งามหน้าไทยอันดับ7หัวขโมย

น.ส.คลิโอ อึ้ง ผู้จัดการทั่วไปด้านบริหารลูกค้าประเภทช่องทางการจัดจำหน่าย ประจำภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก

บริษัท เช็คพอยท์ ซิสเต็มส์ อิงค์ จำกัด เปิดเผยถึงผลศึกษาระดับการโจรกรรมธุรกิจค้าปลีกระดับโลกประจำปี 53 ที่ได้สำรวจห้างค้าปลีก 42 ประเทศทั่วโลกเดือน ก.ค. 52-มิ.ย. 53 พบว่า มูลค่าความเสียหายของห้างค้าปลีกที่ถูกขโมยสินค้าในประเทศไทยติดอันดับที่ 7 ของ โลก และติดอันดับที่ 2 ของภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก โดยมีมูลค่าสินค้าถูกขโมยสูงถึง 1,005 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 31,150 ล้าน บาท ลดลง 5% เมื่อเทียบกับปีก่อน แต่ลดลงน้อยกว่าค่าเฉลี่ยการขโมยสินค้าในห้างค้าปลีกทั่วโลกที่ลดลง 5.6% และในเอเชียลดลง 6.5%
   
สำหรับปัจจัยหลักที่ส่งผลให้เกิดการโจรกรรมในห้างค้าปลีก มาจากการลักเล็กขโมยน้อยมากที่สุด

ส่วนใหญ่มาเป็นแก๊ง  ในสัดส่วนประมาณ 48.9% รองลงมาเป็นการ ทุจริตจากพนักงาน สัดส่วน 23.4%, การทำเอกสารผิดพลาด 21.5% และมาจากผู้ผลิตสินค้า (ซัพพลายเออร์) ส่วนสินค้ายอดนิยมที่ถูกขโมยมากที่สุดคือ เครื่องสำอาง รอง  ลงมาเป็นสินค้าบำรุงผิว และสินค้าเพื่อ ความงามและสุขภาพ เนื่องจากสินค้าดังกล่าวจะจัดวางไว้อย่างโดดเด่นและมีขนาดเล็ก ทำให้ถูกขโมยได้ง่าย รวมถึงมีราคาแพง และสามารถนำไปวางจำหน่ายในตลาดได้ง่าย ประกอบกับพฤติกรรมของกลุ่มผู้หญิงไทยรักสวยรักงามสูงมาก อันดับสามเป็นสินค้าเสื้อผ้าแฟชั่น
   
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าไทยจะติดอันดับของประเทศที่มีการขโมยสินค้าในห้างค้าปลีกเป็นอันดับ 2 ของโลกก็ตาม

แต่กลับมีการลงทุนเพื่อติดตั้งระบบป้องกันถูกขโมยน้อย ที่สุดในเอเชีย โดยมีเงินลงทุนเพื่อติดตั้งอุปกรณ์ป้องกันขโมยประมาณ 86 ล้านดอลลาร์ สหรัฐ คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 0.13% ของยอดรายได้รวมในแต่ละปี ถือว่าต่ำมากเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของเอเชีย ที่มีการลงทุนประมาณ 0.19% ของรายได้รวม และทั่วโลก สัดส่วน 0.34% ซึ่งแนวโน้มการขโมยสินค้าในห้างค้าปลีกที่ยังอยู่ในระดับสูง ยังส่งผลให้คนไทยต้องเสียเงินให้กับห้างค้าปลีกประมาณ 1,500 บาทต่อคนต่อปี เพื่อใช้ไปป้องกันการทุจริต ปรับเพิ่มราคาสินค้าเพื่อชดเชยจำนวนสินค้าที่ถูกขโมยไป ซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่องมาทุกปี
   
ทั้งนี้ ข้อมูลทั่วโลกในปีนี้ ห้างค้าปลีกถูกขโมยสินค้า คิดเป็นมูลค่าความเสียหายรวม 107,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 5.6% จากปีก่อน

โดยประเทศที่ถูกขโมยสินค้าในห้างค้าปลีกมากที่สุดคือ ประเทศ อินเดีย รองลงมาเป็น บราซิล และเม็กซิโก ส่วนในเอเชีย-แปซิฟิก มูลค่าความเสียหายประมาณ 16,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ อันดับหนึ่งเป็นประเทศอินเดีย รองลงมาไทย และมาเลเซีย ขณะที่ประเทศไต้หวัน เป็นประเทศในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ที่มีการขโมยสินค้าในห้างค้าปลีกต่ำที่สุด และใช้เงินในการติดตั้งระบบป้องกันการขโมยน้อยเช่นกัน มาจากคนในประเทศไต้หวัน มีนิสัย ซื่อสัตย์ นอกจากนี้ผลการสำรวจยังพบว่า จำนวนขโมยในห้างค้าปลีกทั่วโลกอยู่ที่ 6.18 ล้านคน เพิ่มขึ้น 100% จากปีก่อน ส่วนในเอเชีย-แป  ซิฟิก มีจำนวนขโมย 154,320 คน เพิ่มขึ้น 100% จากปีก่อนเช่นกัน
   
“แนวโน้มการขโมยสินค้าทั่วโลกลดลงมาจากการที่หลายประเทศเพิ่มงบประมาณในการติดตั้งอุปกรณ์รักษาความปลอดภัยดูแลสินค้าอย่างเข้มงวดในห้างมากขึ้น โดยค่าเฉลี่ยของการขโมยสินค้าทั่วโลก ทำให้ค่าเฉลี่ยของครัวเรือนต้องจ่ายเงินเพื่อซื้อสินค้าเพิ่มขึ้น 5,654 บาทในปีนี้ เพราะห้างค้าปลีก ต้องเพิ่มงบประมาณดูแลสินค้ามากขึ้น หรือใช้แนวทางปรับเพิ่มราคาสินค้า เพื่อชดเชยจำนวนสินค้าที่ถูกขโมยไป ขณะที่สินค้า   ในห้างค้าปลีกทั่วโลกที่ถูกขโมยมากสุด คือ  เสื้อผ้าเด็ก เสื้อผ้าสำหรับใส่ชั้นนอก.


เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์