ถวายการผ่าตัดแล้ว ปลอดภัย พลังใจล้นแผ่นดิน

ประชาชนไทยทั่วทั้งแผ่นดินพร้อมใจกันใส่เสื้อสีเหลืองอีกครั้ง แสดงพลังแห่งความจงรักภักดีและร้อยใจเป็นหนึ่งเดียวตั้งจิตภาวนาอธิษฐานส่งกำลังใจ

ถวายพระพรแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ให้หายจากพระอาการประชวรและทรงมีพระพลานามัยแข็งแรงโดยเร็ว เพื่อเป็นมิ่งขวัญของปวงพสกนิกรไทยสืบต่อไปตราบนานเท่านาน

ในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเข้ารับการถวายรักษาผ่าตัด ขยายช่องทางเดินประสาท ของพระปิฐิกัณฐกัฐิ (กระดูกสันหลัง) ระดับบั้นพระองค์ โดยใช้กล้องจุลทัศน์ (Microsurgical decompression) ณ โรงพยาบาลศิริราชในวันที่ 20 ก.ค.

ใส่เสื้อเหลืองสะพรั่งอีกครั้ง

ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่หน้าศาลาศิริราช 100 ปี ตั้งแต่ช่วงเช้าวันที่ 20 ก.ค. ชมรมพุทธ โรงพยาบาลศิริราช นักศึกษาแพทย์และประชาชนจำนวนมาก ต่างพร้อมใจใส่เสื้อเหลืองและติดเข็มกลัดตราสัญลักษณ์ฉลองครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี

ร่วมใส่บาตรพระสงฆ์ถวายเป็นพระราชกุศล และขอพรให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงหายจากพระอาการประชวร โดยในจำนวนนี้มีบุคคลสำคัญ อาทิ นายแก้วขวัญ วัชโรทัย เลขาธิการพระราชวัง ท่านผู้หญิงเพ็ญศรี วัชโรทัย ภริยา ร่วมตักบาตรและถวายสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก ขอพรด้วย

แห่เฝ้ารับเสด็จแน่นขนัดศิริราช

จากนั้น ตลอดช่วงสายจนถึงบ่าย ประชาชนจากทั่วสารทิศ ได้ทยอยมาชุมนุมกันบริเวณลานพระบรมราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก และบริเวณระเบียงทางเดินหน้าอาคารเฉลิมพระเกียรติกันอย่างไม่ขาดสาย จนพื้นที่บริเวณดังกล่าวแน่นขนัดไปด้วยผู้คนที่สวมใส่เสื้อสีเหลืองเพื่อเฝ้ารอรับเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอย่างใกล้ชิด


แม้ว่าก่อนหน้านี้สำนักพระราชวัง และโรงพยาบาลศิริราช จะออกประกาศแจ้งว่า ประชาชนที่มีความประสงค์จะร่วมลงนามถวายพระพร และถวายความจงรักภักดี แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สำนักพระราชวังได้เตรียมเปิดศาลาสหทัยสมาคม ในพระบรมมหาราชวัง ให้ประชาชนลงนามถวายพระพรและถวายความจงรักภักดีตั้งแต่วันที่ 21 ก.ค. 2549 เวลา 08.30-16.30 น. และโรงพยาบาลศิริราช ได้จัดเตรียมสถานที่ลงนามไว้ ณ ศาลาศิริราช 100 ปี ในวันและเวลาเดียวกัน


คณะแพทย์กราบพระบรมชนก-สมเด็จย่า



ต่อมาเวลา 10.00 น. ศ.น.พ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา ผอ.โรงพยาบาลศิริราช ได้นำคณะแพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบในการถวายการรักษาพระอาการประชวรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

เข้าสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก และพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระศรีนครินทรา บรมราชชนนี บริเวณศาลา 100 ปี โรงพยาบาลศิริราช เพื่อขอพร ให้การถวายการผ่าตัดรักษาสำเร็จลุล่วงด้วยดี

จากนั้นทีมแพทย์และพยาบาลต่างพร้อมใจกันเปล่งเสียงคำว่า พร้อม อย่างไรก็ตาม ผอ.รพ.ศิริราชปฏิเสธที่จะเปิดเผยถึงขั้นตอนในการถวายการรักษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยกล่าวเพียงสั้นๆ ว่า คณะแพทย์มีความพร้อม ส่วนเรื่องการจัดการด้านต่างๆนั้น จะเป็นหน้าที่ของสำนักพระราชวัง

