คลั่งยาบ้าป่วนเมือง จับครูซี7 แย่งปืนรถตร.

ครูซี 7โรงเรียนดัง เมายาบ้าคลั่งแย่งปืนจี้ตำรวจ ก่อนฉกรถสายตรวจ ออกป่วนทั่วเมืองเชียงราย ร้อนเจ้าหน้าที่ ต้องส่งกำลังออกไล่ล่ากว่าจะได้ตัวเสียเวลาเกือบทั้งคืน

เมื่อเวลา 00.45 น.วันที่ 14 ส.ค. พ.ต.ต. วิชัย ไชยอิ่นคำ พงส.สบ.2 สภ.เชียงแสน จ.เชียงราย รับแจ้งว่ามีชายคลุ้มคลั่งเมาสุราอาละวาด มีอาวุธปืน อยู่ที่ถนนสายหลังโรงพยาบาลเชียงแสน จึงรุดเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ 

เมื่อไปถึงพบชายอายุประมาณ 50 ปี จูงเด็กชายอายุประมาณ 7 ขวบ ซึ่งเป็นลูกชาย ในมือถือปืนส่ายไปมา มีเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจพร้อมรถยนต์สายตรวจ 201 จอดอยู่ ชายคนดังกล่าวได้ยกปืนขู่เจ้าหน้าที่พร้อมทั้งเดินตรงมายังรถสายตรวจ เมื่อถึงรถได้ผลักลูกชายเข้าไปในรถแล้วขับรถสายตรวจคันดังกล่าวหลบหนีไป

เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ออกตามอย่างกระชั้นชิด พร้อมทั้งรายงานให้ พ.ต.อ.สุธรรม ชาติอาษา ผกก. ทราบ จึงพร้อมด้วย พ.ต.ท.ธาตรี กุลวัฒน์ รอง ผกก.สส. นำกำลังตำรวจออกไปสมทบ จนไปถึงบ้านกู่เต้า ม.3 ต.โยนก อ.เชียงแสน พบรถสายตรวจคันดังกล่าวจอดทิ้งอยู่ หน้าบ้าน นายนคร ชื่นชม อาจารย์โรงเรียนเชียงแสนวิทยาคม อ.เชียงแสน ซึ่งนายนครได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทราบว่าชายที่ขับรถสายตรวจมาชื่อ นายสถิตย์ ก้างออนตา อายุ 53 ปี บ้านเลขที่ 739 ม.4 ต.หยวน อ.เชียงคำ จ.พะเยา อดีตข้าราชการครูระดับ 7 โรงเรียนมีชื่อแห่งหนึ่งในจังหวัดอุตรดิตถ์ และได้เกษียณก่อนกำหนดออกมาแล้วเมื่อประมาณ 2 ปี และได้นำลูกชายมาฝากไว้กับตน แล้วถือปืนวิ่งเข้าป่าข้างบ้านหลบหนีไป 

เจ้าหน้าที่ตำรวจได้กระจายกำลังออกปิดล้อมบริเวณดังกล่าว แต่เนื่องจากเป็นเวลามืดและบริเวณโดยรอบเป็นป่าภูเขา จึงได้แบ่งสายออกติดตามหานายสถิตย์ ขณะที่ ด.ต.ประพันธ์ พันธ์อำไพ เจ้าหน้าที่สายตรวจเดินตระเวนหาอยู่นั้น นายสถิตย์ ซึ่งซุ่มอยู่ในความมืดข้างทางได้เข้าประกบด้านหลังใช้ปืนจี้ ด.ต.ประพันธ์ แล้วบังคับเอาปืนรีวอลเวอร์ขนาด .38 1 กระบอก ซึ่งเป็นปืนพกประจำตัวของ ด.ต.ประพันธ์ ก่อนยิงปืนขู่ขึ้นฟ้า 2 นัด แล้ววิ่งหนีเข้าไปในป่าอีกครั้ง เจ้าหน้าที่ได้กระชับพื้นที่ในการค้นหา จากอากาศที่มืดและฝนเริ่มตกลงมา ทำให้การค้นหาเป็นด้วยการยากลำบาก เจ้าหน้าที่ได้ถอนกำลังกลับมาที่บ้านนายนคร คาดว่าคนร้ายต้องกลับมาหาลูกชายที่ฝากไว้ 

