นางโฉมศรี ประจันตะเสน อายุ 75 ปี น้องสาวนางฉวีวรรณ ซึ่งอาศัยอยู่บ้านติดกันได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า เห็นนางมณตาในโทรทัศน์และหนังสือพิมพ์ก็จำได้ว่า เป็นผู้หญิงที่อ้างตัวเป็นคุณหญิง และมีคนรับใช้ 2 คน ชายฉกรรจ์อีก 4-5 คน ติดตามตลอดเวลา โดยเดินทางไปไหนมาไหนจะมีรถนำขบวน ถือศีลนุ่งขาวห่มข่าว และทำให้เกิดการผิดใจกันในกลุ่มพี่น้องของตน
นางโฉมศรีกล่าวว่า นางฉวีวรรณได้แต่งงานมา 4 ครั้ง แต่ก็ได้เลิกรากับสามีไปหมดแล้ว ซึ่งเมื่อกลางปี 2544 สามีคนแรกที่แยกทางกันไปนานกว่า 30 ปี ได้กลับมาเยี่ยมนางฉวีวรรณ โดยอ้างว่าทราบข่าวป่วยเป็นมะเร็ง ซึ่งมารดาและญาติได้เตือนนางฉวีวรรณว่า สามีคนแรกได้มีครอบครัวใหม่แล้ว แต่นางฉวีวรรณก็ได้อนุญาตให้สามีคนแรกเข้ามาอยู่ในบ้านด้วย
หลังจากนั้นไม่นาน สามีคนแรกก็พานางมณตามารู้จักกับนางฉวีวรรณ ซึ่งต่อมาทั้งสามได้มีเหตุทะเลาะกับแม่ของนางฉวีวรรณจนถึงขั้นไล่ออกจากบ้าน ต่อมามีคนเห็นนางมณตา ขนตู้เซฟของมารดาออกจากบ้าน ข้างในมีทองรูปพรรณหนัก 30 บาท ตนกับมารดาจึงไปแจ้งความ วันเดียวกันนางมณตาให้ลูกน้องนำตู้เซฟมาคืน แต่ทองรูปพรรณข้างในเป็นของจริงแค่ 5 บาท ซึ่งขณะนั้นทุกคนต่างกลัวอิทธิพล เกรงจะได้รับอันตรายหากโวยวาย จึงได้แต่นิ่งเงียบไม่กล้าพูด
กระทั่งเมื่อวันที่ 2 ธ.ค. 2546 นางมณตาโทรศัพท์มาบอกว่า นางฉวีวรรณเสียชีวิตแล้ว แต่นัดทำพิธีฌาปนกิจศพเพียง 1 วัน ที่วัดศรีสว่าง อ.สว่างแดนดิน โดยญาติพี่น้องไม่ได้ไปร่วมพิธีเลย เถ้ากระดูกก็ไม่ได้นำกลับมา โดยก่อนหน้านั้น 7 วัน สามีคนแรกของนางฉวีวรรณและนางมณตา ได้พานางฉวีวรรณเดินทางออกจากบ้าน โดยอ้างว่าพาไปรักษาที่ อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร ซึ่งส่วนตัวเชื่อว่าเดินทางไปโอยที่ดิน เพราะภายหลังทราบว่า ที่ดินของบ้านพักนางฉวีวรรณได้ถูกโอนเป็นชื่อของสามีคนแรก จากนั้นได้ทราบว่าได้มีการขายบ้านไปให้เจ้าของใหม่ ซึ่งพอเห็นข่าวของนางมณตาในสื่อ จึงได้ร้องเรียนไปยังทนายความให้ช่วยสืบหาความจริงของเรื่องที่เกิดขึ้น
กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
กระทู้ล่าสุด
รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