ฟ้าหญิงจุฬาภรณฯตรวจความเรียบร้อย

กระทั่งเวลา 11.30 น. สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เสด็จยังชั้น 16 อาคารเฉลิมพระเกียรติ รพ.ศิริราช เพื่อทรงตรวจความเรียบร้อยของสถานที่บริเวณชั้นที่ 15 และ 16 ที่ใช้ประทับรักษาพระวรกายของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และรอเฝ้า รับเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งจะเสด็จพระราชดำเนินมายังโรงพยาบาลศิริราช ในช่วงบ่าย เพื่อเข้ารับการถวายการผ่าตัดพระปิฐิกัณฐกัฐิ

นักเรียน-นักข่าวรับเสด็จแน่นถนน

จนเวลา 13.55 น. ขบวนรถยนต์พระที่นั่งของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้เคลื่อนออกจากวังสวนจิตรลดา ผ่านลานพระบรมรูปทรงม้า มาตามถนนราชดำเนินนอก ขณะถึงหน้ากระทรวงศึกษาธิการ ได้มีข้าราชการกระทรวงศึกษาธิการ รวมทั้งลูกจ้างและบรรดาผู้สื่อข่าวประจำกระทรวง ซึ่งทุกคนพร้อมใจกันสวมเสื้อสีเหลือง และเด็กนักเรียนจากโรงเรียนราชวินิต โรงเรียนวัดมกุฏกษัตริยาราม รวมทั้งนักศึกษาจากสถาบันเทคโนโลยีราชมงคล วิทยาเขตพาณิชยการพระนคร กับประชาชนเป็นจำนวนมาก มายืนเฝ้าส่งเสด็จไปยังโรงพยาบาลศิริราช กันแน่นขนัด 2 ฝั่งถนน


ทรงถ่ายรูปประชาชน 2 ข้างทาง



โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวประทับรถยนต์พระที่นั่ง ที่สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงขับถวาย มาพร้อมด้วยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เมื่อเห็นประชาชนมาเฝ้ารับเสด็จ พร้อมส่งเสียงถวายพระพรว่าทรงพระเจริญกัน 2 ฝั่งถนน


พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงหยิบกล้องดิจิตอลขึ้นมาทรงถ่ายรูปประชาชนด้วยพระพักตร์แจ่มใส ขณะที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ทรงมีพระพักตร์ยิ้มแย้ม ถัดจากขบวนรถของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นขบวนรถของพระบรมวงศานุวงศ์ และขณะที่ขบวนรถได้เลี้ยวขวาที่แยก จปร. เพื่อข้ามสะพานพระราม 8 มุ่งตรงไปยังโรงพยาบาลศิริราช ได้มีข้าราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กับประชาชนในย่านนั้น เฝ้ารับเสด็จกันเป็นจำนวนมากเช่นกัน

พระองค์โสมฯนำช่อดอกไม้ถวายพระพร

เวลา 14.00 น. ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญาฯ และพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ เสด็จยังอาคารเฉลิมพระเกียรติ เพื่อรอรับเสด็จ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โ


ดยพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุทรงนำช่อดอกไม้มาถวายพระพรด้วย และในเวลา 14.15 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯถึงอาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช ตามด้วยขบวนรถของพระบรมวงศานุวงศ์

ซึ่งสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณ วลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้า โสมสวลีฯ และทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี เฝ้ารับเสด็จ

พร้อมด้วย ศ.น.พ. ปิยะสกล สกลสัตยาทร คณบดีคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล รับเสด็จ ท่ามกลางประชาชนจำนวนมากที่สวมเสื้อเหลืองต่างเบียดเสียดเพื่อได้เฝ้ารับเสด็จอย่างใกล้ชิด บริเวณระเบียงทางเดินหน้าอาคารเฉลิมพระเกียรติ