กระทั่งเวลา 02.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ยินเสียงปืนดังติดต่อกันหลายนัด ห่างออกไปประมาณ 100 เมตร จึงรีบออกไปตรวจสอบ พบเป็นบ้านครึ่งตึกครึ่งไม้ของนายบุญทอง คำแก้ว อายุ 60 ปี บ้านเลขที่ 121 ม.3 ต.โยนก ข้างฝาบ้านและประตูมีรอยถูกยิง แต่ไม่มีผู้ได้รับอันตราย นางทับ คำแก้ว ภรรยาเจ้าของบ้านให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ขณะนอนอยู่ในบ้านได้ยินเสียงผู้ชายตะโกนอยู่หน้าบ้าน ตนไม่กล้าออกไปดู จากนั้นได้มีเสียงปืนยิงเข้าใส่บ้านของตนหลายนัด พวกตนต้องหมอบลงกับพื้นจนได้ยินเสียงเจ้าหน้าที่ตำรวจมาเรียกจึงออกมาดู  

ต่อมาเวลา 03.50 น.เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งว่ามีคนถูกฟันได้รับบาดเจ็บมารักษาตัวที่โรงพยาบาลเชียงแสน จึงรุดออกไปตรวจสอบทราบชื่อว่านายวัชระ น้อยหมอ อายุ 26 ปี ราษฏรบ้านดอยงาม ม.8 ต.โยนก ถูกฟันเข้าที่บริเวณปาก อาการสาหัสถูกนำส่งไปรักษาตัวต่อที่โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ จ.เชียงราย จากการสอบสวนทราบว่า นายวัชระขับรถปิคอัพมาถึงปากทางเข้าบ้านดอยจัน ม.6 ต.โยนก พบชายไม่สวมเสื้อ นุ่งกางเกงขาสั้น มือถืออาวุธมีด ขณะที่นายวัชระ ชะลอรถเลี้ยว ชายดังกล่าวได้วิ่งออกมาจากที่มืดข้างทางเข้ามาใช้อาวุธมีดฟันเข้าที่บริเวณใบหน้านายวัชระอย่างแรง ก่อนวิ่งหลบหนีเข้าข้างทางหายไปกับความมืด เจ้าหน้าที่คาดว่าชายดังกล่าวน่าจะเป็นนายสถิตย์ ที่เมาคลุ้มคลั่ง 

จนกระทั่งเมื่อเวลา 09.00 น. เจ้าหน้าที่สืบทราบว่าก่อนก่อเหตุ นายสถิตย์ได้เช่าห้องพักอยู่ที่บ้านสวนเฮ้าส์ ม.6 ต.เวียง เจ้าหน้าที่จึงได้เข้าไปตรวจค้นห้องพักที่บ้านสวนเฮ้าส์ พบอุปกรณ์เสพยาบ้าจึงยึดไว้เป็นหลักฐาน ต่อมาเวลา 12.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถสกัดจับนายสถิตย์ได้ที่บริเวณถนนบายพาสก่อนเข้าเมืองเชียงแสน ในสภาพอิดโรย เจ้าหน้าที่คุมตัวมาที่โรงพัก พ.ต.ท.ธาตรี กุลวัฒน์ รอง ผกก.สส. นำเข้าห้องสอบสวนนายสถิตย์ให้การวกวน จับใจความยังไม่ค่อยได้จนในที่สุด นายสถิตย์ยอมรับว่านำปืนที่ชิงจากเจ้าหน้าที่ตำรวจไปทิ้งที่กอไผ่ใกล้บ้านที่ยิงเมื่อคืนนี้ แล้วก็บ่นหิวน้ำหิวข้าว เจ้าหน้าที่จึงได้จัดอาหารมาให้ แล้วนำไปสงบสติอารมณ์ ก่อนสอบสวนหาข้อเท็จจริง จากนั้นเจ้าหน้าที่ตามไปค้นหาจนพบอาวุธปืนของ ด.ต.ประพันธ์ ซุกอยู่ในกอไผ่จึงเก็บมาไว้เป็นหลักฐานต่อไป

เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์