จุฬาฯเจ๋งผลิตชุดตรวจไข้หวัดใหญ่

เมื่อวันที่ 29 ก.ย. ที่ร.พ.จุฬาลงกรณ์ น.พ.ประสงค์ ศิริวิริยกุล รองคณบดีคณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ รศ.ดร.ศักรินทร์ ภูมิรัตน์ ผอ.สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ

และศ.น.พ.ยง ภูวรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ ร่วมกันแถลงข่าวความสำเร็จในการพัฒนาชุดตรวจวินิจฉัยไข้หวัดใหญ่ ที่สามารถแยกสายพันธุ์ของไวรัสหลายสายพันธุ์ได้ในคราวเดียวเป็นรายแรกของประเทศไทย

รศ.ดร.ศักรินทร์ กล่าวว่า เป็นที่ทราบกันดีว่าเชื้อไข้หวัดใหญ่เป็นปัญหาสำคัญทางด้านสาธารณสุข เนื่องจากเชื้อไวรัสสามารถแพร่กระจายไปได้อย่างรวดเร็ว

ทำให้เกิดการระบาด มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก ปัจจุบันปัญหาการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดนก สายพันธุ์ H5N1 ซึ่งเป็นการเกิดไข้หวัดใหญ่ในสัตว์ที่สร้างความเดือดร้อนเสียหายให้กับประเทศต่างๆ ทั่วโลกอย่างมาก จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลก พบว่ามีการระบาดโรคไข้หวัดนกในคนทั่วทวีปเอเชีย ยุโรป และแอฟริกา รวมทั้งสิ้น 15 ประเทศ มีผู้เสียชีวิตจำนวน 25 รายจากผู้ติดเชื้อ 387 ราย นับว่าควรจะต้องหาวิธีป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรคอย่างเร่งด่วน ทั้งนี้ในช่วงที่ผ่านมา สวทช.ให้การสนับสนุนศ.น.พ.ยง และคณะผู้วิจัยจากคณะแพทยศาสตร์ และคณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาฯ คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ รวมทั้งกรมปศุสัตว์ในการศึกษาวิจัยพัฒนาชุดตรวจแยกชนิดของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ ซึ่งจะสามารถแยกสายพันธุ์ของไวรัสได้พร้อมกันในคราวเดียว ทำให้สามารถคัดแยกผู้ป่วยได้อย่างรวดเร็ว ป้องกันการระบาด และยังมีราคาถูก และแม่นยำกว่าการใช้ชุดตรวจจากต่างประเทศอีกด้วย

ด้านศ.น.พ.ยง กล่าวว่า สำหรับชุดตรวจที่ทางคณะนักวิจัยพัฒนาขึ้นนี้ เป็นการพัฒนาเทคนิคการตรวจหาเชื้อจากสารพันธุกรรม จากสิ่งส่งตรวจที่ได้จากผู้ป่วย

เช่นน้ำมูก,สารคัดหลั่ง ฯลฯ นำมาตรวจ เพื่อหามาตรฐานว่าเป็นเชื้อไข้หวัดใหญ่ชนิดเอ หรือ บี ถ้าหากพบว่าเป็นไข้หวัดใหญ่ชนิดเอ ก็หาว่าเป็นไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล คือชนิด H1N1 ,H3N2 หรือเป็นไข้หวัดนก คือชนิด H5N1 ซึ่งในชุดตรวจนี้จะสามารถบอกได้ทันทีในการตรวจครั้งเดียว และใช้เวลาเพียง 2-6 ชั่วโมงเท่านั้น จะทำให้การวินิจฉัยเป็นไปอย่างรวดเร็ว ทำให้มีเวลาพอในการหามาตรการป้องกันการแพร่กระจายออกไป ทั้งนี้นอกจากความรวดเร็วแล้ว การพัฒนาชุดตรวจชนิดนี้ยังมีความแม่นยำและความไวถึงตรวจไวรัสได้ถึง 100 ตัว และยังมีราคาถูกชุดละไม่ถึง 200 บาท

"ปัจจุบันการพัฒนาชุดตรวจดังกล่าวถูกตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์ในต่างประเทศ 2 แห่ง ถือว่าเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติทั่วโลกแล้ว คิดว่าชุดตรวจนี้จะทำให้การป้องกันการแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยไม่ต้องพึ่งพาชุดตรวจจากต่างประเทศที่อาจจะมีสายพันธุ์ไวรัสที่แตกต่างกัน และสามารถตรวจได้ถูกต้องแม่นยำ รวมทั้งราคาถูกกว่าอีกด้วย" ศ.น.พ.ยง กล่าว

เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์