“ดร.แก้มหอม” ร่ำไห้ ยุติรักษาฟรี งัดหลักฐานแพทย์จริงลั่นไม่ทำไม่เดือดร้อน

“ดร.แก้มหอม” ร่ำไห้ ยุติรักษาฟรี งัดหลักฐานแพทย์จริงลั่นไม่ทำไม่เดือดร้อน


"ดร.แก้มหอม" เปิดแถลงข่าวทั้งน้ำตา งัดหลักฐานการศึกษายืนยันจบป.เอก 5 ใบด้านมะเร็ง เป็นแพทย์ทางเลือกอเมริกาจริง เผยรักษาผู้ป่วยไตวายเรื้อรังจนหยุดการฟอกไตได้จริง และได้รับรางวัลแพทย์ดีเด่นที่อเมริกาจากการรักษาผู้ป่วยรายนี้ ประกาศยุติโครงการรักษาฟรี ลั่นไม่ทำไม่เดือดร้อน แต่สงสารคนจนยากไร้ ซัดเข้าใจคำว่าคนจนหรือเปล่า เคยเห็นไหมจนขนาดต้องใส่รองเท้าทีละข้าง วอนผู้มีกำลังสานต่อหากเห็นว่าเป็นโครงการที่ดี ด้าน "ดาว มยุรี" จิตอาสาโครงการ ร่ำไห้สงสารผู้ป่วยยากไร้ที่เสียโอกาสดีๆ สุดเสียดายปิดตำนาน "นางฟ้า บาทเดียว"


ตกเป็นข่าวโด่งดังเลยทีเดียวสำหรับ "ดร.แก้มหอม สวนแก้ว" แพทย์ทางเลือกด้านมะเร็งจากอเมริกา หลังจากได้ออกมาให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องราวชีวิต การทำงาน และการอุทิศตัวเพื่อสังคม หอบเงินจากการเป็นแพทย์ทางเลือกและจำหน่ายยาสมุนไพรที่อเมริกากลับบ้านเกิดจังหวัดเชียงใหม่เปิดอโรคยารักษาฟรี 1 บาทรักษาทุกโรค ทำให้ชื่อของดร.แก้มหอมโด่งดังในเวลารวดเร็ว จนได้ฉายา "นางฟ้า บาทเดียว"
ข่าวดังกล่าวโด่งดังจนกระทรวงสาธารณสุขเข้ามาตรวจสอบอโรคยาสาภีจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมกับกระแสข่าวไม่มีทะเบียนแพทย์ในประเทศไทย สั่งห้ามไม่ให้ใช้คำนำหน้าว่า "หมอ" และไม่สามารถใช้คำว่า "รักษา" ในการรักษามะเร็งได้ จนเจ้าตัวต้องเปิดแถลงข่าวเปิดใจ พร้อมทั้งขนประกาศนียบัตรการเรียน ใบรับรองที่อเมริกามายืนยันว่า ได้จบปริญญาเอกแพทย์ทางเลือก 5 ใบด้านมะเร็งจริง พร้อมทั้งประกาศยุติรักษาฟรีในประเทศ กลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่เมื่อมีผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้ายมาขอเข้าโครงการเดินทางมาร่วมงานแถลงข่าว บอกถึงจะไม่ได้เข้าโครงการเพราะดร.แก้มหอมประกาศปิดโครงการ แต่ได้มาเจอหน้าดร.แก้มหอมก็ยังดี
แจงละเอียดยิบ เรียน 3 บอร์ด แพทย์สมุนไพร , แพทย์ทางเลือก และ แพทย์ผสมผสาน สภาแพทย์สหรัฐอเมริกาเป็นผู้รับรอง ใช้เวลาเรียนทั้งหมด 12 ปี จบ ป.เอกด้านมะเร็ง 5 ใบ เรียนด้านมะเร็งมาโดยตรงและเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านโรคไต เป็นกลุ่มโรคไตวายเรื้อรัง และโรคไตอักเสบ วิชาเอกคือมะเร็ง อันที่สองคือโรคไต
"หลังจากที่หมอเรียนจบปริญญาตรีทางด้านบริหารที่เมืองไทย และได้ย้ายไปอยู่ที่สหรัฐอเมริกาก็เริ่มต้นเรียนใหม่หมดเลย ซึ่งเราเลือกที่จะเรียน 3 บอร์ด หนึ่งคือแพทย์สมุนไพร ส่วนอันที่ 2 คือแพทย์ทางเลือก อันที่ 3 ก็คือแพทย์ผสมผสาน ซึ่ง 3 อย่างนี้เป็นคนละศาสตร์กัน เราก็ไปเรียน แล้วสภาแพทย์ที่สหรัฐอเมริกาเป็นตัวรับรองเรา"