พสกนิกรร่ำไห้ด้วยความห่วงใย



หลังจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งอยู่ในชุดฉลองพระองค์เสื้อเชิ้ตลายสีฟ้าน้ำทะเล เสื้อสูทสีเหลืองคลุมทับ เสด็จลงจากรถพระที่นั่ง และทรงถือกล้องถ่ายรูป ระหว่างทางที่เสด็จฯไปขึ้นห้องประทับบนอาคารเฉลิมพระเกียรติ ได้ทอดพระเนตรเห็นช่างภาพจำนวนมากกำลังบันทึกภาพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ขณะเข้ารักษาพระองค์ ได้ทรงยกกล้องขึ้นมาถ่ายบรรดาช่างภาพและผู้มารอเฝ้ารับเสด็จด้วยพระพักตร์แจ่มใส

ขณะที่ประชาชนที่เฝ้ารับเสด็จฯได้พากันเปล่งเสียงถวายพระพรทรงพระเจริญอย่างกึกก้องทั่วบริเวณ โดยมีนายพินิจ จารุสมบัติ รมว. สาธารณสุข มาเฝ้ารับเสด็จฯ ถวายความจงรักภักดี พร้อมกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รมช.สาธารณสุข นายปรีชา เลาหพงศ์ชนะ รมช.พาณิชย์ นายวัชระ พรรณเชษฐ์ ผู้ช่วย รมต.สาธารณสุข นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯ กทม. และคุณหญิงณฐนนท ทวีสิน ปลัด กทม. ขณะที่ประชาชนอีกจำนวนมาก พากันร่ำไห้ออกมาด้วยความปลื้มปีติและห่วงใยในองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอย่างหาที่สุดมิได้

ทุกพระองค์พร้อมพระทัยใส่สีเหลือง

จากนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ซึ่งยังทรงอยู่ในช่วงของการพักฟื้นจากการผ่าตัดสายพระเนตรเมื่อเร็วๆ นี้ และทรงสวมแว่นตาดำเพื่อป้องกันแสงแดดและลม สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ ซึ่งทรงอุ้มพระอนุชา พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ ไว้ในอ้อมพระกร และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ ได้เสด็จ ขึ้นลิฟต์ไปยังชั้น 16 อาคารเฉลิมพระเกียรติ โดยทุกพระองค์ต่างพร้อมพระทัยสวมฉลองพระองค์สีเหลือง


พินิจ นำ รมช.ร่วมจงรักภักดี



หลังจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จขึ้นตึกเฉลิมพระเกียรติไปยังห้องประทับก่อนเข้ารับการถวายการผ่าตัดรักษาพระองค์แล้ว เหล่าประชาชนนับหมื่นคนที่มาเฝ้าฯรับเสด็จฯได้พร้อมใจกันมายืนที่ลานพระบรมราชานุสาวรีย์พระบรมราชชนก

พร้อมกับแหงนหน้ามองขึ้นไปที่ชั้น 16 ตึกเฉลิมพระเกียรติ ตรงบริเวณห้องที่ประทับของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมเปล่งเสียงร้องเพลงสดุดีมหาราชาอย่างกึกก้อง พร้อมโบกธงชาติและธงเหลืองสัญลักษณ์งานครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี

โดยมีนายพินิจ จารุสมบัติ รมว.สาธารณสุข มาร่วมร้องเพลงเป็นการแสดงความจงรักภักดี พร้อมด้วยนายอนุทิน ชาญวีรกูล รมช.สาธารณสุข นายปรีชา เลาหพงศ์ชนะ รมช.พาณิชย์ นายวัชระ พรรณเชษฐ์ ผู้ช่วย รมต.สาธารณสุข นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯ กทม. และเมื่อทุกคนร้องเพลงจบ ได้ร่วมกันเปล่งเสียงถวายพระพรว่าทรงพระเจริญอย่างกึกก้องอีกครั้ง


พระบรมฯอุ้มพระองค์ทีโบกพระหัตถ์



ขณะเดียวกัน ที่บริเวณหน้าต่างห้องที่ประทับ ชั้น 16 อาคารเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงอุ้มพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ เปิดผ้าม่านห้องที่ประทับ ออกมาโบกพระหัตถ์ให้ประชาชนที่อยู่ด้านล่าง

บริเวณลานพระบรมราชานุสาวรีย์พระบรมราชชนก โดยมีสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ ประทับยืนทอดพระเนตรประชาชนที่เฝ้าถวายความจงรักภักดี และทรงโบกพระหัตถ์ ให้ประชาชนด้วย สร้างความปลาบปลื้มแก่ประชาชนผู้เฝ้ารอชมพระบารมีและเฝ้ารอฟังข่าวคราวพระอาการของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ลานพระบรมราชานุสาวรีย์ฯกันอย่างไม่ยอมเคลื่อนย้ายไปไหน

