ตั้งแต่12เมย.เปิดให้ คณะบุคคล เข้าร่วมเป็นเจ้าภาพ

พสกนิกรจากทั่วทุกสารทิศหลั่งไหลเข้าสักการะพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ พร้อมทั้งร่วมจัดกิจกรรมเทิดพระเกียรติ ด้วยความอาลัยรักและสำนึกในพระกรุณาธิคุณที่ทรงมีต่อปวงชนชาวไทยอย่างมากล้น

พสกนิกรรอรับเสด็จ พระบรมวงศานุวงศ์

เมื่อเวลา 06.30 น. วันที่ 6 ม.ค. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระ ราชดำเนินยังพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ประกอบพระราชพิธีถวายภัตตาหารเช้า แด่พระสงฆ์จำนวน 8 รูป ในพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ต่อมาเวลา 09.00 น. พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา เสด็จไปในการประกอบพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรม และประโคมย่ำยาม ท่ามกลางประชาชนที่มาเฝ้ารอรับเสด็จเป็นจำนวนมาก 

จัดระเบียบใหม่ เข้าศาลาสหทัยฯ 

ส่วนการเข้าสักการะพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนาฯ ที่ศาลาสหทัยสมาคม ซึ่งทางสำนักพระราชวังเปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าสักการะมาตั้งแต่วันที่ 3 ม.ค.นั้น ปรากฏว่าตั้งแต่เวลา 05.30 น. วันที่ 6 ม.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประตูวิเศษชัยศรี พระบรมมหาราชวัง ประชาชนจำนวนมากซึ่งส่วนใหญ่เดินทางมาจากต่างจังหวัด ต่างมาปักหลักเฝ้ารอถวายสักการะพระฉายาลักษณ์และลงนามสักการะสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนาฯ ทั้งนี้ ประชาชนส่วนหนึ่งได้เตรียมข้าวปลาอาหารแห้งมาใส่บาตรพระภิกษุสามเณร เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระองค์ จากนั้นทางสำนักพระราชวังเลื่อนเปิดศาลาสหทัยสมาคมให้ประชาชนเข้าถวายสักการะและลงนามเป็นเวลา 07.30 น. ซึ่งถือเป็นวันที่ 4 โดยได้จัดระเบียบการเข้าสักการะใหม่ด้วยการให้ประชาชนที่เข้ามาจากทางฝั่งประตูวิเศษชัยศรี เลี่ยงถนนหลัก ด้วยการอ้อมซ้ายมือเลาะสนามหน้าศาลาสหทัยสมาคม แล้วมาตั้งแถวหน้าวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เพื่อจัดแถวเป็นหน้ากระดานเรียง 5 ก่อนเดินเข้าประตูหน้าศาลาสหทัยสมาคมทีละกลุ่ม เนื่องจากถนนหลักในพระบรมมหาราชวัง จำเป็นจะต้องมีการรับเสด็จพระบรมวงศานุวงศ์หลายพระองค์ 

อุ้มลูกจูงหลานร่วมสักการะ

สำหรับบรรยากาศภายในศาลาสหทัยสมาคมตลอดทั้งวัน เนืองแน่นไปด้วยประชาชนทุกเพศทุกวัยที่เดินทางมาจากทั่วทุกสารทิศ สวมชุดไว้ทุกข์ถวายความอาลัยต่อการจากไปของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนาฯ ด้วยการกราบถวายสักการะพระฉายาลักษณ์ และลงนามสักการะแด่พระองค์ ทั้งนี้ ประชาชนที่มาจะได้รับหนังสือเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนาฯ ในวโรกาสมหามงคลเจริญพระชนมายุ 7 รอบ 6 พ.ค. 2550 ซึ่งจัดพิมพ์โดยทางกระทรวงวัฒนธรรม กลับไปเป็นที่ระลึก และเนื่องจากเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ ทำให้มีหลายคณะอุ้มลูกจูงหลานเดินทางกันมาพร้อมกันแบบทั้งครอบครัว ขณะเดียวกันก็มีบุคคลที่มีชื่อเสียงและคณะบุคคลทยอยลงนามถวายสักการะไม่ขาดสายเหมือนกัน อาทิ พล.ต.ประมาณ อดิเรกสาร นายปองพล อดิเรกสาร ม.ล.สอ้าน ลดาวัลย์ ผู้แทนสายสกุลลดาวัลย์ นำพวงมาลามาถวายและร่วมลงนามถวายสักการะ

ขอเป็นส่วนหนึ่งในประวัติศาสตร์ 

นอกจากนี้ หลายคณะใช้โอกาสนี้ นำกล้องถ่ายภาพ มาบันทึกภาพตัวเองและบรรยากาศ รวมถึงพระฉายาลักษณ์ ของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนาฯ ในศาลาสหทัยสมาคม กลับไปเก็บไว้เป็นภาพประวัติศาสตร์ และเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ตัวเองและครอบครัวอีกด้วย อย่างไรก็ตาม ในส่วนของโต๊ะลงนามถวายสักการะ ยังคงมีข้าราชบริพารวังเลอดิสและบุคคลผู้ถวายงานใกล้ชิด อาทิ คุณหญิงดรุณี พูนทรัพย์ เลขานุการในพระองค์สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนาฯ มาร่วมต้อนรับประชาชนที่มาลงนามด้วย 

