ฆราวาสอย่าก้าวก่ายเรื่องสงฆ์ ลักษณ์แนะปล่อยตามยถากรรม

23 ก.พ. 58 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า "ลักษณ์ เรขานิเทศ" นักพยากรณ์ดวงชะตาชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก "โหรฟันธง ลักษณ์ เรขานิเทศ"

แสดง ความคิดเห็นต่อกรณีพระมหาเถรสมาคม มีมติให้พระเทพญาณมหามุนี หรือ พระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ไม่เป็นปาราชิก จนกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ของสังคม รวมไปถึงวงการสงฆ์ ซึ่งโหรฟันธงได้ยกนำสุภาพษิตโบราณ "ชั่วช่างชี ดีช่างสงฆ์" มา อธิบายความ ระบุว่า พุทธศาสนิกชนไม่ควรเข้าไปชี้มูลกล่าวโทษ หรือจาบจ้วงล่วงเกินฝ่ายสงฆ์ เพราะเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน และกระบวนการของสงฆ์ก็มีขั้นมีตอนที่ชัดเจนอยู่แล้ว

ส่วนฝ่ายพระสงฆ์หากไม่พอใจพระสงฆ์รูปใด ก็ไม่ต้องไปร่วมสังฆกรรมด้วย ให้ปฏิบัติตามแนวทางพระธรรมวินัยต่อไปทุกอย่างก็จะเรียบร้อย

ข้อความในเฟซบุ๊กระบุเนื้อหาดังนี้

มีพระสงฆ์ ที่มีวัตรปฏิบัติอันงาม ศีลอันงาม อีกมายมาย ในโลกนี้ "ท่าทีและความเข้าใจ ของชาวพุทธ ในเวลาขณะนี้ครับ"

ชั่วช่างชี ดีช่างสงฆ์

เราชาวพุทธมีวิถี "บุญ" ตามบุญกิริยา พุทธศาสนิกชน มีศรัทธาในพระพุทธศาสนา ทั้งในบุญกิริยา ในระดับต่างๆ กันไปตามกำลังแห่งศรัทธา เราไม่มีหน้าที่ชี้มูลกล่าวโทษ จาบจ้วงล่วงเกินในความแห่งสงฆ์แห่งชี (ศีลเเห่งสงฆ์ศีลแห่งชีต่างจากศีลแห่งฆราวาส และมีเรื่องที่ละเอียดอ่อนที่สาธุชนพึงต้องระวัง) จริงอยู่ เรามีความรู้ความเข้าใจ ความศรัทธา แตกต่างกันไป นั่นไม่ใช่ปัญหา "บัวมี4เหล่า" และไม่มีใครผู้ใดจะมาตัดสิน ในศรัทธาของแต่ละบุคคลที่มีพื้นบุญ/กรรมต่างกัน

1.ฝ่ายสงฆ์ท่านมีพระธรรมพระวินัย มีกฏมีระเบียบ มีกฏหมายมีพระราชบัญญัติสงฆ์ มีคณะสงฆ์บริหารปกครองจัดการ มีขั้นตอน มีการปฏิบัติ หนักเบา ช้าเร็ว เป็นไปตามระบบของท่าน และที่สุดมีกรรมเป็นเครื่องชี้การกระทำและเจตนา ไม่ช้าก็เร็วผลนั้นๆ ย่อมแสดง ฝ่ายฆราวาส ปุถุชน ไม่ควรไปยุ่งหรือไปเกี่ยวข้องเพราะมีวิถีตามที่ได้กล่าวแล้วข้างต้น

2.ฝ่ายสาธุชน ย่อมคิดพิจารณา ในศรัทธาที่มีต่อสงฆ์ จะเสื่อมหรือจะศรัทธา เป็นสิทธิ์ ที่ใครก็ไม่มีสิทธิ์มากำหนดให้เราเป็นไปอย่างไร พระพุทธศาสนาดำรงอยู่ ด้วย พระธรรมคำสั่งสอน เรายึดในพระธรรมคำสั่งสอน พระพุทธศาสนายังคงผุดผ่องงดงามตามวิถี เราไม่จำเป็นต้องไปยึดกับตัวบุคคล