ชาวแปดริ้วทำบุญถวายพระกุศล

นางจิราภรณ์ ฉายแสง ภริยา รมว.ศึกษาธิการ ในฐานะนายกพุทธสมาคมฉะเชิงเทรา ซึ่งนำชาวฉะเชิงเทราจำนวนหนึ่ง มารอเฝ้ารับเสด็จ ที่หน้ากระทรวงศึกษาธิการ พร้อมกับข้าราชการกระทรวงศึกษาธิการด้วย กล่าวว่า ประชาชนคนไทยรู้สึกกังวลใจมาก อยากเจ็บป่วยแทนพระองค์ท่าน และขอถวายกำลังใจแด่ในหลวง พร้อมกับขอถวายพระพรให้ทรงหายจากอาการประชวรโดยเร็วที่สุด ซึ่งพุทธสมาคมฉะเชิงเทรา ได้เชิญชวนพุทธศาสนิกชนในจังหวัดร่วมกันสวดมนต์ภาวนาจิต ทำบุญถวายเป็นพระราชกุศลทุกวัน จนกว่าจะเสด็จพระราชดำเนินออกจากโรงพยาบาลศิริราช


ขอพรพระบรมราชชนกคุ้มครองในหลวง



ขณะที่นางณัฐวรรณ แดงจำรูญ อายุ 70 ปี อยู่บ้านเลขที่ 23/5 แขวงและเขตจอมทอง หนึ่งในประชาชนที่มาคอยเฝ้ารับเสด็จ ที่โรงพยาบาลศิริราช กล่าวว่า เดินทางมาจากบ้าน ตั้งใจมาเฝ้ารอรับเสด็จ แต่เสียดายที่ไม่ได้เห็นในหลวง เนื่องจากมีประชาชนมาเป็นจำนวนมาก แต่ก็ได้ร่วมร้องเพลงสดุดีมหาราชาและกราบขอพรพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระมหิตลาธิเบศรฯ ให้ทรงคุ้มครองในหลวงให้หายจากพระอาการประชวรและอยู่เป็นมิ่งขวัญของประชาชนตลอดไป

ภาวนาให้การผ่าตัดลุล่วงด้วยดี

เช่นเดียวกับนายเจริญ ศรีศักดิ์ชัย อายุ 68 ปี ข้าราชการเกษียณ เดินทางมาจากอำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี กล่าวว่า ตั้งใจมารอรับเสด็จ ตั้งแต่ช่วงเช้า แต่พอในหลวงเสด็จฯมาถึง ได้เห็นพระองค์ท่านทรงมีพระพักตร์สดชื่นและทรงพระดำเนินด้วยพระองค์เอง ทำให้รู้สึกคลายความวิตกกังวลลงไปบ้าง ตนได้แต่ภาวนาให้การผ่าตัดครั้งนี้จงผ่านพ้นไปด้วยดี และขอให้ พระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

องค์หริภาเยี่ยมพระอาการสมเด็จตา

ต่อมาเวลาประมาณ 15.00 น. คณะแพทย์ที่ถวายการผ่าตัด ได้นำพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จากห้องที่ประทับ ชั้น 16 ตึกเฉลิมพระเกียรติ ไปยังห้องผ่าตัด ที่ชั้น 3 ตึกสยามินทร์ ตรวจพระวรกายเพื่อเตรียมถวายการผ่าตัดในเย็นวันเดียวกัน จากนั้นในเวลาประมาณ 15.21 น. พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ เสด็จมาทรงเยี่ยมพระอาการของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ครู่หนึ่งจึงเสด็จกลับ และเสด็จมาอีกครั้งในเวลา 17.50 น. ในเวลาไล่เลี่ยกัน พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ได้เดินทางมารอฟังผลการถวายการผ่าตัดพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจากคณะแพทย์

คลื่นชนร่วมสวดมนต์ส่งกระแสจิต

แม้ว่าเวลาผ่านเข้าสู่ช่วงค่ำ แต่ประชาชนจำนวนมากก็ยังไม่ยอมเดินทางกลับ ยังเฝ้ารอดูอาการของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้วยความห่วงใย ที่ลานพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก และในเวลา 18.30 น. ประชาชนทั้งหมดได้ร่วมกันสวดมนต์ส่งกระแสจิตถวายพระพรแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ให้การผ่าตัดครั้งนี้ผ่านพ้นลุล่วงไปด้วยดี

สั่งตั้งโต๊ะลงนามถวายพระพรทั่ว ปท.

