จับแก๊งต่างชาติลอบนำบัตรเครดิตปลอมเข้าไทย

จับแก๊งต่างชาติลอบนำบัตรเครดิตปลอมเข้าไทย

เมื่อวันที่ 28 ก.ย. พ.ต.อ.นิธิธร จิตนกานนท์ รองผบก.ทท. นายบุญเทียม โชควิวัฒน ผอ.สนง.ศุลกากร ตรวจของผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ พ.ต.อ.มนเทียร เบ้าทอง ผกก.สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก6 บก.ทท.และศุลกากรทสภ. ชุดจับกุม ร่วมกับแถลงผลการจับกุม 3 ผู้ต้องหาชาวไนเจอร์ประกอบด้วย นายยาฮายา มาฮามาดู ซาเลา อายุ 24 ปี นายมามาน มาลัม อับดู อายุ 55 ปีและ นายฮาลีโรว์ อับดุล คาร์เคร อายุ 44 ปี พร้อมของกลาง บัตรเดบิตและเครดิต ประเภทวีซ่าและมาสเตอร์การ์ด ของธนาคารต่างๆในประเทศไนจีเรียปลอม จำนวน 558 ใบ โดยจับกุมได้บริเวณ ช่องทางตรวจสัมภาระผู้โดยสารเข้าเข้าช่องเขียวโซนซี อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ ชั้น 2 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ


พ.ต.อ.นิธิธร จิตนกานนท์ รองผบก.ทท. กล่าวว่า แก๊งดังกล่าวถิอเป็นกลุ่มอาชญากรข้ามชาติ ที่ทุกหน่วยงานเฝ้าระวัง โดยกลุ่มนี้ถูกเจ้าหน้าที่ด่านตรวจศุลกากรของผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ สุ่มตรวจกระเป๋าระหว่างเดินผ่านช่องเขียวหรือช่องไม่มีของต้องสำแดง พบบัตรถูกมัดรวมกันไว้เป็นปึก จึงเปิดตรวจสอบก็พบว่าเป็นเดบิตและบัตรเตรดิต จำนวนมาก จึงประสานตำรวจท่องเที่ยว และผู้เชี่ยวชาญด้านบัตรอิเล็กทรอนิกส์ เข้าตรวจสอบ ก็พบว่า บัตรทั้งหมดเป็นของปลอม โดยปลอมข้อมูลบนบัตรที่มีการฝังชิฟไว้ในแต่ละบัตรได้เกือบสมบูรณ์ทุกใบ ซึ่งถือว่าเป็นครั้งแรกที่พบว่ามีการปลอมชิฟข้อมูลบนบัตรดังกล่าวและเตรียมนำมาใช้ก่ออาชญากรรมทางเศรษฐกิจในไทย คาดว่า หากถูกนำไปรูดซื้อสินค้าหรือกดเงินสดออกจากตู้เอทีเอ็ม จะทำให้ธนาคารในไทยมีมูลค่าความเสียหายสูงถึง 5 ล้านบาท

พ.ต.อ.นิธิธร กล่าวว่า จากการสอบสวนเบื้องต้นทั้งหมดให้การว่า รู้จักกันโดยเดินทางจากประเทศไนเจอร์ มาลงที่เมืองกวางโจว ประเทศจีน และต่อเครื่องมาลงที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ แต่เดินทางมากันคนละเที่ยวบิน

อย่างไรก็ตามทั้งหมดให้การปฏิเสธอ้างว่าบัตรอิเล็กทรอนิกส์นี้ไม่ใช่ของปลอมแต่เป็นของญาติ ที่ฝากมารูดซื้อสินค้าในไทย

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งว่า การกระทำดังกล่าวเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาเกี่ยวกับบัตรอิเล็กทรอนิกส์ จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาว่า นำเข้ามาในราชอาณาจักร ซึ่งบัตรอิเล็กทรอนิกส์ปลอมฯและมีไว้เพื่อนำออกใช้ซึ่งบัตรอิเล็กทรอนิกส์ปลอมนำตัวส่งพนักงานสอบสวนสภ.สุวรรณภูมิเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

 


ที่มา : Posttoday.com


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์