-เลือกที่จะะศรัทธาในวัตรปฏิบัติในศีลาจารวัตรในพระสงฆ์ที่มีอยู่ มากมายในหลายๆ นิกาย ทั้งพุทธมหายาน ทั้งพุทธเถรวาท (ฝ่ายมหานิกาย/ฝ่ายธรรมยุติ)
-เลือกที่จะยึดแนวเพื่อหลุดพ้นเป็นที่สุดหรือจะเเนวทางวิถีโพธิสัตว์คือการเวียนเกิดสะสมบุญสร้างบารมี

ไม่ไปว่ากล่าวให้ร้าย จับผิด กล่าวโทษ ไม่ศรัทธาก็จากไปห่างไป ไม่ต้องพูดถึง กล่าวถึง ระลึกนึกถึง มีอยู่แน่นอนสำหรับพระ/วัด ที่มีศีลไม่งาม วัตรปฏิบัติไม่งาม เราก็ไม่ต้องไปยุ่งไปเกี่ยวก็จบ เราไม่ต้องไปทำอะไรให้เป็นบาปในฐานะที่มีศีลต่างกัน เราอยู่บนต้นเรื่องเราคือ"ฆราวาส ปุถุชน"

ใครคนอื่นเขาจะนับถือแบบใด วัดใด พระรูปใด มันเรื่องของเขา ไม่ใช่เรื่องของเรา
ใครเขาจะมุ่งหามรรค ผล นิพพาน เป็นที่สุด ก็อนุโมทนา ใครปรารถนาสร้างบารมีโพธิสัตว์ ก็เรื่องของเขา เราก็ต้องหาตัวเรา เราปรารถนารูปแบบใด ในสมัยพระพุทธกาลพระพุทธองค์ก็ไม่เคยบังคับใคร มีอริยบุคลมากมายที่ใกล้ชิดพระพุทธองค์ก็ไม่ได้สละทุกๆ อย่างออกบวช อย่างท่านอนาถปิณฑิกะเศรษฐี พระเจ้าปเสนทิโกศล พระนางวิสาขามหาอุบาสิกา

ด้านพระสงฆ์ พระสงฆ์รูปใดไม่พอใจอะไรในสิ่งที่เห็นว่าผิดว่าไม่ถูกต้อง ก็ไม่ต้องร่วมสังฆกรรมกับวัดกับคณะสงฆ์กับสงฆ์รูปที่ท่านเห็นว่าผิดธรรมผิด วินัย ตัวของพระที่เป็นพระสุปฏิปันโนก็ควรปฏิบัติในแนวทางที่ถูกต้องงดงามตามพระ ธรรมพระวินัย ตามปัญญาของตน จนเป็นต้นแห่งศรัทธา ไม่ต้องไปว่าใคร ไปทำอะไรใคร ทำให้องค์ท่าน รูปท่าน ศีลท่าน บังเกิดความงดงาม ย่อมเป็นวิถีไปสู่ศรัทธา และนำสาธุชนปฏิบัติในแนวทางวิถีที่ตนได้ยึดได้ปฏิบัติ ทุกอย่างก็เรียบร้อยงดงาม สาธุชนที่มีแนวทางมีครูบาอาจารย์ก็ยึดตามสายศรัทธาของตนไม่ไปโจมตีให้ร้าย คณะใด กลุ่มใด ทุกอย่างก็เรียบร้อยงดงาม

นี่คือท่าทีของชาวพุทธที่ควรได้ทราบเป็นแนวทางในการทำความเข้าใจ ในฐานะพุทธศาสนิกชน หากไปจาบจ้วงล่วงเกิน ด่ากราด กล่าวโทษ สะใจกับการกระทำทาง กาย วาจา ใจ อาจเป็นหนทางแห่งบาปแห่งกรรม ที่กระทำเพียงเพราะมีอวิชา มีอคติ มีความต้องการให้เป็นอย่างนั้น อย่างนี้ ท่านจะเผลอสร้างกรรมโดยไม่รู้ตัว เชื่อเถอะครับ "ชั่วช่างชี ดีช่างสงฆ์ โบราณท่านสอนไว้ให้คิด" ขอฝากให้ทุกๆ คนที่ได้ติดตามได้คิดนึก พิจารณา เเละการวางตนในความศรัทธา สำหรับเรื่องราวที่เกิดขึ้นในขณะนี้ครับ