ติดต่อกลับมาแล้ว! “น้องก้อย” สาวขายพวงมาลัย โทรหาแม่หลังหายตัวลึกลับ บอกขอโทษที่ทำให้ห่วง!

ติดต่อกลับมาแล้ว! “น้องก้อย” สาวขายพวงมาลัย โทรหาแม่หลังหายตัวลึกลับ บอกขอโทษที่ทำให้ห่วง!

จากกรณีญาติเข้าแจ้งความหลังน้องก้อย วัย 24 ปี แม่ค้าขายพวงมาลัย ชาว จ.ราชบุรี ที่บริเวณสี่แยก ถนนเพชรเกษม ราชบุรี - เขางู หรือที่เรียกกันว่าแยกนิสสัน หายตัวอย่างลึกลับเมื่อวันที่ 25 มิ.ย.ที่ผ่านมา ขณะที่ญาติต่างทุกข์ใจเพราะเป็นห่วงกลัวว่าจะเกิดเหตุเหตุร้าย ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าล่าสุดวันที่ 29 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก นางมาลัย จีนสกุล อายุ 63 ปี แม่ของน้องก้อย ว่าวันนี้ลูกสาว ได้โทรติดต่อกลับมายังที่บ้านพร้อมทั้งระบุว่า ต้องขออภัยที่ทำให้เป็นห่วง ตอนนี้ปลอดภัยดี มีปัญหาส่วนและอยากเริ่มต้นใหม่ จึงตัดสินใจไปและไม่ได้บอกใคร ทั้งนี้อยากฝากขอบคุณทุกคนที่ให้กำลังใจและช่วยกันแจ้งเบาะแสต่างๆ โดยเฉพาะสื่อมวลชนที่ช่วยกันนำเสนอข่าว ซึ่งตนเองก็อยากฝากบอกลูกสาวว่า อยากให้กลับมาหาแม่เพราะยังเป็นห่วงอยู่ยังไม่เห็นตัวลูกสาวได้แต่ยินเสียง มีปัญหาอะไรก็กลับบ้านมาคุยกัน มีติดขัดอะไรจะได้เข้าใจกัน ลูกจะได้ไม่ต้องน้อยใจพี่ชายเขาก็รักก้อย ทุกคนก็รักก้อยหมด เพราะทั้งพ่อและแม่รวมไปถึงทุกๆคนเป็นห่วงลูก "แม่รักลูกนะ"

และจากเหตุการณ์การหายตัวไปอย่างลึกลับของน้องก้อย และปรากฏตามสื่อต่างๆ ทางพล.ต.ต.อนุภาพ ศรีนวล ผบก.ภ.จว.ราชบุรี ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.อภิชาต พุทธบุญ ผกก.สภ.เมืองราชบุรี พร้อมชุดสืบสวน ออกเร่งรัดติดตามหาตัวน้องก้อย ตามที่ปรากฏเป็นข่าวโดยด่วน ล่าสุดบ่ายวันเดียว น้องก้อย ได้ติดต่อมาทางชุดสืบสวน สภ.เมืองราชบุรี เพื่อขอพบ ผกก.สภ.เมืองราชบุรี โดยระบุว่าตนเองได้ติดตามข่าวสารจากสื่อมวลชนว่าตนเองได้หายตัวไปนั้น จึงอยากจะเดินทางมาพบเพื่อแจ้งให้ทราบว่าตนมีปัญหาเข้าใจผิดเล็กน้อย ต้องการความเป็นส่วนตัว จึงได้ออกจากบ้าน โดยไม่ได้แจ้งให้พ่อแม่หรือญาติพี่น้องทราบ จึงเกิดความเข้าใจผิด วันนี้จึงเดินทางมาแจ้งข้อเท็จจริงให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบเพื่อเป็นสื่อกลาง พร้อมทั้งขอโทษในสิ่งที่ตนเองกระทำโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ และขอบคุณทุกคนที่เป็นห่วง

