บ่อดินที่มีการขุดดิน จนกลายเป็นหลุมดำยักษ์ขนาดใหญ่ถือว่าผิดกฎหมาย
ที่อนุญาตให้ขุดดินลึกได้ไม่เกิน 3 เมตร บนพื้นผิวไม่เกิน 10,000 ตารางเมตรเท่านั้น ซึ่งพื้นที่ใน ต.หนองไข่น้ำ แห่งนี้ พบว่า มีพื้นที่กว่า 200 ไร่ มีจำนวนหลายหลุม บ่อลึกที่สุด ลึกกว่า 10 เมตร ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า อ.เมืองนครราชสีมา มีบ่อดินมากกว่า 50 บ่อ โดย พ.อ.สมหมาย ได้บอกกับผู้ประกอบการรับขุดดิน เพื่อหารือถึงการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น เพราะเกิดความเสียหายต่อที่ดินทำกิน และธรรมชาติอย่างรุนแรง
เบื้องต้น ได้เสนอให้ปรับพื้นที่ เป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่
พร้อมทำให้หลุมยักษ์เหล่านี้ กลายเป็นทะเลสาบเก็บกักน้ำ เพื่อนำไปใช้หากขาดแคลนน้ำในอนาคต ซึ่งทางผู้ประกอบการไม่ขัดข้อง แต่มีบางส่วนเท่านั้นที่บอกว่า มีแผนที่จะพัฒนาปรับปรุงพื้นที่ของตัวเองอยู่แล้ว โดยข้อสรุปในการพูดคุยกันคือ ผู้ประกอบการขุดบ่อดิน จะกลับไปวางแผน และสร้างโมเดลพัฒนา มาเสนอ พ.อ.สมหมาย อีกครั้ง เพื่อแก้ปัญหาเรื่องนี้ในสิ้นสุดโดยเร็ว
ขณะที่ อีกจุดหนึ่งพบนายทุนบุกรุกขุดดินในพื้นที่ สปก. ไปขาย ใน ต.ไชยมงคล อ.เมือง จ.นครราชสีมา ซึ่งมีเนื้อที่กว่า 300 ไร่
ความเสียหายนับหมื่นล้านบาท ล่าสุด ตำรวจภูธรโพธิ์กลาง ได้รับแจ้งความจากปฏิรูปที่ดิน จ.นครราชสีมา แล้ว ขณะนี้สอบปากคำผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่เกิดเหตุไปแล้ว 1 คน และเตรียมที่จะเรียกผู้ใหญ่บ้านใกล้เคียง กำนัน ชาวบ้าน และปฏิรูปที่ดินจังหวัด มาสอบปากคำเพิ่มเติม ส่วนการสืบหาตัว พ.ต.อ.เกื้อ ผู้ครอบครองที่ดินเดิม ขณะนี้ทราบแล้วว่า มีตัวตนอยู่จริง ปัจจุบันอยู่ที่ จ.สระแก้ว เกษียณอายุราชการแล้ว จึงยังไม่สามารถระบุได้ว่า มีส่วนรู้เห็นกับการลักลอบขุดดินครั้งนี้หรือไม่ เพราะไม่ได้อยู่ในพื้นที่มานานกว่า 20 ปีแล้ว
ทั้งนี้ วันที่ทหารลงตรวจสอบพื้นที่ ไม่พบผู้ต้องหาแม้แต่รายเดียว ในส่วนของผู้ลักลอบขุดดินไปขาย
ตำรวจมีเพียงชื่อจากการร้องทุกข์ของปฏิรูปที่ดินจังหวัดเท่านั้น คือ "เสี่ยยุ้ย" ซึ่งมีตัวตนอยู่จริง แต่พยานหลักฐานอื่นยังไม่มี จึงไม่สามารถแจ้งความดำเนินคดีได้ อย่างไรก็ตาม ภายใน 1-2 สัปดาห์นี้ ตำรวจจะเรียกตัว พ.ต.อ.เกื้อ และ "เสี่ยยุ้ย" มาสอบปากคำในฐานะพยาน
กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
กระทู้ล่าสุด
รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
