ดุเดือดมาก! ครูจอมทรัพย์ แพะหรือแกะ ตำรวจมีทีเด็ด! ฟังกันชัดๆ

กลายเป็นศึก 'ศักดิ์ศรีครู-ตำรวจ'

วันเด็ก-วันครูที ก็ได้อ่านประวัติ "นายกฯ ประยุทธ์" ที อ่านกี่ที ก็ตรงกันว่า .......นายกฯ เป็นคน "หัวดี-เรียนเก่ง" ตั้งแต่เด็ก แต่ผมไม่เคยเชื่อ!เพิ่งมาเชื่อสนิทวานนี้เอง (๑๖ ม.ค.๖๐) หลังจากนายกฯ ประยุทธ์พูดประโยคนี้ "ผมไม่ได้วางยุทธศาสตร์ ๒๐ ปี เพื่อจะอยู่หรือสืบทอดอำนาจ ผมจะสืบทอดอำนาจของประชาชน ความต้องการทั้งหมดอยู่ในนั้น" ชัดเป๊ะ........ เลิกพูด-เลิกถามกันไปได้เลย เรื่องจะเล่น-ไม่เล่นการเมืองต่อ เมื่อบ้านเมืองเข้าสู่โหมดเลือกตั้ง

คือ นายกฯ ประยุทธ์ จะเล่น-ไม่เล่นการเมือง...ไม่รู้ รู้แต่ว่า นายกฯ ประยุทธ์บอก จะไม่ทำอะไรเพื่อสืบทอดอำนาจตัวเองแน่นอน และก็แน่นอน.......จะทำทุกอย่าง เพื่อ "สืบทอดอำนาจของประชาชน"! เข้าใจตรงกันแล้วนะ..ทีนี้ จบ.

เมื่อจบ ก็คุยเรื่องใหม่ เรื่องที่ยังอยู่ในความสนใจผู้คนตอนนี้ ก็คือเรื่อง "ครูจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร" ผู้บอกว่าเธอ "เป็นแพะ"! ต้องติดคุกในข้อหาขับรถชนคนตายแล้วหลบหนี ที่เรณูนคร นครพนม ทั้งที่ในคืนเกิดเหตุ เธอนอนดูโทรทัศน์อยู่กับสามีที่บ้าน จังหวัดสกลนคร! หลังได้รับอภัยโทษ เธอต้องการพิสูจน์ให้เห็นถึงความบริสุทธิ์ตัวเอง กับเพื่อนสืบเสาะจนพบคนขับรถชนคนตายตัวจริงในคืนนั้น พร้อมรถของกลาง ชื่อ "นายสับ วาปี"

ครูจอมทรัพย์บอกว่า พูดคุยกันแล้ว นายสับยอมรับเป็นผู้ขับรถชนจริง พร้อมเป็นพยานยืนยันความบริสุทธิ์ให้เธอต่อศาล ในกระบวนการรื้อฟื้นคดี เธอก็ไปร้องขอความเป็นธรรมที่กระทรวงยุติธรรม กับ พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ รองปลัดกระทรวงฯ เรื่องที่ครูจอมทรัพย์และเพื่อนครูอีกคนให้สัมภาษณ์สื่อหลายแขนงตอนนั้น ทำเอาคนทั้งเมืองร้องไห้ด้วยสงสาร-เห็นใจ

ภาพของตำรวจที่ตกต่ำอยู่แล้ว จากเรื่องนี้ "จมธรณี" ไปอีกหลายหุน รวมทั้งกระบวนการยุติธรรม เกิดเครื่องหมาย? ขึ้นในใจประชาชนมากมาย! เรื่องราวก็มาถึงตอนสำคัญ เมื่อวาน (๑๖ ม.ค.) ศาลจังหวัดนครพนม เปิดศาลรื้อฟื้นคดีอาญาขึ้นมาพิจารณาใหม่ ตามคำร้องของครูจอมทรัพย์