"ซึ่งตัวแรกที่เราเรียนคือแพทย์สมนุไพร ใช้เวลาเรียน 4 ปี เสร็จแล้วเราก็ไปเรียน nutrition ก็คืออยู่ในกลุ่มของพวกวิตามิน เหลือแร่ พวกปรับค่า ph balance อะไรพวกนี้จะไม่ใช่สมุนไพร ก็ต้องไปเรียนอีก 2 ปี แล้วก็ต้องไปเรียนการแพทย์แบบองค์รวมอีก 2 ปี ซึ่งทั้งหมด 8 ปี ถือเป็นแพทย์ปริญญาโทเท่านั้น พอจบ 8 ปีก็ไปเรียนระดับปริญญาเอกอีก 4 ปี ดิฉันจบปริญญาเอกทั้งหมด 5 ใบ รวมแล้วเรียน 12 ปี ไม่ง่ายค่ะ เรียนทางด้านมะเร็งโดยตรง และเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านโรคไต เป็นกลุ่มโรคไตวายเรื้อรัง และโรคไตอักเสบ วิชาเอกคือมะเร็ง อันที่สองคือโรคไต ดิฉันเป็นหมอขึ้นบอร์ดทั้งที่ประเทศสหรัฐอเมริกาและอังกฤษ ส่วนเรื่องสิทธิ์ในดูแลคนไข้นั้นที่อเมริกาเขารับรองเราโดยทางบอร์ดและกฎหมายของประเทศชัวร์อยู่แล้ว 100% แต่ทางอังกฤษเราขอขึ้นเป็นอาจารย์ค่ะ ตอนนี้ไม่ต้องรักษาคนแล้วแต่เราทำหน้าที่สอนหมอ"
เป็นคนไทยคนเดียวที่มีชื่อในบอร์ดแพทย์ทางเลือกซึ่งขึ้นทะเบียนจากทั่วโลก แต่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนในไทยเพราะไทยไม่มีหลักสูตรสอนระดับป.เอก และไม่เคยยื่นขอขึ้นทะเบียนแพทย์ที่ไทย
"เรามีชื่อขึ้นบอร์ดมีเลขที่ประกอบวิชาชีพ ใบแรกเราเลขที่ 3 หมื่นกว่า แล้วบอร์ดนี้ขึ้นทั้งโลกนะคะไม่ใช่แค่ที่สหรัฐอเมริกา บอร์ดมีมาทั้งหมด 36 ปีแล้ว เราเป็นคนไทยคนเดียวที่มีลิสต์ในบอร์ดนี้ แล้วพอเราเทิร์นเป็นโปรเลขที่ก็จะลดลงเหลือแค่อยู่ที่อันดับที่หมื่นกว่า เราก็เลยไปหาอีกว่าระดับโปรมีคนไทยไหม ก็ไม่มี ก็กลายเป็นคนไทยคนเดียวที่มีชื่อในบอร์ด"
"ส่วนที่เมืองไทยดิฉันยังไม่เคยขอขึ้นเป็นหมอเมืองไทยนะคะ และได้เอาเอกสารไปให้ทางผู้ใหญ่บางท่านดู ท่านก็บอกว่าศาสตร์ที่หมอแก้มหอมเรียนในเมืองไทยไม่มีสอน ฉะนั้นในเมืองไทยก็ไม่สามารถรับรองได้เพราะมันไม่มีสอนแล้วใครจะมารับรองให้ได้ เท่าที่ทราบในเมืองไทยจะมีการเรียนแพทย์ทางเลือกและแพทย์แผนไทยประยุกต์ และแพทย์แผนไทย ซึ่งในหลักสูตรก็จะเรียนประมาณ 4 ปีนั่นถือเป็นปริญญาตรี แต่หลักสูตรปริญญาโทยังไม่มีในประเทศไทย ฉะนั้นไม่ต้องพูดถึงปริญญาเอกเพราะยังไม่มีในประเทศไทย ผู้ใหญ่ท่านก็แนะนำว่าให้เราทำวิจัยแล้วนำหลักสูตรตรงนี้มาสอนเอง เพื่อที่จะได้มีคนมาเรียนแล้วเราไปรับรองนักเรียน"