เช้าวันเดียวกัน ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการตั้งโต๊ะลงนามถวายพระพรแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้า อยู่หัวในช่วงที่ทรงเข้ารับการถวายการผ่าตัดขยายช่องทางเดินประสาทของพระปิฐิกัณฐกัฐิที่โรงพยาบาลศิริราช ว่า ได้มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทย และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.)

ขอให้ทุกจังหวัด ทุกอำเภอ เทศบาล รวมทั้งองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ตั้งโต๊ะเชิญชวนประชาชนมาลงนามถวายพระพร เชื่อว่าจะมีประชาชนมาถวายพระพรเกิน 10 ล้านคนเป็นอย่างน้อย เมื่อได้รายชื่อมาแล้ว จะนำขึ้นทูลเกล้าฯถวายเพื่อเป็นกำลังพระทัยแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวให้ทรงหายประชวรโดยเร็ว จึงอยากจะเชิญชวนพี่น้องและประชาชนที่มีความจงรักภักดี และมีความห่วงใยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ไปลงนามถวายพระพรกันอย่างทั่วถึง และรัฐบาลจะนำสมุดถวายพระพรทั่วประเทศนำขึ้นทูลเกล้าฯถวายต่อไป


พระสงฆ์สวดมนต์ทั่วทั้งแผ่นดิน



ด้าน พล.อ.อ.คงศักดิ์ วันทนา รมว.มหาดไทย กล่าวว่า อยากเชิญชวนประชาชนให้ส่งกำลังใจทั้งหมด เพื่อเป็นพลังที่ทำให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงหายจากอาการประชวรโดยเร็ว และทรงเจริญพระชนมายุ ยิ่งยืนนาน ซึ่งกระทรวงมหาดไทยจะตั้งโต๊ะให้ประชาชนมาลงนามถวายพระพร ทั้งที่องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) เทศบาล และสถานที่ราชการของกระทรวงทุกแห่ง โดยสามารถไปลงนามถวายพระพรได้จนถึงวันที่ 21 ก.ค.นี้ โดยสมุดที่ประชาชนลงนามทั้งหมดจะนำขึ้นทูลเกล้าฯถวายพระองค์ ท่านต่อไป นอกจากนี้ ช่วงเย็นวันที่ 20 ก.ค. กระทรวงมหาดไทยได้ร่วมกับมหาเถรสมาคม ทำพิธีเจริญพระพุทธมนต์ทั้งใน กทม. ที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) และทั่วประเทศพร้อมกันด้วย

มหาเถรฯสวดโพชฌงค์พระปริตร

เย็นวันเดียวกัน พระธรรมกิตติเมธี โฆษกมหาเถรสมาคม เผยว่า มหาเถรสมาคมมีมติให้การสวดเจริญพระพุทธมนต์ เนื่องในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้า อยู่หัวทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ที่จะมีขึ้นในวันที่ 24 ก.ค.นี้ ที่พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เป็นการสวดถวายพระพรให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวหายจากพระอาการประชวรด้วย

โดยจะเน้นการสวดบทโพชฌงค์พระปริตร ซึ่งเป็นบทสวดที่ใช้ป้องกันและรักษาโรคภัยไข้เจ็บและจะมีการแจกบทสวดโพชฌงค์ฯให้กับประชาชนที่เข้าร่วมในพิธี นำกลับไปสวดถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่บ้านด้วย โดยจะเริ่มพิธีตั้งแต่เวลา 17.00 น. และจะมีพระสงฆ์ระดับพระสังฆาธิการ ในเขต กทม. และปริมณฑลกว่า 500 รูป เข้าร่วมพิธี ส่วนในต่างจังหวัดก็ให้แต่ละวัดปฏิบัติเช่นเดียวกันในวันและเวลาดังกล่าวด้วย

วัดพระศรีฯภาวนาถวายในหลวง

เวลาเดียวกันที่อุโบสถวัดพระศรีมหาธาตุ บางเขน คณะสงฆ์คณะธรรมยุตประมาณ 200 รูป นำโดยพระเทพญาณกวี เจ้าอาวาสวัดพระศรีมหาธาตุและเจ้าคณะภาค 8 ได้นำประชาชนที่พร้อมใจกันใส่เสื้อสีเหลืองประมาณ 2,000 คน