ผมก็เป็นอีกคนหนึ่ง ที่ติดตามเรื่องนี้ ก็พยายามสดับตรับฟัง ว่าเมื่อเปิดศาลแล้ว ผลคืบหน้าไปถึงไหน? เท่าที่หาอ่านจากข่าว ครูจอมทรัพย์ "ทนายพร้อม" ตระเตรียมมาทีเดียว ๒ คน พร้อมเจ้าหน้าที่จากกระทรวงยุติธรรม ผิดกับครั้งแรกในศาลชั้นต้น ปี ๒๕๔๘ ที่เธอไม่ได้ให้ความสำคัญด้านทนายมากนัก อีกทั้งไม่ยอมให้ปากคำในชั้นสอบสวนของตำรวจ อ้างไปให้การในชั้นศาลเอง
แต่น่าแปลก เมื่อวาน ทีมทนายพร้อมก็จริง จากประสบการณ์ เธอควรต้องทราบ การรื้อฟื้นคดี จะทวงความเป็นผู้ไม่ผิดกลับคืนมาได้หรือไม่ได้ หัวใจสำคัญ คือ "พยาน-หลักฐาน" แต่ "นายสับ วาปี" ผู้ที่ครูจอมทรัพย์อ้างว่า ยอมรับเป็นคนขับรถชน พร้อมมาเป็นพยานยืนยันต่อศาล กลับไม่มา! "นางทัศนีย์ หาญพยัคฆ์" พยานผู้เห็นเหตุการณ์ตอนชน ที่ว่าจะมา ก็ไม่มา!

สรุปแล้ว การรื้อฟื้นคดีใหม่ ฝ่ายผู้ร้องให้รื้อฟื้น คือครูจอมทรัพย์เอง เมื่อวาน กลับไม่นำพยานอันเป็นตัว "ชี้เป็น-ชี้ตาย" มานำสืบต่อศาลเลย อีกคน คือสามี ที่ครูจอมทรัพย์อ้างว่า ขณะเกิดเหตุ นอนดูโทรทัศน์อยู่ด้วยกันที่บ้าน แทนที่จะนำมาเป็นพยานด้วย กลับไม่นำสามีมาเป็นพยาน 

ถึงแม้อ้างว่า พอเธอคิดคุก สามีก็ไปมีภรรยาใหม่ก็เถอะ? เรื่องคอขาดบาดตายขนาดนี้ เป็นการกู้ศักดิ์ศรีตัวเธอ เพื่อการกลับเข้ารับราชการครูใหม่ของเธอ เพื่อชีวิตใหม่ของเธอ จะยังไงก็ตาม อย่างน้อยเคยเป็นผัว-เป็นเมีย และเป็นพ่อของลูกๆ ควรอ้างเป็นพยาน ยืนยันถึง "สถานที่อยู่จริง" ของเธอในคืนเกิดเหตุ กลับไม่อ้างเป็นพยาน!

แทนที่ "ทุกอย่างพร้อม" เพื่อทวงคืนชีวิตใหม่ แต่กลับมาศาลแต่ทนายกับตัวเธอผู้ร้องให้รื้อฟื้น ไม่มีการนำพยานบุคคลใดๆ มาปรากฏตัวต่อศาล ผมดูแล้ว ในฐานะ "จำเลยตลอดชาติ" ขอบอกว่า...."ไม่เข้าใจ".......บอกตรงๆ! ฝ่ายอัยการจังหวัดนครพนม จึงยื่นคัดค้านการให้สืบพยานใหม่ แถมยังแจ้งต่อศาลให้ครูจอมทรัพย์พลอยต้องสะดุ้งไปด้วยว่า "มีหลักฐานสำคัญ" มานำสืบด้วย!

และก็ดูขัดแย้งอยู่ในที ครูจอมทรัพย์ขอให้ศาลสืบพยานเร็วที่สุด เพราะเธอได้สูญเสียอิสรภาพ และการล่มสลายทางครอบครัว อยากให้เร็ว......แต่เหตุที่ช้า เพราะครูจอมทรัพย์เอง เป็นผู้ร้องให้รื้อฟื้นแท้ๆ กลับไม่นำพยานหลักฐานมาให้สืบเลย แล้วจะเร็วได้อย่างไร!?

ดูแล้ว ยังไงชอบกล ไม่แข็งขันเหมือนตอนให้สัมภาษณ์ออกโทรทัศน์เลย ยิ่งได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกาตามที่สื่อนำเผยแพร่ ครูจอมทรัพย์ให้สัมภาษณ์ว่า ตำรวจลบคำว่า "ผู้ชาย" ออกจากสำนวน ที่พยานให้การว่า เมื่อชนแล้ว คนที่เปิดประตูรถออกมาดูเป็นผู้ชาย เธอยืนยันเห็นกับตา เพราะยืนดูตอนตำรวจพิมพ์บันทึกปากคำ และลบตรงนี้ แต่เท่าที่อ่านคำพิพากษา คำว่า "ผู้ชาย" ปรากฏอยู่!