เผยมีคนไข้ส่วนตัวที่รับรักษาให้อยู่ที่อเมริกากว่า 2 หมื่นคน และสร้างชื่อเสียงให้ตัวเองหลังรักษาผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย จนได้รับรางวัลแพทย์ดีเด่นของประเทศสหรัฐอเมริกา
"ที่อเมริกาเรามีผู้ป่วยที่ดูแลส่วนตัวอยู่ 2 หมื่นคน ไม่รวมกับโรงพยาบาลไม่รวมกับคลินิกอื่น ส่วนเคสที่ลาวที่ทำให้เราได้รับรางวัลแพทย์ดีเด่นของประเทศสหรัฐอเมริกา เราได้จาก 3 เคส เคสที่หนึ่งคือเคสท่านทศพร งามวงศา ทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ศุลกากรที่ประเทศลาว ท่านป่วยเป็นโรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย หมายความว่าท่านอยู่ในโรงพยาบาลเกือบ 3 เดือน ไม่รู้ตัวแล้ว น้ำหนักลง 20 กิโลฯ แล้วใส่ออกซิเยน ไม่สามารถหายใจเองได้ แล้วทางโรงพยาบาลมิตรภาพที่เวียงจันทร์เรียกให้ญาติพี่น้องมาเซ็นเพื่อที่จะเอาออกซิเยนออก เพื่อให้คนไข้เสียชีวิตไม่ต้องทนทรมานอยู่ต่อ แล้วมีญาติเขาที่อยู่อเมริกาติดต่อเรามาเพื่อนำยาไปรักษาร่วมกับทางโรงพยาบาลมิตรภาพ ใช้เวลารักษา 20 กว่าวันคนไข้ฟื้น จากวันแรกที่รักษาจนถึงวันนี้ 1 ปี กับ 6 เดือน ทางคณะแพทย์ที่โรงพยาบาลมิตรภาพทั้ง 6 ท่านได้มีการประชุมและลงความเห็นว่าให้หยุดฟอกไตเป็นครั้งแรกของประเทศลาว ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ที่คนไข้ที่ฟอกไตแล้วจะหยุดฟอกเลือด คนที่พิสูจน์ว่าคนไข้สามารถหยุดฟอกไตได้คือคุณหมอที่โรงพยาบาล เราไม่มีสิทธิ์ไปบอก ทางโรงพยาบาลจะเป็นคนตัดสินใจเอง" 

เปิดใจถึงเหตุผลที่กลับมารักษาคนไข้ที่เมืองไทยเพราะอยากตอบแทนบ้านเกิด
"จริงๆ เราไม่ได้มีความจำเป็นต้องกลับมาเมืองไทยเลย เพราะครอบครัวย้ายไปอยู่อเมริกาหมดแล้ว ลูกทั้ง 2 คนก็เรียนที่อเมริกา แต่ที่กลับมาเมืองไทยเพราะเรามาทำบุญ มาไถ่ชีวิตวัวควาย มาบริจาคโลงศพให้คนยากจน มาสร้างเมรุเผาศพ มาเลี้ยงเด็กกำพร้า ซึ่งที่อเมริกาไม่มีการทำบุญแบบนี้เราก็เลยกลับมาทำที่เมืองไทย ตอนที่อยู่อเมริกาดิฉันทำงานก่อนแล้วค่อยเรียน และได้รับการสนับสนุนจากพี่น้องคนไทย คนลาว คนม้งคนเผ่า ที่ช่วยกิจการทำให้มีเงินไปเรียนหนังสือ ฉะนั้นดิฉันจะบอกเสมอว่าผู้ที่ส่งเสียดิฉันเรียนคือคนไทยและคนลาว เป็นผู้มีพระคุณของเรา พอได้รับใบอนุญาตครั้งแรกเมื่อเดือน
พฤศจิกายน ปี 2010 แล้ววันที่ 5 ธันวาคม ก็เลยทำโครงการรักษาพระสงฆ์ฟรีในอเมริกาทันที"

