ชาวสองแคว วอนเร่งแก้ น้ำเน่าท่วม

น้ำท่วม จนเน่า สัตว์น้ำตายส่งกลิ่นคละคลุ้ง



ปัญหาอุทกภัยในหลายจังหวัดพื้นที่ภาคเหนือยังน่าเป็นห่วง ทั้งการค้นหาผู้สูญหายไปกับกระแสน้ำ การช่วยเหลือผู้ได้รับความเดือดร้อน ล่าสุดยังเกิดปัญหาน้ำที่ท่วมขังในพื้นที่เกิดเน่าเหม็น ส่งผลให้มีปัญหาเรื่องสุขภาพอนามัยตามมา โดยเมื่อเวลา 10.00 น. วานนี้ (7 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวได้เดินทางเข้าไปสำรวจบริเวณพื้นที่ อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก พบว่าระดับน้ำในแม่น้ำยมใต้สะพานข้ามแม่น้ำถนนสายพิษณุโลก-บางระกำ บริเวณบ้านวังกุ่ม หมู่ที่ 15 ต.บางระกำ และชุมชนบ้านปากคลอง เขตเทศบาลตำบลบางระกำ


อยู่ในสภาพที่เน่าเหม็นส่งกลิ่นคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ ตลอดสองฟากฝั่งของแม่น้ำที่จะต้องไหลไปลงสู่แม่น้ำน่านพื้นที่ อ.สามง่าม จ.พิจิตร โดยน้ำมีสีดำสนิทและเน่าเหม็นดังกล่าวได้ไหลมาจาก อ.กงไกรลาศ จ.สุโขทัย ลงสู่คลองบางแก้วและทะลักออกทางหน้าฝายบางแก้วเข้าท่วมไร่นาและบ้านเรือนของชาวบ้าน สร้างความเดือดร้อนให้กับราษฎรที่ถูกน้ำท่วมบ้านเรือน จนต้องขนของย้ายมาสร้างเพิงพักชั่วคราวที่ริมถนนใกล้กับเชิงสะพานข้ามแม่น้ำยมเพราะทนกลิ่นเหม็นไม่ไหว


นางทองอยู่ แก้วฉิม อายุ 56 ปี บ้านเลขที่ 313/2 หมู่ 15 บ้านวังกุ่ม ต.บางระกำ หนึ่งในชาวบ้านที่มาสร้างเพิงพักอาศัยชั่วคราวอยู่ริมถนนสายพิษณุโลก-บางระกำ เปิดเผยว่า น้ำที่เน่าจนมีสีดำสนิทได้เริ่มไหลทะลักมาลงแม่น้ำยมที่บริเวณสะพานเมื่อช่วงกลางดึกคืนที่ผ่านมา ชาวบ้านทั้งผู้ใหญ่และเด็กเริ่มมีอาการป่วยโรคระบบทางเดินหายใจ บางคนที่จำต้องลุยน้ำเดินเข้าออกบ้านที่ถูกน้ำท่วม เกิดอาการคันเป็นตุ่มขึ้น มีผื่นแดงที่บริเวณขาและเท้า หากมองลงไปในแม่น้ำยมช่วงที่ไหลผ่านตัวอำเภอบางระกำไปลงแม่น้ำน่าน จะเห็นได้ชัดเหมือนกับเป็นแม่น้ำสองสี คือสีแดงขุ่นกับสีดำที่เกิดจากน้ำเน่าเสีย

ตั้งแต่เกิดมาและมีน้ำท่วมซ้ำซากมานับ 30 ปี ยังไม่เคยมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นแม้แต่ครั้งเดียว ที่สำคัญยังทำให้สัตว์น้ำตายเป็นเบือ ชาวบ้านไม่กล้าเก็บมาบริโภคเพราะกลัวจะมีเชื้อโรคปะปนอยู่ และยิ่งทำให้น้ำเน่าเหม็นมากขึ้นด้วย อยากจะให้หน่วยงานที่มีหน้าที่ดูแลเร่งเข้ามาแก้ไขปัญหาโดยด่วน


