คุก20ปี 2นายดาบหื่น กามในสน. ขยี้สาวผู้ต้องหา!


ใช้ห้องสายสืบเรียงคิว โรงพักเพชรเกษมฉาว


ศาลอาญาจำคุก 2 นายดาบสายสืบสน.เพชรเกษม คนละ 20 ปี คดีข่มขืนสาววัย 16 ผู้ต้องหาคดียาบ้าในห้องฝ่ายสืบสวน บนโรงพัก โดยถือโอกาสเบิกตัวจากห้องขังตอนกลางดึกแล้วพาไปเรียงคิวรุมโทรม เหยื่อเล่าเรื่องให้เจ้าหน้าที่ฟังระหว่างถูกควบคุมอยู่บ้านปรานี กระทั่งความจริงปรากฏนำไปสู่การแจ้งความปดส. ศาลชี้พยานหลักฐานแน่นหนาจึงลงโทษสถานหนัก ส่วนตำรวจอีกคนในห้องยกฟ้องเพราะพยานหลักฐานไม่ชัดเจน

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 4 พ.ย. ที่ห้องพิจารณาคดี 804 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลพิพากษาคดีที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ ฟ้องด.ต.นุโลม แอ๊ดมา, ด.ต.มงคล โททอง และด.ต.ผจลณ์ ตะโกนวน ตำรวจฝ่ายสืบสวนสน.เพชรเกษม เป็นจำเลยที่ 1-3 ความผิดฐานร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราหญิงซึ่งมิใช่ภรรยาของตน โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยหญิงอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276

ตามฟ้องโจทก์เมื่อวันที่ 24 ม.ค. 51 บรรยายความผิดสรุปว่า เมื่อวันที่ 14 ม.ค. 50 เวลา 21.00 น. จำเลยที่ 1-2 กับพวก ร่วมกันจับกุมตัวน.ส.ออย(นามสมมติ) ผู้เสียหาย อายุ 16 ปี ข้อหาเสพยาบ้า โดยจำเลยนำผู้เสียหายไปตรวจร่างกายที่ร.พ.บางกอก อินเตอร์เนชั่นเนล พบสารเสพติดในร่างกาย แล้วนำส่งพนักงานสอบสวนสน.เพชรเกษมดำเนินคดี ก่อนนำตัวผู้เสียหายไปควบคุมไว้ในห้องผู้ต้องขังหญิง กระทั่งเวลา 23.00 น.วันเดียวกันจำเลยที่ 2 เบิกตัวผู้เสียหายออกจากห้องขังนำขึ้นไปบนห้องสืบสวน ชั้น 3 ของสถานีตำรวจ จากนั้นจำเลยทั้งสามกับพวกอีก 1 คนผลัดกันข่มขืนกระทำชำเราโดยผู้เสียหายไม่ยินยอม และอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ อันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิง เหตุเกิดที่สน.เพชรเกษม กทม. จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ

คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยว่าจำเลยทั้งสามกระทำผิดตามฟ้องหรือไม่ โจทก์มีน.ส.ออย ผู้เสียหาย เบิกความเป็นพยานว่า หลังจากถูกจับและนำตัวเข้าห้องผู้ต้องขังหญิง ในคืนวันเดียวกันจำเลยที่ 2 เบิกตัวขึ้นไปที่ห้องฝ่ายสืบสวน ให้นั่งรอที่โซฟา จากนั้นจำเลยที่ 2 เข้ามาลวนลาม ก่อนพาไปนอนที่เตียงในห้องฝ่ายสืบสวน จำเลยที่ 2 เริ่มกระทำชำเราก่อน โดยจำเลยที่ 1 เป็นคนจับแขนไว้ แล้วจำเลยที่ 1 กระทำชำเราต่อ

