ดีเอสไอขู่ดัดแปลงรถหรู ผิดเทียบเท่าเลี่ยงภาษี

เมื่อวันที่ 27 มิ.ย. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า

 ในวันพรุ่งนี้ เวลา 15.00 น. จะเสนอที่ประชุมร่วม 7 หน่วยประกอบด้วย  สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) กรมการขนส่งทางบก กรมศุลกากร กรมสรรพสามิต กรมสรรพากร และสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ให้ออกมาตรการดำเนินคดีหลีกเลี่ยงภาษีศุลกากรกับผู้ครอบครองรถที่มีพฤติการณ์นำรถยนต์จดประกอบไปเปลี่ยนอะไหล่บางชิ้น เพื่อตบตาเจ้าหน้าที่ว่าเป็นรถจดประกอบจริง ไม่ได้นำเข้ารถยนต์มาทั้งคัน  ซึ่งผู้ถือครองที่นำรถไปดัดแปลงสภาพจะมีความผิดฐานหลีกเลี่ยงภาษี มีโทษเท่ากับผู้ประกอบการที่เป็นตัวการในการหลีกเลี่ยงภาษีนำเข้ารถยนต์ จึงขอเตือนไปยังผู้ครอบครองรถยนต์ว่าดีเอสไอพยายามดูแลสิทธิของผู้ครอบครองรถยนต์ โดยสันนิษฐานว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ ถูกผู้ประกอบการหลอกลวง แต่ถ้าผู้ครอบครองไปหลงเชื่อผู้อื่นนำรถไปดัดแปลงสภาพ ข้อสันนิษฐานว่าเป็นผู้บริสุทธิ์จะตกไป และจะถูกดำเนินคดีฐานหลบเลี่ยงภาษีทันที

นายธาริต กล่าวอีกว่า ขอให้ผู้ครอบครองนำรถเข้ามารับการตรวจสภาพและเอกสารการนำเข้าการจัดซื้อมามอบให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบด้วย

ขณะนี้ทั้ง 7 หน่วยงานอยู่ระหว่างการพิจารณาเพื่อหาแนวทางคลี่คลายความเดือดร้อนของผู้ครอบครองรถ โดยผู้ครอบครองจะต้องชำระภาษีในส่วนที่ขาดไปและนำคดีไปฟ้องไล่เบี้ยกับผู้ประกอบการ ส่วนผู้ครอบครองรถที่หลบเลี่ยงภาษีอีกกว่า 6,000 คัน ที่ไม่แสดงตนนำรถเข้าตรวจสอบ หลังจากนี้ดีเอสไอคงจะไม่ไปตามจับกุมหรือยึดรถยนต์เป็นรายคัน แต่จะประสานให้กรมการขนส่งทางบกประกาศไม่อนุญาตให้ต่อทะเบียนประจำปี  ทำให้กลายเป็นรถเถื่อนไม่สามารถโอนขายต่อได้

ด้าน พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร ผบ.สำนักปฏิบัติการคดีพิเศษภาค กล่าวว่า
 
ในวันพรุ่งนี้ ได้นัดหมายให้นายนฤนาท และนายธนันท์ ควรสวัสดิ์ ผู้ต้องหาคดีนำเข้ารถหรูที่ถูกเพลิงไหม้ทั้ง 6 คัน ในพื้นที่ อ.กลางดง จ.นครราชสีมา เข้าให้ปากคำและยื่นเอกสารประกอบคำชี้แจง โดยพนักงานสอบสวนจะสอบสวนขยายผลถึงความเชื่อมโยงกับนายธนธัส ขุนนุช ผู้ประกอบการร้านแอล ออโต้ ครอบครองรถยนต์หรู 28 คัน ซึ่งเกี่ยวข้องกับขบวนการปลอมแปลงหมายเลขเครื่องนำไปยื่นจดทะเบียน รวมถึงผู้ทีมีชื่อครอบครองรถหรูจำนวนมาก เช่น นายพันธุ์วศิน วิไลแก้ว มีชื่อครอบครองรถหรูถึง 76 คัน และมีชื่อนำเข้ารถยนต์เบนซ์ลี่ที่ สน.บางกอกใหญ่ ตรวจยึดและส่งให้ดีเอสไอขยายผล ทั้งนี้ หากพนักงานสอบสวนมีพยานหลักฐานเพียงพอจะเร่งขออนุมัติหมายจับ เนื่องจากเป็นกลุ่มบุคคลที่มีพฤติการณ์นำเข้ารถหรูเลี่ยงภาษีรายใหญ่