โดยน้องก้อยได้นำพวงมาลัยมามอบให้กับทาง พ.ต.อ.อภิชาต พุทธบุญ ผกก.สภ.เมืองราชบุรี เพื่อเป็นการแสดงความรู้สึกขอโทษผ่านไปถึงทุกๆ ท่านที่เป็นห่วงตนเอง ซึ่งพ.ต.อ.อภิชาต ได้เป็นตัวแทนรับและกล่าวคำชี้แนะและให้แง่คิดในการดำเนินชีวิตว่า ปัญหาทุกอย่างมันมีทางออกเราต้องกล้าที่จะพบและสู้กับปัญหาและเราค่อยหาทางแก้ไข การที่เราหนีปัญหาเรายังมีอีกหลายๆคนที่เป็นห่วงเรา เพราะฉะนั้นการจะทำอะไรขอให้เราคิดถึงคนข้างหลังอย่าคิดถึงตัวเราเอง วันนี้ดีใจที่น้องก้อยปลอดภัยและไม่เป็นอะไร ซึ่งทุกคนเป็นห่วงเกรงว่าจะเกิดอันตรายที่มันไม่ปลอดภัยสำหรับน้องก้อย วันนี้น้องมาด้วยความปลอดภัยและก็มาบอกปัญหา ซึ่งเป็นปัญหาเล็กๆน้อยๆ ซึ่งในชีวิตเราต้องเจออีกเยอะ เพราะฉะนั้นเรื่องเล็กๆน้อยเราค่อยแก้ปัญหา อย่าหนีปัญหา มีความสุขกับชีวิต เรายังมีพ่อมีแม่มีพี่มีอะไรก็ปรึกษาผู้ใหญ่แล้วชีวิตจะสมหวัง

ด้านน้องก้อย ได้กล่าวแสดงความรู้สึกขอโทษต่อครอบครัวและสังคมว่า ที่ออกไปต้องขอโทษทุกคนด้วยที่ทำให้เป็นห่วง ตนไม่ได้ตั้งใจแค่อยากออกไปตั้งตัวใหม่ ก็อยากฝากน้องๆ ด้วยใครที่อยากทำแบบตนก็ขอให้คิดทบทวนดูก่อนให้บอกพ่อบอกแม่บอกคนที่เป็นห่วงก่อนที่จะทำอะไร

ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวได้ถามถึงความรู้สึกของนางมาลัย พร้อมกล่าวว่า ตลอดระยะเวลากว่า 17 ปี ไม่เคยได้กอดลูกเลย ด้วยความที่ฐานะครอบครัวตอนนั้นยากจน ตนกับสามีต้องออกไปทำมาหากิน เริ่มแรกจากการเลี้ยงกบเมื่อปี 2539 และเกิดประสบปัญหากับน้ำท่วม ทำให้การเลี้ยงกบประสบปัญหาขากทุนและต้องเลิกไปและหันไปขับรถขายแตงโมตามต่างจังหวัด จะกลับบ้านก็นานๆ ครั้ง จึงไม่มีเวลาที่เลี้ยงดูแลลูกทั้ง 2 คน ซึ่งตนก็มีลูกเพียง 2 คน น้องก้อยเป็นลูกสาวคนเล็ก ทำให้น้องก้อยขาดความอบอุ่นจากพ่อและแม่ เพราะด้วยเหตุผลที่ครอบครัวเราฐานะยากจนจริงๆ หลังจากที่ขายแตงโมมาประมาณ 10 ปี ก็ได้กลับมาเลี้ยงกบ ปลูกมะลิอยู่กับบ้าน ฐานะก็พอขยับขึ้นมาเรื่อยๆ แต่ทว่าตอนนั้นน้องก้อยก็เข้าเรียนมหาลัยแล้ว และย้ายออกไปอยู่กับเพื่อนหรือคนสนิทพ่อกับแม่ก็พอส่งเสียให้เรียนได้บ้าง แต่ก็บอกกับลูกว่าพ่อแม่อาจจะไม่มีเงินส่งให้เรียน น้องก้อยจึงตัดสินใจที่จะออกหางานทำเพื่อหาเงินที่จะไปส่งเสียตัวเองให้เรียนจนจบ โดยงานแรกที่ไปทำเป็นพนักงานอยู่ที่บริษัททำเส้นไวไวแห่งหนึ่งที่อำเภอบ้านโป่ง เข้างาน 6 โมงเช้าเลิกก็ 6 โมงเย็น แต่ก็ทำไม่ไหวจึงได้ออกมาบอกให้แม่ทำพวงมาลัยให้เพื่อที่จะลองนำไปขาย และก็ทำเรื่อยมาจนเลยจบชั้นปริญญาตรี ซึ่งตนเองก็ภาคภูมิใจในตัวลูกนะ แต่เสียใจตัวเองที่ไม่ได้มอบความรักความอบอุ่นให้ลูกเลย