จากนั้นยังมีชายอีก 2 คนมากระทำชำเรา แต่ไม่สามารถระบุตัวได้ว่าเป็นใคร ภายหลังเมื่อกระทำชำเราแล้วจำเลยที่ 1 พาพยานไปล้างตัวพร้อมข่มขู่ว่าห้ามนำเรื่องไปบอกใคร วันรุ่งขึ้นพยานจึงถูกนำตัวไปส่งฟ้องที่ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง และถูกนำตัวไปคุมขังไว้ที่สถานแรกรับเด็กและเยาวชนหญิงบ้านปรานี โดยระหว่างถูกคุมขังนาน 9 วันรู้สึกเจ็บอวัยวะเพศ จึงปรึกษากับพยาบาลและนักจิตวิทยา พร้อมบอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ฟัง จนมารดาทราบเรื่องจึงเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวนบก.ปดส.

ศาลเห็นว่าผู้เสียหายซึ่งเป็นผู้ถูกกระทำ เบิกความตั้งแต่ก่อนและหลังถูกกระทำชำเรา ประกอบกับหลักฐานทางการแพทย์ในการตรวจร่างกายผู้เสียหาย พบร่องรอยฉีกขาดของอวัยวะเพศ ขณะที่พยาบาลและนักจิตวิทยาบ้านปรานียังเบิกความสนับสนุนด้วยว่าผู้เสียหายมาขอคำปรึกษา เนื่องจากรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนไม่มีค่า จึงพยายามสอบถามจนทราบรายละเอียดทั้งหมด เห็นว่าพยานโจทก์ไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกับจำเลยมาก่อน เชื่อว่าพยานโจทก์ทั้งหมดเบิกความไปตามจริง ไม่มีเหตุให้เบิกความปรักปรำให้จำเลยต้องได้รับโทษ อีกทั้งขณะเกิดเหตุภายในห้องมีแสงสว่างเพียงพอ ผู้เสียหายย่อมจดจำใบหน้าของจำเลยได้อย่างชัดเจน กรณีไม่มีเหตุผลเพียงพอจะสร้างเรื่องขึ้นมา เชื่อว่าผู้เสียหายถูกข่มขืนกระทำชำเราจริง

คดียังมีปัญหาต้องวินิจฉัยต่อไปว่า จำเลยที่ 3 ร่วมกระทำความผิดด้วยหรือไม่ เห็นว่าผู้เสียหายไม่สามารถจดจำได้ว่าจำเลยที่ 3 ร่วมกระทำชำเราด้วยหรือไม่ เพียงแต่หลังจากถูกกระทำชำเรา ผู้เสียหายเดินออกมาจากเตียงแล้วเห็นจำเลยที่ 1-3 และตำรวจอีก 1 คนนั่งอยู่ในห้อง จึงเข้าใจว่าถูกคนที่อยู่ในห้องทั้งหมดข่มขืน จึงไม่อาจรับฟังได้ว่าจำเลยที่ 3 ร่วมกระทำชำเราด้วย

ส่วนที่จำเลยที่ 1-2 ต่อสู้ว่ามีเหตุโกรธเคืองกับมารดาของผู้เสียหาย และในการเบิกตัวผู้เสียหายออกจากห้องขังในเวลากลางคืนนั้น มีระเบียบที่ต้องให้ผู้บังคับบัญชารับทราบ เห็นว่าเป็นการกล่าวอ้างลอยๆ ส่วนการเบิกตัวผู้ต้องหาออกจากห้องขังนั้น แม้มีระเบียบอยู่จริงแต่อาจสามารถเบิกตัวออกมาได้ พยานหลักฐานของจำเลยไม่สามารถหักล้างพยานหลักฐานโจทก์ได้ จึงพิพากษาว่าจำเลยที่ 1-2 มีความผิดฐานร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราหญิงซึ่งมิใช่ภรรยาของตน โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยหญิงอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ ตามมาตรา 276 ให้จำคุกคนละ 20 ปี ปรับ 40,000 บาท และพิพากษายกฟ้องจำเลยที่ 3

เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์