ผู้เฒ่าสุดสำนึกในพระกรุณาธิคุณ

ทั้งนี้จากการสอบถามประชาชนที่เดินทางมาจากจังหวัดต่างๆ ต่างก็ยืนยันแม้ต้องเดินทางมาไกล ก็ต้องการมาด้วยสำนึกในพระกรุณาธิคุณ นางจันทร แสงอุทัย อายุ 75 ปี ประธานชมรมศิลปาชีพและอุตสาหกรรมพื้นบ้าน จ.นครสวรรค์ กล่าวว่า หลังจากที่ทรงสิ้นพระชนม์ คนเฒ่าคนแก่รวมทั้งสมาชิกในชมรมต่างโศกเศร้าเสียใจและเป็นทุกข์กันมาก วันนี้จึงรวบรวมสมาชิก และพร้อมใจกันเหมารถตู้มากัน 17 คน เพราะต้องการหาโอกาสที่จะมาสักการะท่านเป็นครั้งสุดท้ายด้วยความสำนึกในพระกรุณาธิคุณ ที่ทรงมีเมตตากับพสกนิกร และถือเป็นผู้อุปถัมภ์อุ้มชูพระมหากษัตริย์ไทยมาแล้วถึง 2 พระองค์ และรู้สึกดีใจมากที่ได้มามีส่วนร่วมในวันนี้  

คนพิการร่วมซาบซึ้งในพระเมตตา 

ร.อ.พ่วง เพชรเจริญ นายทหารนอกราชการ อดีตครูสอนศิลปะให้กับทหารผ่านศึก ได้นำกระเช้าดอกไม้มาถวายสักการะสมเด็จพระพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนาฯ พร้อมกล่าวว่า พระองค์ท่านเคยเสด็จฯ ทอดพระเนตรผลงานศิลปะของทหารผ่านศึก เมื่อ 20 ปีก่อน เมื่อพระองค์ ท่านจากไปก็รู้สึกอาลัยจึงนำดอกไม้มาถวายสักการะและภาวนากับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายให้นำดวงวิญญาณของพระองค์ ท่านไปสู่สวรรคาลัย ส่วน ด.ญ.กานต์สิรี ธนพงศ์สิน อายุ 10 ขวบ นักเรียนชั้น ป.4 โรงเรียนศรีสังวาลย์ ซึ่งนั่งรถเข็นมาลงนามถวายสักการะร่วมกับครอบครัว กล่าวว่า รู้เสียใจ ไม่อยากให้พระองค์ท่านจากไป อยากให้อยู่นานๆ เพราะพระองค์ท่านใจดี มีเมตตาตนและเพื่อนๆ ที่โรงเรียนทุกคนที่เคยเฝ้ารับเสด็จฯ พระองค์ท่านตอนทรงมาเปิดงานที่โรงเรียนเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ก็ต่างเสียใจเมื่อทราบการสิ้นพระชนม์ ตนตั้งใจว่า จะเป็นเด็กดีของพ่อแม่ เรียนหนังสือให้เก่งๆ เหมือนอย่างพระองค์ท่าน เพื่อถวายเป็นพระกุศล 

“น้าแอ๊ด” รับยังน้ำตาคลอเบ้า

ด้าน “แอ๊ด” สมบัติ เมทะนี ดารานักแสดงอาวุโส  เดินทางมาถวายสักการะพร้อมครอบครัว เปิดเผยว่า เคยมาถวายพระพรพระองค์ตั้งแต่ประทับรักษาพระอาการประชวรที่ รพ.ศิริราช ส่วนตัวมีความประทับใจในพระมหากรุณาธิคุณ ซึ่งครั้งหนึ่งเมื่อเกือบ 10 ปีก่อน เคยได้ถวายงานให้กับมูลนิธิโรคไต ซึ่งอยู่ในพระอุปถัมภ์ ด้วยการไปร้องเพลงในงานการกุศลเพื่อหาทุนสมทบให้กับทางมูลนิธิ 2 ครั้ง ซึ่งสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนาฯ ทรงเคยประทานเข็มกลัดที่ระลึก แกะสลักเป็นลายพระหัตถ์ พระนามาภิไธยของพระองค์ ซึ่งตลอดเวลาตนได้เก็บเข็มกลัดนี้ไว้เป็นอย่างดีเสมอมา เพราะถือว่าเป็นของมงคลที่เจ้านายชั้นสูงประทานมาให้ ทั้งรู้สึกดีใจปลื้มใจมากไม่มีวันลืม เนื่องจากทราบว่ามีไม่กี่คนที่จะได้รับพระราชทานเข็ม กลัดนี้ สำหรับการจากไปของพระองค์นั้น ส่วนตัวคงหาคำมาบรรยายความสูญเสียครั้งนี้ได้ รู้สึกเสียใจเพราะเป็นความสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสิ่งหนึ่งไป ตลอดเวลาพระองค์ ทรงคุณประโยชน์ต่อชาติบ้านเมืองและบางคนอาจจะไม่รู้ ว่าผลงานพระองค์นั้นมีมากเป็นพันเรื่อง ตนแม้เป็นผู้ชายใจแข็ง แต่ก็ยังต้องมีน้ำตาคลอออกมา เพราะกลั้นไว้ไม่อยู่  