"พอได้กลับมาเมืองไทยก็มีโอกาสได้เจอกับอาจารย์หมอ ก็มีผู้ใหญ่แนะนำให้มาดูเคสคนไทยบ้างสิ คนไทยก็เป็นมะเร็งเยอะนะ อย่างที่สองคือมีคนป่วยที่มีญาติอยู่อเมริการวมถึงพระสงฆ์ที่รู้ว่าดิฉันกลับมาเมืองไทย เขาไปบอกคนรู้จักว่าหมอแก้มหอมกลับมาเมืองไทยนะไปรักษาสิ รวมทั้งผู้ป่วยโรคมะเร็งระยะสุดท้ายที่ยากจนที่ไม่มีใครรับรักษาแล้วพระสงฆ์ท่านก็แนะนำมาหาเรา ทำให้มีคนรู้จักและมาหาเราจากตรงนี้ เพราะจริงๆ เวลากลับมาเมืองไทยเราจะอยู่แต่ในสวน ไม่ได้เข้าสังคมไม่ไปไหนเลยด้วยซ้ำ"
ยันอโรคยาเดอสารภี เป็นธรรมะสถาน ไม่ใช่โรงพยาบาล เป็นที่พักผ่อนสำหรับผู้ป่วยอ่อนแรงได้เที่ยวชมธรรมชาติ

"ดิฉันเปิดอโรคยาเดอสารภี เป็นธรรมะสถานนะคะอย่าเข้าใจผิดเพราะมีคนไปบอกว่าที่อโรคยามีผู้ป่วยมะเร็งนอนเรียงกันเหมือนที่วัดถ้ำกระบอก ความจริงไม่ใช่นะคะ ที่อโรคยาไม่มีที่พักค่ะ เป็นธรรมะสถานไม่ใช่โรงพยาบาลไม่ใช่ที่พักฟื้น ด้านในมีถ้ำลอดพระพุทธเจ้าแห่งการรักษาและมีสวนซากุระ เป็นพื้นที่สำหรับผู้ป่วยอ่อนแรง ผู้ป่วยที่นั่งรถเข็น เพราะดิฉันทำทุกอย่างให้คนที่เดินไม่ได้สามารถเที่ยวได้ทั่วสวน มีผู้ป่วยหลายคนโดยเฉพาะผู้ป่วยระยะสุดท้ายและยากจน ช่วงที่เขาไปรักษาที่โรงพยาบาลรัฐ ทุกท่านก็ทราบอยู่แล้วว่าคนป่วยมีล้นโรงพยาบาล ต้องไปเข้าคิวรอตั้งแต่ตี 3 ก็มี และไม่มีที่ยืนไม่มีที่นั่ง ดิฉันก็เลยสร้างที่อโรคยาให้เป็นที่โล่งๆ โปร่ง มีต้นไม้ รอบข้างจะไม่มีมลพิษ ห้ามรถเข้าไปขับด้านในเพราะไม่อยากให้คนไข้หายใจเอากลุ่มควันจากรถเข้าไป คือทำทุกอย่างให้คนไข้ที่เข้าไปรู้สึกดี"
ยาที่ใช้รักษาในประเทศไทยได้รับ อย.แล้ว มีทั้งหมด 7 ชนิด ค่ายาทั้งหมดเป็นเงินส่วนตัวที่ได้มาจากหยาดเหงื่อการทำงานที่อยากจะแบ่งปันให้กับผู้ป่วยยากไร้มะเร็งขั้นสุดท้าย
"ในส่วนของโครงการนั้นชื่อ โครงการจิตอาสาเพื่อนมะเร็งยากจนระยะสุดท้าย ส่วน 1 บาทคือค่าบูชาพ่อปู่ชีวก

ตอนนี้เขาไม่ให้ใช้คำว่ารักษานะคะเพราะว่าหมอไม่มีใบอนุญาตในการเป็นแพทย์ในประเทศไทย ที่ผ่านมาดิฉันเปิดคลินิกชื่อ คลินิกแก้มหอมการแพทย์แผนไทย และได้รับรางวัลคลินิกดีเด่นของจังหวัดเชียงใหม่ เมื่อปีที่แล้ว และมีหมอสมุนไพรไทยที่ได้รับใบอนุญาตถูกต้องตามกฎหมายของประเทศไทยเป็นคนดูแลทั้งหมด แล้วตัวดิฉันเป็นคนเข้าไปช่วยดูแลเป็นคนคอยแนะนำเพิ่มเติมให้กับคนไข้ ไปพูดคุยให้กำลังใจ ยาในประเทศไทยเรามี 7 ชนิด ที่ได้รับ อย. และ คอ. ถูกต้องตามกฎหมายประเทศไทยทุกอย่าง สำหรับคนที่เข้าโครงการจิตอาสาเพื่อนมะเร็งยากจนระยะสุดท้ายจะได้กินฟรีตลอดไป"