ยังดำเนินการหาคนหายต่อไป



ด้าน นายสันติ กรุสวนสมบัติ รอง ผวจ.พิษณุโลก กล่าวถึงปัญหาน้ำที่เน่าเสียว่า เท่าที่ทราบเป็นน้ำที่ไหลมาจาก จ.สุโขทัย และมีสิ่งปฏิกูลปะปนหมักหมมในน้ำเป็นจำนวนมากจึงทำให้น้ำเน่า คาดว่าใน 1-2 วันปัญหาดังกล่าวน่าจะหมดไป เพราะน้ำเน่าจะถูกชะล้างไปจนหมด อย่างไรก็ตาม จะส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบและให้การช่วยเหลือประชาชนที่ประสบปัญหาน้ำเน่าเหม็นโดยด่วน ส่วนสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ จ.พิษณุโลก ยังคงมีน้ำท่วมในหลายอำเภอ เช่นที่ อ.พรหมพิราม และ อ.บางระกำ บางส่วน


สรุปความเสียหายมีบ้านเรือนและพื้นที่การเกษตรที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมรวม 3 อำเภอ 12 ตำบล 44 หมู่บ้าน 772 ครัวเรือน 3,511 คน นาข้าว 80,877 ไร่ พืชไร่ 893 ไร่ พืชสวน 105 ไร่ ถนน 23 สาย บ่อปลา 214 บ่อ ปลากระชัง 158 กระชัง รวมพื้นที่การเกษตรเสียหายถึง 81,875 ไร่ อยู่ระหว่างเร่งฟื้นฟูและช่วยเหลือต่อไป


ในส่วนของ จ.อุตรดิตถ์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ยังคงมีขบวนรถคาราวานจากทั่วประเทศทั้งภาครัฐและเอกชน รวมไปถึงองค์กรการกุศลต่างๆนำสิ่งของมาบริจาคช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยอย่างต่อเนื่องไม่ขาดสาย เช่นคณะของนายชนินทร์ บัวประเสริฐ ผวจ.นครสวรรค์ และคณะผู้จัดสถานีวิทยุร่วมด้วยช่วยกัน จ.ชุมพร เป็นต้น ซึ่ง จ.อุตรดิตถ์ เป็นจังหวัดที่ได้รับความเสียหายหนักที่สุดในภาคเหนือ มีผู้เสียชีวิต 71 ราย สูญหายอีก 32 รายบ้านเรือนประชาชนเสียหายทุกอำเภอ


ด้าน ร.ต.ท.อุปฤทธิ์ ศรีจันทร์ ผวจ.อุตรดิตถ์ เผยถึงความคืบหน้าในการค้นหาผู้ที่ยังสูญหายทั้ง 32 รายว่า ทางจังหวัดได้ร่วมมือกับกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ทหารจากกองพันทหารม้าที่ 7 ค่ายพิชัยดาบหัก ทหารจากกองทัพเรือ กองร้อย ตชด.ที่ 317 กรมชลประทาน กรมเจ้าท่า เจ้าหน้าที่และอาสาสมัครของมูลนิธิร่วมกตัญญู อาสาสมัครกู้ภัยวัดไม้หมอน กว่า 300 คน นำเครื่องจักรกล ขนาดหนัก เช่น รถแบ็กโฮติดตั้งบนแพ ขนานยนต์รวม 6 แพ เข้าไปเคลียร์กองไม้ เศษไม้ ที่ถูกน้ำป่าพัดไปกองทับถมกันอยู่บริเวณปากน้ำลี ต.น้ำหมัน อ.ท่าปลา จ.อุตรดิตถ์ ซึ่งเป็นจุดที่คาดว่าศพผู้สูญหายทั้ง 32 ราย น่าจะจมอยู่ใต้ซากกองไม้ที่ทับถมกันอยู่หนาประมาณ 3-8 เมตร