เจ้านายฝ่ายเหนือแต่งบทกลอนสดุดี

ขณะที่เจ้ามุกดา ณ น่าน เจ้านายฝ่ายเหนือ อายุ 90 ปี นั่งรถเข็นมาร่วมสักการะและนำบทกลอนไว้อาลัยที่แต่งขึ้นเองมาถวาย มีใจความกล่าวถึงความรู้สึกที่มีต่อพระองค์และความเสียใจที่ทรงจากไป จากนั้น เจ้ามุกดาเผยว่า สมัยก่อนเคยเป็นครูสอนหนังสือเด็ก และทุกครั้งที่สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนาฯ เสด็จเยี่ยมราษฎรในพื้นที่ภาคเหนือ ตนก็เคยเข้าเฝ้ารับเสด็จ ประทับใจในพระองค์ที่ทรงมีพระจริยาวัตรที่อ่อนน้อมไม่ถือพระองค์ หลายครั้งที่ไปเฝ้ารับเสด็จ พระองค์ ท่านทรงมาทักทายถามทุกข์สุข เป็นความประทับใจที่ไม่รู้ลืมตลอดไป  

ทรงใส่พระทัยช่วยเหลือผู้ทุกข์ยาก

เช่นเดียวกับ นายสุวิทย์ คุณกิตติ หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน ซึ่งเดินทางมาพร้อมคณะกรรมการบริหาร พรรค กล่าวภายหลังลงนามถวายสักการะว่า ซาบซึ้งพระกรณียกิจของพระองค์ที่ทรงเสียสละในการแบ่งเบาพระราชภาระของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาตลอดระยะยาวนาน ส่วนตัวรู้สึกซาบซึ้งในพระกรุณาธิคุณ เนื่องจากสมัยเป็น รมว.ศึกษาฯ เคยมีโอกาสได้เข้าร่วมในการถวายงาน ในโครงการสนับสนุนนักเรียนที่มีความสามารถ ทางด้านวิทยาศาสตร์ นอกจากนี้ ยังชื่นชมในการสานต่อโครงการแพทย์อาสาสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี หรือ พอ.สว.ที่ได้มีโอกาสช่วยเหลือประชาชนในชนบทที่ไม่สามารถเข้าถึงบริการทางสาธารณสุข ซึ่งทางพรรคเองก็จะสานต่อพระปณิธานของพระองค์ 

“แอ๊ดบาว” ใส่สูทกราบพระฉายาลักษณ์

ส่วนนายยืนยง โอภากุล หรือ แอ๊ด คาราบาว ที่มาในมาดใหม่ด้วยการแต่งกายสุภาพเรียบร้อยสวมเสื้อสูท มาถวายสักการะในศาลาสหทัยสมาคม ให้สัมภาษณ์ ภายหลังว่า อยากชวนชาวไทยร่วมสักการะพระองค์ เพราะพระองค์ทรงเป็นผู้ที่ต้องสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ พระองค์ทรงเป็นผู้ถวายการเลี้ยงดูพระมหากษัตริย์ไทยมาแล้วถึง 2 พระองค์ ร่วมกับสมเด็จย่า ทั้งในประเทศไทยและในต่างประเทศ ตั้งแต่ทรงพระเยาว์ พระองค์ทรงภารกิจเพื่อประชาชนมากมายไม่เคยขาดตกบกพร่อง อยากชวนให้คนไทยร่วมกันไว้อาลัยกับความสูญเสียครั้งนี้ด้วย  

เป็นพระอาจารย์ที่ทุ่มเทเพื่อศิษย์

นอกจากนี้ คณะศิษย์เก่าศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์ เอกภาษาศาสตร์ รุ่นปี 2513-2515 จำนวน 8 คน พร้อมใจกันนำพวงมาลามาถวายสักการะ พระฉายาลักษณ์ โดยคณะศิษย์เก่ารุ่นนี้ ถือเป็นศิษย์ในพระองค์ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนาฯ ครั้งทรงเป็นพระอาจารย์สอนวิชาภาษาฝรั่งเศส ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ หลังจากสักการะแล้วยังได้นำภาพถ่ายประจำรุ่น ที่มีสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนาฯ ทรงฉายร่วมกับลูกศิษย์มาให้สื่อมวลชนดู ทั้งนี้ นางวนิดา เจริญสุข อายุ 57 ปี ข้าราชการบำนาญ อดีตครูโรงเรียนวัดน้อยในนพคุณ หนึ่งในศิษย์สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนาฯ กล่าวด้วยน้ำตาคลอเบ้าว่า สมัยเรียนอยู่ชั้นปีที่ 3-4 คณะศิลปศาสตร์ ได้มีโอกาสเรียนวิชาภาษาฝรั่งเศสกับพระองค์ ซึ่งทรงมาเป็นพระอาจารย์สอนให้นักศึกษาธรรมศาสตร์ เป็นรุ่นที่ 2 พวกเรายอมรับว่าทั้งปลื้มปีติและกลัวพระองค์ ตอนแรกไม่รู้ด้วยซ้ำว่าต้องทำตัวอย่างไร แต่ภาพที่จำได้แม่นคือ ความตั้งใจที่พระองค์ทุ่มเทถ่ายทอดความรู้ให้พวกเรา ทรงเตรียมการสอนมาอย่างดี ตรงเวลามาก ที่น่าประทับใจคือ การที่ทรงสละเวลาส่วนพระองค์ มาตรวจการบ้านให้พวกเรา และทุกครั้งก็ทรงบอกและชี้แนะด้วยว่า ใครทำผิดอย่างไร บางครั้งยังคาดโทษพวกเราให้ตั้งใจเรียนด้วยว่า ถ้าเขียนผิดจะให้คะแนนแบบติดลบ 

