ซ้อมรบโชว์ผบ.ทบ. ฮ.พลาด! ยิงถล่มทหารเจ็บ19

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 28 ม.ค. พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. พร้อมคณะเสนาธิการทหาร

เดินทางไปตรวจเยี่ยมหน่วยกำลังทหารในพื้นที่ จ.ลพบุรี และเดินทางไปชมการสาธิตการฝึกรบร่วมระหว่างกองพลรบพิเศษที่ 1 หน่วยบัญชาการทหารสงครามพิเศษ กับศูนย์การบินทหารบก กองร้อยบิน กองพลทหารม้าที่ 1 ณ สนามฝึกยิงปืนและใช้อาวุธทางยุทธวิธี บ้านท่าเดื่อ หมู่ 3 ต.นิคมสร้างตนเอง อ.เมืองลพบุรี 


โดยมี พล.ท.ภุชงค์ รัตนวรรณ ผบ.หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษให้การต้อนรับ

บรรยายสรุปถึงแผนการฝึกโดยจำลองเหตุการณ์บุกโจมตีทหารข้าศึกที่เข้ามายึดครองพื้นที่ของประเทศไทย ใช้กำลังทหารสังกัดกองพันจู่โจม กรมรบพิเศษที่ 3 ค่ายสมเด็จพระนารายณ์มหาราช จำนวน 1 กองร้อย ประมาณ 150 นาย แบ่งเป็นฝ่ายข้าศึกและชุดบุกเข้าโจมตีทำการสาธิตประกอบการใช้อาวุธจริงแผนการฝึกสาธิตเริ่มตั้งแต่กำลังทหารชุดจำลองเป็นข้าศึกเข้ายึดครองพื้นที่เป้าหมาย จากนั้นกำลังทหารฝ่ายปฏิบัติการโจมตีจำนวน 2 หมวด ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ ลำเลียงแบบ ฮล.47 (ชินุก) บินเข้าสู่พื้นที่ปล่อยตัวใกล้จุดยิงปะทะ หลังปล่อยตัวแบบเร่งด่วนทหารทั้ง 2 หมวดลงสู่ พื้นเรียบร้อยแล้ว เฮลิคอปเตอร์ลำเลียงก็รีบบินวนขึ้นสู่ ท้องฟ้าทันที ทหารทั้ง 2 ฝ่าย เปิดฉากยิงตอบโต้กันตามแผนการฝึก โดยฝ่ายทหารชุดจู่โจมได้วิทยุขอการสนับสนุนยิงโจมตีเป้าหมายทางอากาศ โดยใช้เฮลิคอปเตอร์โจมตีแบบ ฮจ.1 (เอเอช-1 เอฟ คอบร้า) ขึ้นบินโจมตีเป้าหมายทางอากาศ โดยใช้ปืนกลอากาศขนาด 20 มม. ยิงกดดันข้าศึกและยิงจรวดไฮดร้าแบบอากาศสู่พื้น ขนาด 70 มม. หรือ 2.75 นิ้ว จำนวน 38 ลูก เข้าใส่เป้าหมายจำลองที่อยู่ไกลเกือบ 1 กม.  


ปรากฏว่าจรวด 1 ลูกเกิดพลาดเป้า พุ่งไปตกใส่กลุ่มทหารชุดโจมตีที่อยู่ในพื้นที่รวมพลรอเข้าตีก่อนจะถึงเป้าหมายที่กำหนดไว้

อำนาจการทำลายล้างของจรวดทำให้กลุ่มทหารรบพิเศษได้รับบาดเจ็บกันระเนนระนาดถึง 19 นาย นายทหารควบคุมการฝึกต้องสั่งหยุดการฝึกชั่วคราว และประสานขอรถพยาบาลรวม 3 คัน และรถบรรทุกเข้าไปลำเลียงกลุ่มทหารที่บาดเจ็บส่ง รพ.อานันทมหิดล ซึ่งอยู่ห่างพื้นที่การฝึกประมาณ 15 กม. โดยเหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นต่อหน้าต่อตา พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ที่นั่งชมอยู่ตลอดเวลา สั่งการให้เร่งช่วยเหลือทหารที่บาดเจ็บอย่างเต็มที่ โดยหลังจากเคลื่อนย้ายทหารที่บาดเจ็บออกจากพื้นที่การฝึกแล้ว ก็เริ่มการซ้อมสาธิตกันต่อจนเสร็จสิ้น ส่วนบรรยากาศการช่วยเหลือผู้บาดเจ็บที่ รพ.อานันทมหิดล เต็มไปด้วยความวุ่นวายชุลมุน พล.ต.พรเลิศ จำเรียงผอ.รพ. ต้องระดมแพทย์และพยาบาลกว่า 50 คน มาช่วย เหลือผู้บาดเจ็บ ส่วนใหญ่จะถูกสะเก็ดระเบิดเข้าที่ลำตัวและแขนขา 