"ค่าใช้จ่ายในการรักษาฟรี เป็นเงินของเราที่ได้มาจากการทำงานที่เหน็ดเหนื่อยและยากลำบาก มาจากหยาดเหงื่อแรงงานทุกอย่างของตัวเอง แต่เมื่อเรามีรายได้มีเงินเหลือไปใช้อย่างอื่นได้ก็เลยเอากลับมาใช้กับผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้ายที่เมืองไทย มีคนถามว่าทำแบบนี้ต้องการอะไร แน่นอนดิฉันอยากได้บุญและเป็นสิ่งที่ทำไม่ได้ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา และอีกไม่เกิน 2 ปีคงอยู่ที่เมืองไทยนานๆ แบบนี้ไม่ได้เพราะลูกจะย้ายไปเรียนที่ซานดิเอโกซึ่งดิฉันต้องย้ายไปอยู่กับลูก เพราะฉะนั้นหากใครที่เมืองไทยเห็นว่าสิ่งที่เราทำตรงนี้เป็นโครงการที่ดีและคุณอาจจะยังไม่เคยเป็นคนจนที่ป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย ที่ทั้งจนทั้งป่วยแบบนี้ เมื่อวันนี้ที่ดิฉันทำก็อยากให้ทุกคนเห็น เพราะดิฉันรู้ว่าภาระหน้าที่ของหน่วยงานรัฐมีมากมายอยู่แล้วคงมาดูแลแบบนี้ไม่ได้ ดิฉันอยากให้ใครที่พร้อมเรื่องเงินมารับโครงการนี้ไปดูแลด้วย"
ด้าน "ดาว มยุรี" จิตอาสาโครงการรักษาฟรีของดร.แก้มหอม ที่เดินทางมาร่วมงานแถลงข่าวถึงกับหลั่งน้ำตาเมื่อดร.แก้มหอมประกาศยุติโครงการรักษาฟรีในเมืองไทย

"ดาวรู้จักคุณหมอแก้มหอมเพราะพี่โปรดิวเซอร์ที่ทำดนตรีให้ดาวเป็นคนแนะนำ เพราะพี่เขาช่วยเป็นจิตอาสาดูแลผู้ป่วยมะเร็งอยู่กับคุณหมออยู่แล้ว พี่เขาก็เลยชวนเรามาเป็นจิตอาสาด้วย เราเคยสงสัยว่าคุณหมออยู่อเมริกาแล้วเอาเวลาไหนมาดูแลคนไข้มาแบ่งปัน พอได้คุยกับคุณหมอก็รู้สึกประทับใจว่าคุณหมอใจดีและใจบุญมาก ก็ดีใจที่ได้มีโอกาสมาร่วมบุญด้วย ก็รู้สึกเสียใจที่โครงการดีๆ แบบนี้จะต้องยุติลง คิดถึงผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้ายที่ยากไร้ บางคนโรงพยาบาลไม่รับรักษาแล้ว ดร.แก้มหอมเป็นความหวังหนึ่งของเขา แต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว"
โดยในวันนี้ "นางบุญช่วย" ผู้ป่วยมะเร็งเต้านมระยะสุดท้ายได้เดินทางมาร่วมงานแถลงข่าวด้วย ซึ่งเจ้าตัวเปิดเผยว่า ได้ติดต่อขอเข้าโครงการรักษาฟรีของดร.แก้มหอมผ่านจิตอาสา แต่ต้องถูกระงับหลังจากที่ดร.แก้มหอมตกเป็นข่าวดังกล่าว แต่ก็อยากจะมาร่วมงานแถลงข่าวได้มาเห็นหน้าดร.แก้มหอมถึงแม้จะได้เข้าโครงการก็ตาม ทำเอาดร.แก้มหอม และผู้ที่ร่วมแถลงข่าวถึงกับปาดน้ำตา

“ดร.แก้มหอม” ร่ำไห้ ยุติรักษาฟรี งัดหลักฐานแพทย์จริงลั่นไม่ทำไม่เดือดร้อน


“ดร.แก้มหอม” ร่ำไห้ ยุติรักษาฟรี งัดหลักฐานแพทย์จริงลั่นไม่ทำไม่เดือดร้อน


“ดร.แก้มหอม” ร่ำไห้ ยุติรักษาฟรี งัดหลักฐานแพทย์จริงลั่นไม่ทำไม่เดือดร้อน


“ดร.แก้มหอม” ร่ำไห้ ยุติรักษาฟรี งัดหลักฐานแพทย์จริงลั่นไม่ทำไม่เดือดร้อน


“ดร.แก้มหอม” ร่ำไห้ ยุติรักษาฟรี งัดหลักฐานแพทย์จริงลั่นไม่ทำไม่เดือดร้อน


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์