ธ.โลกชี้ ศก.อาเซียนปีนี้หดตัวกว่าครึ่งของสถิติปี 50

รายงานประกอบการประชุมธนาคารโลกในรอบ 6 เดือนแรกของปี 2552 เผยแพร่เมื่อ  6 เม.ย.

ระบุกลุ่มประเทศแถบเอเชียตะวันออกซึ่งเคยได้รับการยกย่องเรื่องอัตราขยายตัวทางเศรษฐกิจ ได้แก่ ไทย มาเลเซีย เวียดนาม และอินโดนีเซีย จะประสบภาวะอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจชะลอตัวลงกว่าครึ่งหนึ่งของอัตราการเติบโตเมื่อปี
2550 โดยประเมินว่าอัตราเฉลี่ยการเติบโตสูงสุดจะอยู่ที่ 5.3  เปอร์เซ็นต์ ลดลงจากสถิติ 8 เปอร์เซ็นต์เมื่อปีที่แล้วและ 11.4 เปอร์เซ็นต์เมื่อปี 2551
 ธนาคารโลกคาดการณ์ว่าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยจะหดตัวอย่างรุนแรงที่สุดในแถบเอเชียตะวันออก โดยคาดว่าจะหดตัว 2.7 เปอร์เซ็นต์ จากเดิม 2.6 เปอร์เซ็นต์เมื่อปีที่แล้ว ซึ่งภาวะเศรษฐกิจตกต่ำของไทยเกิดจากปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองส่งผลกระทบต่อธุรกิจการท่องเที่ยว   

ขณะเดียวกัน สถิติคนยากจนที่มีเงินรายได้ต่อวันต่ำกว่า 1.25 ดอลลาร์ (ประมาณ 44 บาท) ในไทย มาเลเซีย กัมพูชา และติมอร์ตะวันออก จะเพิ่มสูงขึ้น

อีกอย่างมีนัยสำคัญและจำนวนประชากรที่มีระดับความเป็นอยู่ต่ำกว่ามาตรฐานในเอเชียตะวันออกมีประมาณ
10 ล้านคน แต่ถือว่าต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้เมื่อปีที่แล้ว
ส่วนปัจจัยที่ทำให้ภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของภูมิภาคชะลอตัว ได้แก่ อัตราการส่งออกสินค้าลดลงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลกระทบต่ออัตราการจ้างงาน เพราะมีโรงงานปิดตัวเป็นจำนวนมาก ทำให้แรงงานถูกเลิกจ้าง รวมถึงพนักงานหลายตำแหน่งถูกลดอัตราเงินเดือน   

เนื้อหาในรายงานธนาคารโลกระบุด้วยว่า อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของจีนจะเพิ่มขึ้นประมาณ
6.5
เปอร์เซ็นต์ในปีนี้

ซึ่งน้อยกว่าอัตราการขยายตัว
9 เปอร์เซ็นต์ในปี 2551 แต่ถือเป็นอัตราสูงสุดเมื่อเทียบกับภาวะเศรษฐกิจในประเทศอื่นๆ ที่อยู่ในแถบเอเชียตะวันออก
นอกจากนี้ จากการที่รัฐบาลจีนได้ประกาศเพิ่มกำลังการผลิตและเพิ่มงบประมาณอัดฉีดธุรกิจภายในประเทศ ทำให้ธนาคารโลกคาดการณ์เศรษฐกิจจีนน่าจะเริ่มฟื้นตัวได้ช่วงปลายปีนี้และอาจมีส่วนฉุดให้  

เศรษฐกิจในเอเชียฟื้นตัวได้รวดเร็วขึ้น  เพราะจีนถือเป็นประเทศเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับ
3 ของโลก รองจากสหรัฐฯและญี่ปุ่นเท่านั้น.
 

เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์