ชีวิตมันไม่ได้ง่าย แต่มันก็ไม่ได้ยาก ปริญญาน้ำตา ของลูกชาวนา

ชีวิตมันไม่ได้ง่าย แต่มันก็ไม่ได้ยาก ปริญญาน้ำตา ของลูกชาวนา

โพสนี้เขียนขึ้นเพื่ออยากเป็นกำลังใจให้กับใครหลายๆคน และน้องๆที่กำลังจะเติมโตในสังคมใหญ่ ที่มาจากครอบครัวที่ยากจนหรือต้นทุนทางบ้านที่ติดลบ ขอเรียกตัวเองว่าพี่นะค่ะ แนะนำตัว พี่ชื่อ ดุจเดือน สนธิดี เป็นคนพิษณุโลกโดยกำเนิด มีพี่น้องด้วยกันทั้งหมด 4 คน พี่เป็นคนสุดท้อง หลายๆคนคิดว่าลูกสุดท้องสบายที่สุด ในทางอุดมคติของครอบครัวมีเงินจริงค่ะ แต่กับพี่แล้วตรงกันข้ามเลย พี่ๆทั้ง3 ต่างแยกย้ายมีครอบครัว กลายเป็นพี่คนเดียวที่อยู่กับพ่อแม่ ด้วยความที่ครอบครัวไม่ได้มีฐานะอะไรเลยต้องช่วยทำงานทุกอย่าง ไม่ว่าจะรับจ้างทั่วไปงานที่สุจริตรับทำหมด แต่เดิมทำอาชีพทำนาก็ทำทุกอย่างเหมือนที่พ่อกับแม่ทำ ไถนา ดำนา พี่ผ่านมาหมด 55 เรียนจบมัธยมโรงเรียนรัฐบาลใกล้บ้าน ต่อโรงเรียนมัธยมปลายโรงเรียนในอำเภอในหลังสูตรคู่ขนาด คือเรียน2ที่ สายสามัญและอาชีพในสาขา ปวช.ไฟฟ้า ตลอดเวลาที่ผ่านมาก็ไม่ได้ถือว่าลำบากมากมายเท่าไหร่นักเพราะ พ่อกับแม่ก็ทำงานได้ จนพี่อยู่ ปวช.2 หัวหน้าครอบครัวที่คอยหารายได้ก็ลมป่วยแบบกระทันหันเหมือนเป็นอมพฤษขยับไม่ได้ครึ่งซีก โดยไม่มีอาการมาก่อน พอนอนรพ.ได้3วัน หมอบอกเป็นเนื้องอกในสมอง ต้องผ่าตัดด่วน ความรู้สึดตอนนั้นมันมืดไปหมด ไหนจะค่ารักษา ไหนจะค่าเรียน แม่ก็บอกว่าไม่มีเงินให้ไปเรียนนะ แต่พี่ก็บอกกับแม่ว่าอีกปีเดียวเองก็จบปวช.แล้ว ช่วงนั้นยังดีที่มีพี่ๆให้ความช่วยเหลืออยู่บ้าง พ่อใช้เวลาในการผ่าตัดและรักษาตัวอยู่ที่รพ.หนึ่งเดือนครึ่ง แล้วก็กลับมารักษาตัวและพักฟื้นต่อที่บ้าน จากนั้น3-4เดือน อาการก็ทรุดลงอีก หมอบอกว่าเนื้อมันงอกออกมาอีกในบริเวณสมองที่ผ่าตัดครั้งเดิมแต่ครั้งนี้ไม่สามารถผ่าตัดออกได้ ต้องใช้การฉายแสงแทนต่ออีกเกือบ2เดือนที่ศูนย์มะเร็ง ช่วงนั้นเป็นช่วงที่พี่จะจบปวช. ด้วยความที่ค่าใช้จ่ายในรักษาเยอะมาก แม่บอกกับพี่ว่าจบ ปวช.แล้วเลิกเรียนเถอะ ไม่มีเงินจะให้ไปเรียนแล้ว ความที่อยากเรียนมากพี่พูดกับแม่ทั้งน้ำตาว่าขอให้หนูเรียนนะ เดี่ยวหาเงินเรียนเองแม่ไม่ต้องให้ก็ได้ ขอแค่ให้เรียนนะ พี่เรียนต่อปวส.ไฟฟ้าที่เทคนิค 2ปี . ตลอดระยะเวลาที่เรียนพี่ก็ไปรับจ้างเป็นเด็กเสริฟ ที่ร้านอาหารในเมืองในชั่วเย็นหลังเลิกเรียน ทำงานตั้งแต่ 16.00-00.00 น.