั่งการให้สอบปากคำผู้ต้องหาอย่างละเอียด และขยายผลให้ถึงที่สุด พร้อมทั้งให้ให้อีโอดีไปตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิดดังกล่าวด้วยว่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับสถานการณ์การชุมนุมในขณะนี้หรือไม่

เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ออกมาระบุว่าพอจะรู้ตัวผู้ที่ก่อเหตุปาระเบิดที่อนุสาวรีย์ชัยฯแล้ว
 
พล.ต.ท.คำรณวิทย์ กล่าวว่า เบื้องต้นยังไม่ได้รับการประสานข้อมูลจากผบ.ทบ. แต่การข่าวของผบ.ทบ.น่าจะชัดเจน ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่ดี จะได้เอามาประเมินกับข้อมูลที่ชุดสืบสวนของตำรวจได้มา ไม่ว่าจะเป็นใครหากมีข้อมูลขอให้แจ้งเข้ามาได้ตลอด ตำรวจจะทำการพิสูจน์ทราบ จะได้ช่วยกันคลี่คลายคดีและหาทางป้องกัน

เมื่อถามถึงกรณีที่ส.ต.รชต วงศ์ยอด ทหารสังกัด ร.152 พัน.3 กองพลทหารราบที่ 15 จ.ประจวบคีรีขันธ์

ลูกน้องเก่าของเสธ.แดงออกมาปฏิเสธว่าไม่ใช่บุคคลตามภาพวงจรปิดที่ปาระเบิดใส่เวทีอนุสาวรีย์ชัยฯ และให้สัมภาษณ์เหมือนกับจะรู้ตัวคนร้ายว่าหลบหนีไปอยู่ย่านคลองตันนั้น พล.ต.ท.คำรณวิทย์ กล่าวว่า ตนก็ยังไม่ทราบรายละเอียด มีแต่คนพูดกัน หากรู้ข้อมูลจริงก็อาจจะให้พนักงานสอบสวนประสานไป เพื่อเชิญมาให้ปากคำ ขณะนี้ก็มีประชาชนแจ้งเบาะแสเข้ามาพอสมควร แต่ยังต้องพิสูจน์ทราบให้ชัดเจน ยืนยันว่ามีรางวัลมอบให้จริง บช.น. 5แสน และศอ.รส.อีก 2 แสน รวมเป็น 7 แสน

พล.ต.ท.คำรณวิทย์ กล่าวด้วยว่า ตำรวจพยายามที่จะหาทางป้องกันไม่ให้มีเหตุรุนแรงเกิดขึ้น แต่การประสานงานกับแกนนำและการ์ด

เพื่อที่จะเข้าไปตั้งจุดตรวจร่วมยังไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร ก็ยังต้องเจรจาร่วมกันต่อไป นอกจากนี้เมื่อเกิดเหตุแต่ละครั้งก็พบอุปสรรคต่อการปฏิบัติหน้าที่ เนื่องจากการ์ดและกุล่มผู้ชุมนุมไม่ยอมให้ตำรวจเข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ เมื่อวัตถุพยานหลักฐานถูกเคลื่อนย้ายทุกอย่างก็เปลี่ยน ทำให้ไม่ได้ข้อเท็จจริง ซึ่งคดีระเบิดที่ถนนบรรทัดทองและอนุสาวรีย์ชัยฯ ทางบช.น.กำลังเร่งรัดสืบสวนเพื่อให้ได้ตัวคนร้าย แต่ในภาพรวมของคดีที่เกิดขึ้นทั้งหมด รวมถึงความเชื่อมโยงต่างๆทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยพล.ต.อ.เอก อังสนานนนท์ รองผบ.ตร. เป็นผู้รับผิดชอบ อย่างไรก็ตามแม้ว่าขณะนี้จะมีการประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ก็ไม่ได้หนักใจในการทำงาน แต่ก็ต้องดูนโยบายของพล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. ซึ่งตนอยากให้หันหน้าเข้ามาเจรจากันมากกว่า

ด้านพล.ต.ต.ฐิติราช กล่าวว่า เบื้องต้นตำรวจได้ข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญด้านการตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิดพอสมควร

การสืบสวนทุกอย่างต้องเดินจากที่เกิดเหตุเป็นหลัก ส่วนข้อมูลจากบุคคลอื่นก็นำมาเป็นส่วนประกอบ หลังจากเกิดเหตุอีโอดีระบุว่าระเบิดที่ถนนบรรทัดทองและอนุสาวรีย์ชัยฯเป็นชนิดเดียวกัน โดยเหตุระเบิดที่ถนนบรรทัดทอง อีโอดีได้รับมอบกระเดื่องมาจากบุคคลอื่น ไม่ได้ผ่านการเก็บโดยเจ้าหน้าที่ ทำให้คดีค่อนข้างมีความซับซ้อน จึงต้องพิสูจน์ทราบให้แน่ชัดว่ากระเดื่องตกที่ใดกันแน่ และขณะนี้ยังไม่สามารถระบุได้ว่าคนร้ายเป็นกลุ่มไหน ต้องตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดให้ได้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นก่อนเกิดเหตุหรือหลังเกิดเหตุ

ขณะที่พล.ต.ต.ฉันทวิทย์ กล่าวว่า สำหรับการประสานงานกับแกนนำและการ์ดของเวทีชุมนุมต่างๆทั้ง 7 เวที
 
ขณะนี้จุดที่ได้รับความร่วมมือมากที่สุด มีการคัดกรองคนที่ชัดเจน ส่วนเวทีอื่นๆก็ทำได้เพียงการสังเกตการณ์ แต่ก็พยายามประสานงานเจรจากับเวทีอื่นๆอยู่ตลอด เพื่อความปลอดภัย แต่ก็ยังไม่ได้รับคำตอบ อย่างไรก็ตามต้องขอความร่วมมือไปยังการ์ดและกลุ่มผู้ชุมนุม ว่าหากเกิดเหตุแล้ว ขอให้เจ้าหน้าที่เข้าไปดำเนินการ เพราะพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุสำคัญที่สุด ไม่ควรเข้าไปกันเองเพราะจะทำให้พยานหลักฐานถูกเคลื่อนย้ายหายไป


เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์