ในจำนวนนี้มี ร.ต.อ.นรบดี ศศิประภา หรือ ก้อง สามีของหมิว-ลลิตา ศศิประภา ดาราชื่อดังเข้าร่วมพิธี เจริญพระพุทธมนต์โพชฌงค์ปริตร เจริญจิตภาวนาถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้า อยู่หัวให้ทรงมีพระพลานามัยที่สมบูรณ์แข็งแรงและทรงเป็นมิ่งขวัญของปวงชนชาวไทยตลอดกาลนานด้วย ทั้งนี้ ในการเจริญพระพุทธมนต์โพชฌงค์ปริตร คณะสงฆ์ ได้ร่วมกันสวดถึง 9 จบ ใช้เวลาประมาณชั่วโมงครึ่ง นอกจากนั้น ประชาชนยังได้ร่วมกันลงนามถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว


พสกนิกรแห่ลงนามถวายพระพร



ในส่วนการลงนามถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตามจังหวัดต่างๆได้จัดสมุดลงนามถวายพระพรตามสถานที่ราชการหลายแห่ง เช่น ศาลากลางจังหวัด ที่ว่าการอำเภอ ที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบล โรงพยาบาล สถาบันการศึกษา ค่ายทหาร สำนักงานตำรวจภูธรภาค มีประชาชนสวมเสื้อสีเหลืองมาลงนามอย่างไม่ ขาดสาย ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏลพบุรี จังหวัดลพบุรี มี ข้าราชการ ประชาชน นักเรียนและนักศึกษากว่า 600 คนร่วมปฏิบัติธรรม พระสงฆ์ 18 รูป นำสวดมนต์ภาวนาส่งจิตอธิษฐานให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงหายประชวรโดยเร็ว


เช่นเดียวกับที่เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี ประชาชนร่วมลงนามถวายพระพรตามสถานที่ราชการ ขณะที่ภาคเอกชนหลายแห่งก็ร่วมแสดงความจงรักภักดีจัดสมุดให้ลงนาม โดยที่หน้าห้างสรรพสินค้าไมค์ช็อปปิ้งมอลล์ ถนนพัทยาสาย 2 นายสุรัตน์ เมฆะวรากุล ประธานสภาวัฒนธรรมอำเภอบางละมุง และประชาชนในพื้นที่ทำพิธีถวายพระพร มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าร่วมด้วย

คนเชียงรายนั่งสมาธิถวาย

ภาคเหนือ ที่จังหวัดเชียงราย บริเวณถนนบรรพ-ปราการ ในตัวเมือง ประชาชนกว่าหนึ่งพันคน สวมเสื้อสีเหลืองร่วมตักบาตรพระสงฆ์ 109 รูป โดยจะมีการตักบาตรทุกวัน จนกว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะหายประชวร

ขณะเดียวกัน ที่อาคารสมเด็จพระพุทธ-ชินวงศ์ วัดพระแก้ว อ.เมืองเชียงราย นายอุดม พัวสกุล ผวจ.เชียงราย ร่วมกับข้าราชการและประชาชนกว่า 500 คน สวดเจริญเมตตาจิตภาวนาและนั่งสมาธิประกอบพิธีตามความเชื่อของชาวเหนือและชาวล้านนา ถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว นางสมศรี คุ้มวงค์ อายุ 67 ปี ราษฎร ต.รอบเวียง อ.เมืองเชียงราย กล่าวว่า ได้นุ่งขาวห่มขาวมาร่วมพิธี เพราะอยากให้พระองค์ท่านปลอดภัย

ชาวเชียงใหม่กราบครูบาศรีวิชัย

ที่วิหารหลวงวัดสวนดอกวรวิหาร อ.เมืองเชียงใหม่ พระเทพวิสุทธิคุณ เจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่ นำพระสงฆ์ 379 รูป สวดถวายพระพร และฝ่ายฆราวาส มีนายสุวัฒน์ ตันติพัฒน์ ผวจ.เชียงใหม่ นายบุญเลิศ บูรณุปกรณ์ นายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ และเจ้านายฝ่ายเหนือ สวดถวายพระพร มีประชาชนนับพันคนใส่เสื้อสีเหลืองไปร่วมด้วย