นำแนวทางที่ทรงสอนมาปรับใช้  

ศิษย์เก่าในสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยา ณิวัฒนาฯ กล่าวทั้งน้ำตาด้วยว่า หลังจบการศึกษาในคณะศิลปศาสตร์ พวกเราส่วนใหญ่ได้รับเกียรตินิยม และหลายคนออกไปทำงานเป็นครู แต่ส่วนที่เราฝังใจมากกว่านั้นคือ ความภูมิใจที่ได้รับความรู้โดยตรงจากพระองค์ และที่สำคัญเราต้องมีจิตสำนึกที่จะทดแทนพระคุณ แม้หลายคนจะไม่ได้เรียนครูมาก่อน แต่ก็จดจำวิธีการสอนและอุดมการณ์ของพระองค์ที่จะทำอย่างไรให้ลูกศิษย์ได้รับความรู้มากที่สุด โดยนำเทคนิคการสอนของพระองค์บางส่วนมาปรับใช้ เช่น เรื่องของการตรวจการบ้านให้นักเรียน และแนะนำข้อผิดพลาดให้ เพราะเรื่องนี้มีความสำคัญมาก การศึกษานั้นชั้นประถม ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นที่จะปลูกฝังวิชาความรู้ พวกเราทุกคนยอมรับว่าตั้งแต่จบมาแทบจะไม่เคยเจอกัน แต่เมื่อทราบข่าวว่าทรงประชวร ก็เคยรวมตัวกันมาถวายพระพรที่ รพ.ศิริราช แล้วครั้งหนึ่ง วันนี้ตั้งใจกันมาเพื่อที่จะสักการะในความซาบซึ้งพระกรุณาธิคุณที่มีต่อชาวไทย ขอให้ดวงพระวิญญาณสถิตในสวรรคาลัย นิรันดร์กาล  

พระเมตตาที่มีต่อสัตว์จรจัด

ด้านนายสัตวแพทย์ยันต์ สุขวงศ์ อุปนายกสมาคมสงเคราะห์สัตว์ในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าวว่า สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนาฯ ทรงมีพระกรุณาธิคุณกับการสงเคราะห์สัตว์อย่างมาก โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาสุนัขจรจัดใน กทม. ซึ่งพระองค์ท่านได้เสด็จเป็นการส่วนพระองค์ทอดพระเนตรการดำเนินงานของสวนสัตว์เลี้ยงที่ จ.กาญจนบุรี เมื่อ 10 กว่าปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ต่อมา กทม. ยกเลิกการกำจัดสุนัขจรจัดด้วยการฆ่าทิ้ง เปลี่ยนเป็นการจับไปทำหมันแทน นอกจากนี้ พระองค์ท่านยังทรงช่วยรณรงค์ให้เด็กและเยาวชนรู้จักวิธีเลี้ยงดูสัตว์เลี้ยงอย่างถูกต้อง อย่าปล่อยให้เป็นสัตว์จรจัด ไม่ทำร้ายสัตว์ โดยพระองค์ท่านเคยรับสั่งว่า “จะใช้อะไรฉัน ก็รีบใช้ซะต่อไปข้างหน้า ถ้าฉันไม่อยู่ สัตว์เหล่านี้จะลำบาก”

ทรงงานหนักกว่าสามัญชน

ส่วนพระมหาสมปอง ตาลปุตโต พระนักเทศน์ชื่อดังจากวัดสร้อยทอง กล่าวภายหลังเข้าสักการะพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนาฯ ว่า สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนาฯ ทรงมีคุโณปการต่อประชาชนชาวไทยมากมาย เนื่องจากทรงตรากตรำทำงานให้ประเทศชาติมาตั้งแต่ทรงพระเยาว์ ถ้าดูจากพระกรณียกิจจะเห็นว่า พระองค์ท่านทรงทำงานหนักกว่าพวกเราเสียอีก ดังนั้น เมื่อท่านจากไป จึงมีแต่ผู้เสียใจ ไม่เว้นกระทั่งพระภิกษุสงฆ์ อาตมาจึงอยากวิงวอนให้ทุกคนจดจำความดีของพระองค์ท่านไว้ แล้วเอาเป็นแบบอย่างว่า เมื่อเราเกิดมาแล้วจะใช้ชีวิตและเวลาที่เหลืออยู่ทำความดีที่เป็นประโยชน์ให้กับบ้านเมืองบ้าง เพื่อที่จะได้มีคนจดจำความดีของเรา เหมือนเช่นที่ทั่วทั้งโลกจดจำคุณความดีของพระองค์ท่าน ส่วนอาตมาจะนำเทปวีดิทัศน์ที่บันทึกพระกรณียกิจของพระองค์ท่านไปบรรยายเผยแพร่สร้างคนดีต่อไป 