สำหรับรายชื่อทหารที่ได้รับบาดเจ็บจำนวน 19 นาย ประกอบด้วย 1. ร.อ.สุชาติ เทพอำนวย ผบ.ร้อยกองพันจู่โจม 2. ส.อ.สุนทร จันทร์งาม 3. พลทหารอนงค์ จันยานน 4. พลทหารสิทธิพร สถานพงศ์ 5. จ.ส.อ.มนตรี ถิตะปุระ 6. พลทหารไพบูลย์ บุญมี 7. พลทหารอาทิตย์ เรือนเพชร 8. ส.อ.ชาญชัย บุตรลา 9. พลทหารต้อย วรวรรณ 10. จ.ส.อ.การุณ ศรีสุข 11. ส.อ.ศราวุธ วิวัฒนาการ 12. ส.อ.กนก ศศิธร 13. ส.อ.ภาสกร แสงสิงห์ 14. ส.อ.สมยศ พลอยงาม 15. ส.อ.สันติภาพ สุวรรณรังษี 16. พลทหารปราโมทย์ หาเวียนศรี 17. ส.อ.อุบล จำปาทอง 18. พลทหารสุรีวงศ์ พงษ์สุวรรณ และ 19. ส.อ.วีรพงษ์ ชอบแก้ว ในจำนวนนี้มีอยู่ 4 ราย ที่มีอาการสาหัส ต้องรักษาตัวในห้องไอซียู 


ด้าน  พล.อ.อนุพงษ์  เผ่าจินดา  ผบ.ทบ.  หลังเสร็จสิ้นการชมสาธิตการฝึกแล้วก็ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมอาการของทหารที่บาดเจ็บทันที

โดยมีสีหน้าเคร่งเครียดและปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ขณะที่นายทหารระดับสูงท่านหนึ่งเผยว่า ทาง ผบ.ทบ.ได้มีคำสั่งให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนความผิดพลาดที่เกิดขึ้นอย่างเร่งด่วนว่าเป็นความผิดของใคร ทั้งเจ้าหน้าที่ปล่อยอาวุธประจำเฮลิคอปเตอร์ ผู้ตรวจการณ์หน้าซึ่งจะเป็นผู้ที่ระบุพิกัดให้ยิง หรืออาจจะเป็นความผิดพลาดของตัวจรวดเอง หรือที่เรียกว่า “จรวดช็อต” คือดินขับของจรวดเสื่อมประสิทธิภาพ ทำให้จรวดตกระหว่างเดินทางไปยังเป้าหมาย ซึ่งประเด็นนี้มีความเป็นไปได้สูง สอดคล้องกับคำให้สัมภาษณ์ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม ที่ระบุว่าน่าจะเกิดจากดินขับของจรวดมีปัญหาหรือศัพท์เทคนิคเรียกว่า “จรวดช็อต” ซึ่งเคยเกิดขึ้นระหว่างการฝึกมาแล้วครั้งหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม คงไม่เกี่ยวกับเรื่องอาวุธ เก่า เพราะทางกองทัพมีขั้นตอนการดูแลอย่างดี มีมาตรฐาน สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ได้กำชับให้ผู้บังคับบัญชาเข้าไปดูแลทหารที่บาดเจ็บทั้งหมดอย่างเต็มที่


สำหรับเฮลิคอปเตอร์โจมตีแบบที่ 1 (ฮจ.1) หรือ เอเอช-1 เอฟ คอบร้า ผลิตโดยบริษัทเบล เฮลิคอปเตอร์ เทคตรอน ประเทศสหรัฐอเมริกา จัดเป็นเฮลิคอปเตอร์โจมตีชนิด 2 ที่นั่งเรียงกัน โดยนักบินจะนั่งเก้าอี้ตัวที่สอง ส่วนพลปืนหรือผู้ควบคุมการใช้อาวุธจะนั่งแถวหน้าสุด  ใช้เครื่องยนต์เดี่ยวขนาด 1800 แรงม้า ความเร็วบินสูงสุด 190 นอต หรือ 342 กม.ต่อ ชม. ความเร็วเดินทาง 150 นอต หรือ 270 กม.ต่อ ชม. มีรัศมีทำการบิน 510 กม. ติดตั้งอาวุธปืนกลอากาศขนาด 20 มม. แบบเอ็ม 197 ชนิด 3 ลำกล้องที่ด้านหน้าใต้ห้องนักบิน ติดตั้งเครื่องยิงจรวดขนาด 70 มม. หรือ 2.75 นิ้ว แบบ 38 ท่อยิง จำนวน 2 ชุด ยิงชุดละ 19 นัด ที่ใต้ปีกทั้งสองข้าง รวมทั้งติดตั้งจรวดนำวิถีปราบรถถังแบบอากาศสู่พื้น (โทว์) อีก 4 ลูก ให้การสนับสนุนหน่วยทหารราบในการรุกโจมตีภาคพื้นดิน โดยกองทัพบกไทยจัดหาเข้าประจำการมานานกว่า 10 ปีแล้ว จำนวน 1 ฝูง บินรวม 4 ลำ (แต่ประสบอุบัติเหตุชนภูเขาระหว่างฝึก 1 ลำ) คงเหลือใช้งาน 3 ลำ และอยู่ระหว่างจัดซื้อรุ่นเดียวกัน แต่เป็นเครื่องมือสองจากประเทศสิงคโปร์อีก  7  ลำ


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์