ที่เธอกับเพื่อนครูอ้าง พยานจำได้แค่เลขทะเบียนคันที่ชน ไม่รู้จังหวัดไหน แต่ตำรวจกลับมุ่งสุ่มไปที่สกลนคร นั่นก็ไม่ตรงตามปรากฏในคำพิพากษา ซึ่งพยานระบุ บค 56 สกลนคร หมายถึงว่า ไม่ใช่ตำรวจสุ่มหาไปที่สกลนครเอง ตามที่ครูจอมทรัพย์กับเพื่อนคือครูรจนา จันทรัตน์ ให้สัมภาษณ์ออกโทรทัศน์ หากแต่พยานระบุไว้

ก็อยากบอกครูจอมทรัพย์ ที่ศาลนัดสืบพยานใหม่ วันที่ ๘-๑๐ ก.พ.๖๐ ครูกับทนายต้องพร้อมด้านพยาน-หลักฐานที่จะพิสูจน์ถึงความเป็นแพะในคดีให้มากกว่าเมื่อวาน คือ "ครั้งแรก" ไม่งั้น แฟนๆ ที่เอาใจช่วย เขาจะผิดหวัง! เพราะครู สมเป็นครู พูดเก่ง คนฟังสัมภาษณ์ "อิน" กันไปหมด เมื่อวาน ผมยังอินหนัก ที่ครูบอกว่า ขณะติดคุก ๑ ปี ๖ เดือน วงศาคณาญาติ ต้องตายไปถึง ๖-๗ คน คือ พี่สาว-พี่เขย พี่สาวอีกคนที่สุพรรณฯ ปู่-ย่า ของสามี และลูกชาย

ดังนั้นการทำความจริงให้ปรากฏ จะช่วยกู้สถานการณ์ครอบครัวและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของครูให้กลับคืนได้เร็ว อย่างน้อย จะได้เงินเยียวยา ได้ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากตำรวจ และใครต่อใครอีกเยอะแยะ ที่สำคัญ จะได้กลับเข้ารับราชการครูตามที่ปรารถนา

เมื่อโอกาสมาถึงแล้ว ศาลท่าน "เปิดศาล" ให้รื้อฟื้นคดีใหม่ได้ขนาดนี้แล้ว ซึ่งน้อยนัก-น้อยหนา จะมีอย่างนี้สักครั้ง ครูจอมทรัพย์ อย่าทำให้โอกาสเพื่อชีวิตใหม่ ต้องกลายเป็น "โอกาสซ้ำร้าย" ซ้ำอีกครั้ง เพียงเพราะ "เชื่อมั่นในความบริสุทธิ์ตัวเอง"! จนนำไปสู่ความไม่พร้อมที่จะต่อสู้-หักล้างด้วยพยานหลักฐาน พิสูจน์ให้เห็นถึงความเป็นผู้ไม่ได้กระทำผิดของตัวเองต่อศาล

ที่ให้สัมภาษณ์ กับเพื่อนครู "รจนา จันทรัตน์" เป็นนักสืบคลี่คลายคดีนี้ สามารถรวบรวมพยานหลักฐานไว้ได้มากมายนั้น จงนำออกมาใช้ให้หมดกระทั่งคำสารภาพนายสับ วาปี ที่อ้างว่า พาไปกินข้าว-กินเหล้า แล้วยอมรับต่อหน้าหลายคน ว่าเป็นคนขับรถไปชนจริง และเอารถไปซ่อนไว้ในพงรก-พกหญ้า นั่นน่ะ

ใครอยู่ในวงข้าวนั้นด้วย นำมาเป็นพยานให้หมดยิ่งดี! ผมชักหวั่นใจ...........เพราะสังเกตฝ่ายตำรวจ ดูเขากระหยิ่ม-ยิ้มย่อง รับสภาพการรื้อฟื้นคดีคล้าย "มีทีเด็ด" อะไรซักอย่างอยู่ในมือ พร้อมหักล้างพอสมควร ตรงข้ามกับครูจอมทรัพย์เอง ในกรณีนี้ พูดได้ว่าเป็นโจทก์ ตำรวจเป็นฝ่ายจำเลย

แต่โจทก์ ดูไม่พร้อมเลย

จำเลย กลับคึก เหลือหลาย!?

ในขณะที่ครูจอมทรัพย์บอก "ดิฉันเป็นแพะ"

แต่ตำรวจว่า "เป็นแกะ"

มันกลายเป็น "ศึกเดิมพัน" ระหว่าง "ศักดิ์ศรีครู" กับ "ศักดิ์ศรีตำรวจ" ที่ต้องใช้หลัก "กาลามสูตร" ในการติดตามดูซะแล้ว

ที่มา - เปลว สีเงิน นสพ.ไทยโพสต์