ผู้ถวายงานเผยทรงย้ำให้สุจริต 

ขณะที่นางกมลา สิงหศิวานนท์ เจ้าของบริษัท ศานติบรรจุภัณฑ์ ที่ผลิตกล่องกระดาษ กล่าวด้วยน้ำตาคลอเบ้าว่า ในส่วนตัวมีโอกาสถวายงานรับใช้ด้านการผลิตจัดทำกล่องกระดาษใส่เอกสารถวาย และทำมานานแล้ว โดยกล่องกระดาษที่ทำถวายนั้น เน้นความเรียบง่ายเป็นกล่องบรรจุภัณฑ์กระดาษลูกฟูก กล่องที่ทำนั้นโปรดกล่องใส่เอกสารเรียบง่าย ส่วนพระจริยวัตรที่งดงามและพระเมตตาของพระองค์ ที่ทรงมีพระกรุณาธิคุณนั้นไม่สามารถพูดออกมาเป็นคำพูดได้ ทรงมีความงดงาม เรียบง่าย ทรงมีความละเอียดและพระเมตตาอย่างมาก พระองค์เหมือนแม่ ทรงให้ความเป็นกันเอง ทุกครั้งเวลาไปเฝ้า ทรงกอด ในวันเกิดจะประทานดอกไม้ให้ ส่วนวันตรุษจีนจะประทานส้มให้ เมื่อวันคล้ายวันเฉลิมพระชนมายุ 7 รอบ 6 พ.ค.ที่ผ่านมา มีพระกรุณาธิคุณประทานเข็มกัลยาณิวัฒนาให้ ในช่วงประชวรมีโอกาสเข้าเฝ้าเยี่ยมพระอาการที่ชั้น 16 โรงพยาบาลศิริราช เห็นพระองค์แล้วร้องไห้ เสียใจมากที่พระองค์สิ้นพระชนม์ รับสั่งสุดท้ายที่มีให้คือ การประทานกำลังใจ เช่น กลับบ้าน ทำอะไรบ้าง และทรงย้ำในเรื่องการทำงานว่า ให้ทำงานด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต อย่าโกง

ทูตโปรตุเกสร่วมเสียใจพร้อมคนไทย

นอกจากพสกนิกรชาวไทย ยังคงมีชาวต่างประเทศ มาถวายสักการะและลงนามสักการะ อาทิ นายลูอิส ฟิลิป คุญยา ที่ปรึกษาเอกอัครราชทูตโปรตุเกสประจำประเทศไทย ลงนามสักการะ โดยเขียนสาส์นแสดงความเสียใจแทนชาวโปรตุเกสว่า ในนามของรัฐบาลโปรตุเกสและประชาชน ขอร่วมแสดงความเสียใจต่อการจากไปของสมเด็จพระเจ้า พี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนาฯ

ให้กองแพทย์หลวงดูแลชาวบ้าน 

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า เนื่องจากมีประชาชนเดินทางมาสักการะพระฉายาลักษณ์เป็นจำนวนนับหมื่นคนในแต่ละวัน สำนักพระราชวังจึงมอบให้กองแพทย์หลวง สำนักพระราชวัง ตั้งจุดแพทย์บริการประชาชนที่อาจจะเกิดอาการเจ็บป่วยระหว่างเข้ามาถวายสักการะในพระ บรมมหาราชวัง โดยทั้งสิ้น 3 จุด พร้อมเตรียมแพทย์ รถพยาบาล และแต่ละจุดมีการตระเตรียมผ้าเย็น น้ำหวาน แอมโมเนียไว้ให้ประชาชน จากการสอบถามเจ้าหน้าที่พยาบาลประจำกองแพทย์หลวง ทราบว่าจะมีผู้ป่วยราววันละ 50 คน

ยอดลงนามสักการะทะลุ 7 หมื่นชื่อ 

กระทั่งเวลา 17.00 น. สำนักพระราชวังปิดการถวายสักการะและลงนามสักการะ ภายในศาลาสหทัยสมาคม โดยรวมยอดประชาชนที่เดินทางมาสักการะในวันที่ 6 ม.ค. จำนวนทั้งสิ้น 25,706 รายชื่อ รวม 4 วัน 71,382 รายชื่อ ในจำนวนนี้เป็นแขกวีไอพี รวมทั้งสิ้น 104 คน ขณะที่พวงมาลาที่นำมาถวายสักการะ มีจำนวน 25 พวง ยอดเงินทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้า อยู่หัว โดยเสด็จพระราชกุศลตามพระราชอัธยาศัย จำนวนทั้งสิ้น 653,813 บาท 

กำหนดการบำเพ็ญพระราชกุศลฯ

จากนั้น ในช่วงเย็นวันเดียวกัน ฝ่ายประชาสัมพันธ์ และเผยแพร่สำนักพระราชวัง แจ้งเรื่องการบำเพ็ญพระราชกุศลถวายพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้า กัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ให้ประชาชนรับทราบดังนี้

1. หลังจากพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุประทาน 7 วัน จนถึงการพระราชพิธีทรงบำเพ็ญ พระราชกุศลทักษิณานุประทาน 100 วัน ในวันศุกร์ที่ 11 เม.ย. 2551 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้พระราชวงศ์ราชสกุลทุกมหาสาขาและหน่วยงานของรัฐ ร่วมเป็นเจ้าภาพในการบำเพ็ญพระราชกุศล และบำเพ็ญกุศลถวายพระศพประจำสัปดาห์ ในทุกวันพุธ ตามกำหนดการดังนี้ เวลา 10.00 น. พระสงฆ์ 10 รูป สวดพระพุทธมนต์ เวลา 10.30 น. พระธรรมเทศนากัณฑ์ 1 แล้ว พระสงฆ์ทั้งนั้นถวายพรพระเวลา 11.00 น. พระสงฆ์ฉันภัตตาหาร สดับปกรณ์ เวลา 19.00 น. พระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรม 

เปิดให้ร่วมเป็นเจ้าภาพบำเพ็ญกุศลฯ

2. ตั้งแต่วันที่ 12 เม.ย. 2551 เป็นต้นไป จนถึงการพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระศพ ทรงพระกรุณา โปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชวโรกาส ให้คณะบุคคล องค์การ สมาคมต่างๆร่วมเป็นเจ้าภาพ ในการบำเพ็ญกุศลถวายเป็นประจำทุกวัน โดยมีกำหนดการ เช่นเดียวกับข้อ 1 คณะบุคคล องค์การ สมาคม ติดต่อขอร่วมเป็นเจ้าภาพในการบำเพ็ญกุศลถวายพระศพ ประจำทุกวัน โดยทำหนังสือถึงเลขาธิการพระราชวัง สอบถามรายละเอียดที่สำนักงานเลขานุการกรม หมายเลขโทรศัพท์ 0-2224-3273 และ 0-2224-3333 โทรสาร 0-2226-4949

3. เปิดให้ประชาชนเข้าถวายสักการะพระศพ บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ได้ตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ 10 ม.ค. 2551 เวลา 14.00-16.00 น. และในวันศุกร์ที่ 11 ม.ค. 2551 ตั้งแต่เวลา 09.00-16.00 น. เป็นต้นไป การแต่งกาย โปรดแต่งกายสุภาพไว้ทุกข์ (สีดำ, สีดำขาว) ชุดชาวเขาสำหรับชาวเขา ชุดลูกเสือสำหรับลูกเสือ สุภาพสตรีขอความกรุณาสวมกระโปรงหรือผ้าถุง งดสวมใส่กระโปรงยีนและกางเกงยีน 

รองปลัด ยธ.แนะแต่งตัวเรียบร้อย

นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวยังได้รับการเปิดเผยเพิ่มเติมในเรื่องการแต่งกายของผู้ที่จะเข้ามาสักการะพระฉายาลักษณ์และพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนาฯ จากนายธงทอง จันทรางศุ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์ ศิลปะและวัฒนธรรมของประเทศด้วยว่า ขอให้ปฏิบัติตามสำนักพระราชวังแถลง คือต้องแต่งกายไว้ทุกข์ตามประเพณีนิยม แต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีดำ หรือสีขาว ข้าราชการต้องใส่เครื่องแบบ หรือชุดของต้นสังกัด ส่วนสุภาพสตรีไม่ควรนุ่งสั้นหรือสวมกางเกง ส่วนบุตรหลานควรแต่งกายตามประเพณีเช่นกัน รวมทั้งขอความกรุณาพี่น้องประชาชน สวมใส่รองเท้าหุ้มส้น ขณะเข้าถวายราชสักการะ 

เผยทรงเมตตาต่อผู้ต้องขัง 

รองปลัดกระทรวงยุติธรรมยังกล่าวอีกว่า สำหรับพระกรณียกิจของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยา ณิวัฒนาฯ กระทรวงยุติธรรมได้รับพระกรุณาธิคุณ พระ ราชทานทรัพย์สร้างบ้านพักในศูนย์ฝึกอบรมเด็กและเยาวชน บ้านกาญจนาภิเษก อำเภอคลองโยง จังหวัดนครปฐม พระองค์ยังทรงสนพระทัยโปรดให้เด็กและเยาวชนในศูนย์ฝึกอบรมฯ เข้าเฝ้ารายงานสนทนาถึงความเป็นอยู่ในศูนย์ฝึกฯ ด้วยความเมตตา รวมทั้งเสด็จ ทอดพระเนตรการแสดงของเด็กและเยาวชนที่อยู่ในความดูแลของกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนในการขับร้องประสานเสียงถวายพระพร ล่าสุดเมื่อต้นเดือน ก.ย. 50 ที่ผ่านมา กระทรวงยุติธรรมได้จัดคอนเสิร์ตคณะประสานเสียงเยาวชนที่อยู่ในความดูแลของกรมพินิจฯ และผู้ต้องขังจากกรมราชทัณฑ์ เนื่องในวโรกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 84 พรรษา แต่น่าเสียดายพระองค์มีพระอาการประชวร ต้องเสด็จประทับที่ รพ.ศิริราช จึงไม่ได้ ทอดพระเนตร กระทรวงยุติธรรมจึงบันทึกการแสดงลงวีซีดีถวายพระองค์ท่านทอดพระเนตรในเวลาต่อมา 