ช่วยเหลือ ศพล่ะ 15,000



เราคาดหวังว่าน่าจะพบศพผู้สูญหายอีกบางส่วนแต่ยังไม่แน่ชัด เพราะสภาพศพเสียชีวิตมานานแล้ว อาจจะเน่าเปือยย่อยสลายไปมากแล้วหรือจมลงไปใต้น้ำ ซึ่งจุดนี้คงเก็บกู้ขึ้นมาไม่ได้ โดยในวันที่ 8 มิ.ย. จะมีการประชุมร่วมกับญาติผู้สูญหาย หากยังไม่เจอศพก็จะยุติการค้นหาและรวบรวมรายชื่อผู้สูญหายทั้งหมด เพื่อให้ญาตินำเรื่องไปร้องต่อศาลเพื่อให้เป็นบุคคลสูญหายต่อไป สำหรับยอดผู้เสียชีวิตใน จ.อุตรดิตถ์ ยังคงอยู่ที่ 71 ราย สูญหาย 32 ราย ในจำนวนนี้เป็นชาวบ้านใน อ.ท่าปลา 28 รายและ อ.ลับแล 4 ราย ผวจ.อุตรดิตถ์สรุป ทางด้านนายจักริน เปลี่ยนวงศ์ รอง ผวจ.อุตรดิตถ์ กล่าวว่า


ทางจังหวัด ได้เบิกเงินงบประมาณไว้ 2 ล้านบาท สำหรับจ่ายเป็นค่าชดเชยให้กับผู้เสียชีวิต หากเป็นหัวหน้าครอบครัวจะจ่ายให้รายละ 40,000 บาท หากเป็นสมาชิกในครอบครัวจะได้ศพละ 15,000 บาท


ส่วนที่ จ.สุโขทัย เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 7 มิ.ย. พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ เสด็จโดยรถยนต์พระที่นั่งถึงยังโรงเรียนบ้านดงหญ้าปลา ต.บ้านตึก อ.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย เพื่อเยี่ยมเยียนราษฎรที่ประสบปัญหาอุทกภัย พร้อมทั้งทรงปรุงเส้นใหญ่ผัดซีอิ๊วไก่ประทานแก่ราษฎรที่มาเฝ้ารอรับเสด็จด้วยพระองค์เองจนครบถ้วนทุกคน ยังความปลาบปลื้มแก่ราษฎรเป็นล้นพ้น จากนั้นได้เสด็จไปยังสำนักสงฆ์ศรีจำปา ที่อยู่ด้านหลังโรงเรียนบ้านดงหญ้าปลา ทรงถวายสังฆทาน ถุงยังชีพ และจตุปัจจัยแก่พระสงฆ์ทั้ง 11 รูป


ต่อจากนั้นทางเจ้าหน้าที่ได้เบิกตัวแทนครอบครัวของผู้เสียชีวิตจำนวน 5 ราย เข้ารับประทานเงินช่วยเหลือส่วนพระองค์ ประทานเข็ม ปลอกแขนที่ระลึก เพื่อนพึ่ง (ภา) แก่ ผู้บำเพ็ญประโยชน์จำนวน 31 ราย ประทานถุงยังชีพแก่ราษฎรทั้ง 557 ครอบครัว ที่ประสบปัญหาอุทกภัยด้วย จากนั้นได้เสด็จไปตรวจพื้นที่ที่จะใช้ก่อสร้างบ้านน็อกดาวน์ บ้านเพื่อนพึ่ง (ภา) จำนวน 24 หลัง บริเวณด้านหลังโรงเรียนบ้านแม่คุ ต.บ้านตึก อ.ศรีสัชนาลัย ก่อนจะเสด็จกลับเมื่อเวลา 19.00 น. วันเดียวกัน





แหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์