หลังจากเสร็จพิธีมีฝนตกลงมาอย่างหนัก ท่ามกลางเสียงวิจารณ์ว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์เบื้องบนรับรู้และร่วมอวยพรให้ ในหลวงหายจากประชวร ขณะเดียวกัน บริเวณอนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัย เชิงดอยสุเทพ มีประชาชนไปกราบไหว้อย่างเนืองแน่นทั้งวัน ขอพรให้ในหลวงหายประชวร และตอนค่ำวันเดียวกัน ชาวเมืองเชียงใหม่พากันขึ้นไปบนวัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร ทำพิธีขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ของพระบรมธาตุดอยสุเทพ คุ้มครองพระบาทสมเด็จพระเจ้า อยู่หัว ที่ จ.พิษณุโลก ครูและนักศึกษาของวิทยาลัยพณิชยการบึงพระ ต.บึงพระ อ.เมืองพิษณุโลก ราว 500 คน ร่วมทำสมาธิอธิษฐาน


ไทยพุทธ-มุสลิมร้อยใจเป็นหนึ่งเดียว



ภาคใต้ที่จังหวัดยะลา มีประชาชนไปร่วมลงนามถวายพระพรที่บริเวณ 3 จุดใหญ่ คือมหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา สำนักงานคณะกรรมการอิสลามจังหวัดยะลา และวิหารวัดเมืองยะลา โดยที่วัดเมืองยะลา พระธรรมสิทธิมงคล เจ้าคณะจังหวัดยะลาและเจ้าอาวาสวัดเมืองยะลา เป็นประธานสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ถวายพระพร และบ่ายวันเดียวกันคณะกรรมการอิสลามจังหวัดยะลาร่วมทำพิธีละหมาดฮายัตเพื่อถวายพระพรเช่นกัน

นายพิเทพ รัสมาน คอเต็บประจำมัสยิดไทย-ปากี บ้านสะเตง อ.เมืองยะลา กล่าวว่า เมื่อทราบข่าวต้องเข้ารับการผ่าตัดก็ตกใจและเมื่อรู้ว่าคณะกรรมการอิสลามประกอบพิธีละหมาดฮายัต จึงมาร่วมด้วยและภาวนาให้พระองค์หายประชวร

ส่วนนายสะแลแม คามิ อายุ 42 ปี ราษฎรบ้านบูโล หมู่ 1 ต.กาลอ อ.รามัน ซึ่งพาครอบครัวไปลงนามถวายพระพร กล่าวว่า ติดตามดูพระราชกรณียกิจทางโทรทัศน์ มาตลอด

โดยเฉพาะงานฉลองครองราชย์ 60 ปี เมื่อสำนักพระราชวังออกแถลงการณ์ว่าพระองค์ประชวรก็รู้สึกใจหาย ขอให้พระองค์ทรงหายจากอาการประชวรและมีพระพลานามัยสมบูรณ์โดยเร็ววัน ขณะที่ จ.นราธิวาส นายอับดุลรอซัค อารี ประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดนราธิวาส นำชาวไทยมุสลิมนับพันคนทำพิธีละหมาดฮายัตขอพรให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระชนม์ยิ่งยืนนานและหายจากประชวร

ผู้นำปากีฯ-บาห์เรนส่งสารถวายพระพร

นายกิตติ วะสีนนท์ อธิบดีกรมสารนิเทศ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า พล.อ.เปอร์เวฟ มูชาราฟ ประธานาธิบดีปากีสถาน และชีค คอลีฟะห์ บิน ซัลมาน อัล คอลีฟะห์ นายกรัฐมนตรีบาห์เรน ได้ ส่งสารถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ให้หายจากอาการประชวร นอกจากนี้ ในค่ำวันที่ 20 ก.ค. (ตามเวลาท้องถิ่น) ของนครลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา สถานกงสุลไทยในนครลอสแอนเจลิส ได้ประสานกับวัดไทยในลอสแอนเจลิส สวดมนต์ถวายพระพรแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ขณะที่สถานทูตไทยในหลายประเทศก็ได้จัดโต๊ะลงนามถวายพระพร เช่น ญี่ปุ่น ศรีลังกา ฮังการี และออสเตรเลีย