นางมาลัย กล่าวอีกว่า เมื่อก่อนวันที่น้องก้อยจะหายตัวไป เขามาเอาของและนำเงินมาให้ แม่อยากจะกอดลูกแต่ก็ไม่กล้า เนื่องจากตนไปเลี้ยงไก่บ้าง ไปในไร่บ้างมันเหม็นเหงื่อแล้วเดี๋ยวเขาจะไปขายพวงมาลัยก็ไม่อยากให้ตัวเขาเหม็นก็ไม่ได้กอด แต่วันนั้นเป็นอะไรก็ไม่รู้ อยากกอดเขามากก็มองตัวมีแต่เหงื่อก็เลยไม่ได้กอด พอเขาหายไปก็เหมือนมีอะไรว่าให้เราคิดถึงตรงนี้หรือเป่าที่จะตัดสินใจที่ไม่ดี ก็เลยให้พี่ชายเขาตามหาเพราะว่าแม่นอนไม่หลับเลย กินก็ไม่ได้นอนก็ไม่หลับ วันนั้นขึ้นไปบนโรงพักก็จะเป็นลม มันตรงนี้ไงก็ยังไม่ได้บอกหนูทำตัวดีๆ นะลูก แม่รักลูกเสมอลูกไปอยู่กับเพื่อน แม่ก็รักทุกวันคิดถึงลูกทุกวันๆ ที่แม่หายใจ

"ก็ไม่ได้บอกเขา กลัวเขาไปตาย" ตอนที่เขาเขาโทรกลับมาวันนี้ เหมือนยกอะไรออกไปจากอกหลายๆ อย่าง มีแต่ความดีใจ คิดว่าลูกยังดีนะที่ไม่คิดสั้นไม่คิดว่าแม่ไม่รัก อยากจะบอกว่าลูกจะเป็นอย่างไรให้กลับมาหาแม่อย่างเดียว แม่ไม่ว่าลูกซักคำ ไม่ต่อว่าลูกให้ลูกกลับมาหาแม่ แม่จะสร้างฐานะให้ลูกอย่างเดียว แม่จะไม่พูดถึงที่ผ่านมาแม่จะให้ลูกพูดถึงวันข้างหน้า แม่อยากบอก "แม่รักลูกสุดๆ เท่าที่แม่ยังมีลมหายใจอยู่ ถ้าแม่ขาดลมหายใจไปคือวันนั้นแม่ไม่ได้รักลูกแล้ว"

ผู้สื่อข่าวได้ถามถึงเรื่องสุขภาพตอนนี้ นางมาลัยเล่าให้ฟังว่า ตนเองสุขภาพไม่ค่อยแข็งแรงเพราะเป็นมะเร็งเต้านมและตัดมา 6 ปีแล้ว แต่ก็ยังคงต้องเฝ้าระวังอยู่ อีกทั้งยังเป็นเส้นเลือดตีบคือจากการให้ยาที่รักษามะเร็ง และก็เป็นโรคหัวใจ ความดันสูง แต่ก็ยังสู้ เมื่อตอนที่ให้ยารักษามะเร็งตนเองก็ไม่อยากทนให้ครบตามที่หมอนัด อยากที่จะตายไป เพื่อที่จะไม่ให้ทุกคนลำบาก แต่เมื่อนึกถึงหน้าลูกยังไงก็ต้องสู้ อยากจะอยู่กับลูกไปนาน ถ้าตนเองตายไปแล้วก็ไม่ได้เจอได้เจอกันอีก ก็สู้สุดๆ ทุกวันนี้ก็ยังคงทำงานเหมือนเดิมแม่จะเหนื่อยเพียงไรก็ตาม ขอเพียงให้ลูกทั้งสองคนได้สบาย


ที่มา ข่าวสด

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์