เตรียมข้อมูลจัดสร้างพระเมรุ 

สำหรับความคืบหน้าในการจัดเตรียมพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากนายเกรียงไกร สัมปัชชลิต อธิบดีกรมศิลปากร ในฐานะกรรมการอำนวยการจัดงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนาฯ ว่า ตนจะเข้าร่วมประชุมคณะกรรมการอำนวยการจัดงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนาฯ ซึ่งมี พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน โดยจะมีการนำเสนอกระบวนการทำงานของกรมศิลปากร โดยเฉพาะในเรื่องของพระเมรุ การเตรียมความพร้อมขบวนแห่ในพระราชพิธีถวายพระเพลิง รวมทั้งการดำเนินงานในด้านอื่นๆด้วย ส่วนความคืบหน้าการเตรียมความพร้อมของการจัดสร้างพระเมรุนั้น ขณะนี้นาวาอากาศเอกอาวุธ เงินชูกลิ่น ประธานคณะทำงาน ได้จัดเตรียมข้อมูลการสร้างพระเมรุไว้แล้ว รวมทั้งได้จัดเตรียมรายละเอียดในเรื่องของงบประมาณว่าจะต้องใช้เท่าไหร่   ตลอดจนระยะเวลาในการดำเนินงาน เพื่อนำเสนอต่อคณะกรรมการอำนวยการฯ  

เล็งจัดนิทรรศการถาวร

อธิบดีกรมศิลปากรกล่าวอีกว่า นอกจากนี้ กรมศิลปากรจะนำเสนอการจัดพิมพ์หนังสือที่ระลึกสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนาฯ รวมถึงการจัดนิทรรศการเทิดพระเกียรติ โดยจะมีการรวบรวมพระราชประวัติ พระกรณียกิจต่างๆ ไม่ว่าด้านภาษา ประวัติศาสตร์ และโบราณคดี โดยเฉพาะการรวบรวมรายละเอียดต่างๆ เมื่อครั้งพระองค์เสด็จชมแหล่งโบราณสถานในแต่ละภูมิภาค ขณะเดียวกันในเบื้องต้น กรมศิลปากรจะเตรียมจัดทำนิทรรศการส่วนหนึ่งสำหรับจัดแสดงเป็นนิทรรศการถาวรไว้ที่หอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่บริเวณคลอง 5 อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี อีกด้วย 

มฟล.จัดต่อ “แสงหนึ่งคือรุ้งงาม”

คุณหญิงไขศรี ศรีอรุณ รมว.วัฒนธรรม กล่าวว่า ตามที่กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) เป็นเจ้าภาพจัดนิทรรศการเพื่อเทิดพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยา ณิวัฒนาฯ ชุดแสงหนึ่งคือรุ้งงาม ในวโรกาสมหามงคลทรงเจริญพระชนมายุครบ 7 รอบ 6 พฤษภาคม 2550 ซึ่งที่ผ่านมา วธ.นำนิทรรศการเทิดพระเกียรติดังกล่าวจัดแสดงทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทย เพื่อเป็นการเผยแพร่ให้ พสกนิกรชาวไทยเห็นพระประวัติอีกด้านหนึ่งของพระองค์ โดยเฉพาะพระกรณียกิจด้านต่างๆ ทั้งการส่งเสริมสาธารณสุข การศึกษา และศิลปวัฒนธรรม ขณะเดียวกันก็อยากให้คนไทยได้เรียนรู้วิถีชีวิตส่วนพระองค์ที่เรียบง่าย และยังทรงงานหนักเพื่อประชาชน เนื่องจากนิทรรศการเทิดพระเกียรตินี้มีคุณค่าอย่างยิ่งและไม่อาจหาชมได้อีกแล้ว ซึ่งขณะนี้นิทรรศการดังกล่าวจัดแสดงอยู่ที่อาคารศูนย์ภาษาและวัฒนธรรมจีนสิรินธร มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง (มฟล.) จ.เชียงราย จนถึงวันที่ 28 ก.พ. 2551 เพื่อให้บัณฑิต ที่เดินทางเข้าร่วมพิธีรับพระราชทานปริญญาบัตร ได้มีโอกาสชมนิทรรศการเทิดพระเกียรติ อย่างไรก็ตาม จากการสำรวจสถิติยอดรวมของผู้เข้าชมนิทรรศการเทิดพระเกียรติ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนาฯ จากการจัดแสดง 4 ภูมิภาค คาดว่ามีประชาชนมากกว่า 50,000 คน มาชมนิทรรศการ นอกจากนี้ เชื่อว่าจะมีประชาชนจำนวนมากหลั่งไหลไปชมนิทรรศการดังกล่าว ที่มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงอีกด้วย 

วธ.อาจนำมาจัดใหญ่ใน กทม. 