ตีข่าวทั่วโลกในหลวงทรงผ่าตัด

ขณะเดียวกัน สำนักข่าวต่างประเทศทั้งเอพี เอเอฟพี และรอยเตอร์ ได้รายงานข่าวพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จเข้ารับการถวายการผ่าตัดขยายช่องทางเดินประสาทของพระปิฐิกัณฐกัฐิ (กระดูกสันหลัง) ระดับบั้นพระองค์โดยใช้กล้องจุลทัศน์ ที่โรงพยาบาลศิริราช ไปทั่วโลก


โดยรายงานว่ามีประชาชนชาวไทย พร้อมใจกันสวมเสื้อเหลืองจำนวนมากเฝ้ารอรับเสด็จ พร้อมกับเปล่งเสียงคำว่า ทรงพระเจริญ และโบกธงชาติไทยแน่นขนัดโรงพยาบาลศิริราช โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจกว่า 3,000 นาย ถวายการอารักขารอบโรงพยาบาล และยังรายงานว่าประชาชนชาวไทยทุกหมู่เหล่า ทั้งผู้นับถือ ศาสนาพุทธ อิสลาม และคริสต์ ร่วมใจกันประกอบพิธีกรรมตามแต่ละศาสนาถวายเป็นพระราชกุศล อีกทั้งพระสงฆ์จากวัดทั่วประเทศ รวมทั้งประชาชน ร่วมกันสวดภาวนาให้พระองค์ทรงหายจากพระอาการประชวรโดยเร็ว

ถวายการผ่าตัดกว่า 4 ชั่วโมง

ภายหลังจากคณะแพทย์ถวายการผ่าตัดขยายช่องทางเดินประสาทของพระปิฐิกัณฐกัฐิ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นเวลากว่า 4 ชั่วโมงแล้ว

ได้นำพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ออกจากห้องผ่าตัด ชั้น 3 ตึกสยามินทร์ กลับมาประทับพักฟื้น ยังห้องประทับชั้น 16 ตึกเฉลิมพระเกียรติ โดยที่บริเวณชั้นล่างของตึกเฉลิมพระเกียรติมีประชาชนจำนวนมาก เฝ้ารอฟังข่าวความคืบหน้าพระอาการหลังการถวายการผ่าตัด และในเวลา 21.50 น. พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ ทรงนำพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ ออกมาให้ประชาชนได้เฝ้าชมพระบารมีอย่างใกล้ชิด ก่อนเสด็จ กลับวังศุโขทัย


ทรงปลอดภัยไม่มีภาวะแทรกซ้อน


ต่อมาเวลา 22.00 น. สำนักพระราชวังได้ออกแถลงการณ์ เรื่องการถวายการรักษาพระปิฐิกัณฐกัฐิ (กระดูกสันหลัง) ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ฉบับที่ 2 ความว่า วันนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินถึงอาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช เวลา 14.12 น. และเสด็จฯ ไปยังตึกสยามินทร์ พระราชทานให้คณะแพทย์ถวายการผ่าตัดรักษาพระปิฐิกัณฐกัฐิ (กระดูกสันหลัง) เวลา 16.05 น. เสร็จสิ้นเมื่อเวลา 20.53 น.

คณะแพทย์ผู้ถวายการผ่าตัด ขยายช่องทางเดินเส้นประสาทระดับบั้นพระองค์ รายงานว่าการผ่าตัดมีผลดี เป็นที่พอใจ และขอพระราชทานให้ประทับอยู่ในห้องพักฟื้น เพื่อสังเกตพระอาการอย่างใกล้ชิด ปรากฏว่าไม่มีภาวะแทรกซ้อน จึงขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน สำนักพระราชวัง 20 กรกฎาคม 2549

ทุกพระองค์ประทับเฝ้าใกล้ชิด

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ระหว่างที่คณะแพทย์ถวายการผ่าตัดขยายช่องทางเดินประสาทของพระปิฐิกัณฐกัฐิ (กระดูกสันหลัง) ระดับบั้นพระองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้า อยู่หัว พระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ได้ประทับอยู่ที่ห้องประทับรับรอง ตึกเฉลิมพระเกียรติ และทรงสับเปลี่ยนมาเฝ้าดูพระวรกายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่หน้าห้องผ่าตัดตลอดเวลา กระทั่งการถวายการผ่าตัดเสร็จสิ้น




แหล่งที่มา : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์