วันไหนเลิกเรียนเย็นก็ถูกหักเงิน เงินส่วนหนึ่งที่ได้มาจะแบ่งให้แม่ไว้ใช่จ่าย ส่วนพ่อก็ยังเข้าออกรพ.ทุกเดือน จนพี่เรียนอยู่ปวส.2ต้นปี หมอบอกว่าต้องเปลี่ยนการรักษามาให้คีโมแทน คนไข้เป็นมะเร็งสมอง จากที่ยืนฟังหมอพูดอยู่ๆขาทั้งสองก็อ่อนแรงทรุดลงไป น้ำตามันไหนออกมาแบบไม่รู้ตัว มือไม้สั่นพูดอะไรไม่ออกได้ หมอก็ได้แค่พูดว่าจะทำให้ดีที่สุด เราอยู่รพ.เหมือนบ้านหลังที่2 จบมาให้จะจบปวส. มีโคต้าของมจพ.มาที่วิลัย แต่ก็ไม่ได้สนใจเพราะรู้ว่าคงไม่มีทางเรียนไหวแน่ๆถ้าพ่อยังป่วยแบบนี้ มีคำพูดนึงพ่อพูดอยู่ตลอดตั้งแต่ก่อนป่วนและที่ยังป่วยอยู่ว่าเรียนจบปริญญาให้ได้นะ จนมาถึงวันสอบปลายเทอมเพื่อจบการศึกษาปวส. เหตุการณ์ไม่คาดคิดว่ามันจะเกิดขึ้นเร็วขนาดนี้ก็มาถึง วันนั้นประมาณเกือบ8โมงเช้า พี่นั่งอยู่ในห้องรอที่จะสอบมีโทรศัพท์จากพี่ชายว่าให้รีบกลับบ้านด่วนเพราะพ่อแย่แล้ว พี่ก็บอกกลับไปว่ากำลังจะสอบไม่นานจะรีบกลับ แต่มันไม่ทันซะแล้วต่อจากที่รับสายไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ในระหว่างที่อ.กำลังแจกเอกสารที่ใช้สอบ ก็มีสายเข้ามาอีกแต่เป็นคำพูดที่สั่นเคลือว่าไม่ต้องรีบนะสอบเสร็จแล้วตอนเย็นค่อยกลับ พ่อสิ้นใจแล้ว ขาอ่อนแรงครั้งที่สองมันก็กลับมา พี่ยืนร้องไห้กลางห้องสอบทั้งที่ในมือยังถือเอกสารสอบ ตอนนั้นทำอะไรไม่ถูกเลยข้อสอบที่ได้มาอ่านไม่ออกหัวมันหมุนไปหมดจิตใจคิดแต่จะกลับบ้านอย่างเดียว หลังจากเสร็จสิ้นงานศพได้ประมาณเกือบ2เดือน โอกาศก็กลับมาอีกครั้ง คือ มจพ.เปิดสอบตรง นี่เป็นโอกาศสุดท้ายที่พี่ต้องทำให้ได้บอกกับตัวเองแบบนั้น แม้จะไม่หวังเลยก็ตาม ในวันประกาศผลสอบพี่ติด1ใน16 คน ที่สอบได้. ขอเรียกความสำเร็จนี่ว่า"ปริญญาน้ำตา" มันไม่ง่ายเลยแต่..ใช่ว่าทำไม่ได้ ไม่มีอะไรเกินความสามารถของคน ในวันที่สิ้นหวัง ท้อแท้ ให้คุณมองดูคนที่ลำบากกว่า แขนขาขาด ตาบอด เขายังสู้ชีวิตเลย #ขอบคุณคนที่ทนอ่านจนจบที่เขียนเพื่ออยากเป็นกำลังใจให้คนที่กำลังสิ้นหวังท้อแท้ในโชคชะตาแต่คุณจงสัจธาในตัวเอง. ‪#‎ทุกอย่างเราลิขิตได้ด้วยสองมือ‬


ที่มา Wanmai Dujduan

ชีวิตมันไม่ได้ง่าย แต่มันก็ไม่ได้ยาก ปริญญาน้ำตา ของลูกชาวนา


ชีวิตมันไม่ได้ง่าย แต่มันก็ไม่ได้ยาก ปริญญาน้ำตา ของลูกชาวนา


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์