เมื่อถามว่า วธ.จะมีการนำนิทรรศการเทิดพระเกียรติ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนาฯ มาจัดแสดงอย่างยิ่งใหญ่ภายในกรุงเทพฯอีกหรือไม่นั้น คุณหญิงไขศรีกล่าวว่า ในส่วนของนิทรรศการเทิดพระเกียรติฯ แสงหนึ่งคือรุ้งงาม เป็นนิทรรศการของพระธิดาในพระองค์ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนาฯ และครอบครัว อย่างไรก็ตาม ตนจะนำเรื่องนี้ไปหารือกับท่านผู้หญิงทัศนาวลัย ศรสงคราม พระธิดาในพระองค์ ว่าท่านจะเห็นด้วยประการใดในการนำนิทรรศการดังกล่าวมาจัดแสดงเป็นนิทรรศการใหญ่อีกครั้ง เพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติ และให้ประชาชนได้ร่วมถวายสักการะ อย่างไรก็ตาม หาก วธ.ได้รับอนุญาตให้นำนิทรรศการเทิดพระเกียรติฯ แสงหนึ่งคือรุ้งงาม มาจัดแสดงถาวร คาดว่าจะปรับปรุงพื้นที่ในสถาบันดนตรีกัลยาณิวัฒนา บริเวณโรงงานสุราบางยี่ขัน (เดิม) ในส่วนด้านหลังพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล เพื่อใช้เป็นห้องจัดแสดงนิทรรศการเทิดพระเกียรติฯอย่างถาวรต่อไป 

ธนารักษ์จัดทำเหรียญที่ระลึก

ขณะเดียวกัน น.ส.จารุวรรณ จันทิมาพงษ์ รองอธิบดีกรมธนารักษ์ ด้านเหรียญกษาปณ์ เปิดเผยว่า ขณะนี้กรม ธนารักษ์กำลังศึกษารูปแบบเพื่อเตรียมจัดทำเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก เนื่องในงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนาฯ เพื่อเตรียมจัดทำสำหรับให้ประชาชนบริจาคตามคำสั่งของสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งจะได้ข้อสรุปเกี่ยวกับรูปแบบ มูลค่า และช่วงเวลาที่จะเปิดให้ประชาชนบริจาคเพื่อรับเหรียญที่ระลึก ภายหลังการประชุมคณะกรรมการอำนวยการจัดงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนาฯ ซึ่งมี นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ทั้งนี้ ในเบื้องต้นคาดว่าจะจัดทำเหรียญที่ระลึกในรูปแบบเดียวกับเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก เนื่องในงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี และงานพิธีถวาย พระเพลิงพระบรมศพสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี ในรัชกาลที่ 7 ซึ่งประกอบด้วย เหรียญทองคำ เหรียญเงิน และเหรียญทองแดง 

ผวจ.พิจิตรแจกริบบิ้นดำร่วมไว้อาลัย 

สำหรับการร่วมแสดงความอาลัย และร่วมสำนึกในพระกรุณาธิคุณต่อสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้า กัลยาณิวัฒนาฯ ในส่วนภูมิภาคนั้น ที่ จ.พิจิตร ในช่วงเย็นวันเดียวกัน บริเวณสี่แยกสวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ นายปรีชา เรืองจันทร์ ผวจ.พิจิตร พร้อมหัวหน้าส่วนราชการและชมรมตกปลา จ.พิจิตร ได้นำผ้าริบบิ้นสีดำไปติดที่บริเวณกระจกด้านซ้าย ให้กับผู้ที่ขับขี่รถยนต์ที่ผ่านไปมาบริเวณดังกล่าว เพื่อเป็นสัญลักษณ์แสดงความอาลัยแด่สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนาฯ อีกทั้งเพื่อระลึกถึงการรณรงค์ขับขี่ปลอดภัย และเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลและลดอุบัติเหตุ มิให้เกิดผู้บาดเจ็บหรือพิการ อันเป็นการสร้างภาระให้กับมูลนิธิขาเทียมที่พระองค์ท่านเป็นองค์อุปถัมภ์ และเป็นการลดจำนวนผู้บาดเจ็บพิการ ทั้งนี้ นายวัลลภ กินกิฬา อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 56 ต.คลองคะเชนทร์ อ.เมือง จ.พิจิตร ซึ่งมีอาชีพรับจ้างส่งของ และได้ติดริบบิ้นสีดำที่รถยนต์ของตนเองที่ใช้ส่งของ เพื่อเป็นการไว้อาลัยแด่สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนาฯ กล่าวว่า ภายหลังที่ตนได้ติดริบบิ้นสีดำที่รถยนต์ รู้สึกว่าภูมิใจที่ตนเป็นคนไทยคนหนึ่ง ได้มีส่วนร่วมแสดงความอาลัยต่อพระองค์ท่าน โดยก่อนหน้านี้ทาง จ.พิจิตรได้ร่วมกันจัดกิจกรรมถวายความอาลัยแด่สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนาฯ ที่ทรงมีพระเมตตากับพสกนิกรไทย ด้วยการแต่งกายด้วยชุดดำเป็นการไว้ทุกข์ และทำบุญถวายเป็นพระราชกุศลที่บริเวณสวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ พิจิตร (บึงสีไฟ) เนื่องจากพระองค์ท่านเคยเสด็จฯ ร่วมกับสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี 

เปิดตัววัดในสมเด็จพระพี่นางฯ  

ส่วนบรรยากาศที่วัดป่าสิริวัฒนวิสุทธิ์ ต.ทำนบ อ.ท่าตะโก จ.นครสวรรค์ ซึ่งสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนาฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้ารับเป็นวัดในพระองค์ ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก พระครูวิจิตรสีลาภรณ์ รักษาการเจ้าอาวาสวัดป่าสิริวัฒนวิสุทธิ์ ว่า เมื่อวันที่ 12 มิ.ย. 2550 สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนาฯ ทรงพระ

เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์